เผยแพร่ |
---|
แรกที่คสช.ออกประกาศฉบับที่ 57/2557 มิให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมในทางการเมืองถือได้ว่ามีความเหมาะสม
เพราะเป็นหลังรัฐประหารใหม่หมาด
หรือแม้กระทั่งเมื่อมีคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558 ตามมาก็ยังถือได้ว่ามีความเหมาะสม
เพราะหากปล่อยให้มีการชุมนุมเกิน 5 คนอาจจะปั่นป่วน
กระนั้น การที่ประกาศฉบับที่ 57/2557 การที่คำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 3/2558 ยังดำรงคงอยู่แม้กระทั่งในเดือนสิงหาคม 2561 ก็เริ่มเกิดสภาพแปลกแยก
ยิ่งมีคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 53/2560 ยิ่งเกิดความแปลกแยกเป็นทวีคูณ
เพราะมี “รัฐธรรมนูญ” มีพรป.ว่าด้วย”พรรคการเมือง”
การดำรงคงอยู่ของประกาศและคำสั่งอันเป็นมรดกตกทอดของรัฐประหารจึงอาจเหมาะสมในห้วงหนึ่ง แต่พอถึงอีกห้วยหนึ่งกลับ กลายเป็นเรื่องประหลาด
เหมือนกับกรณีของประกาศและคำสั่ง 3 ฉบับที่อ้างมาในตอนต้น
สภาวะขัดอย่างสำคัญมาจากเงื่อนไข “ใหม่”
เงื่อนไข 1 คือ มีการประกาศและบังคับใช้รัฐธรรมนูญตั้งแต่ เดือนเมษายน 2560
เงื่อนไข 1 คือ มีการประกาศและบังคับใช้พรป.ว่าด้วยพรรค การเมืองตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560
แทนที่พรรคการเมืองจะเดินหน้าไปได้ ตรงกันข้าม กลับยังมีการประกาศและบังคับใช้คำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 53/2560 ทำให้พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ต้องเดี้ยง
ทั้งๆที่ปากก็บอกว่ากำลังเดินหน้าโรดแมปไปสู่”การเลือกตั้ง”
ประกาศและคำสั่งบางฉบับอาจเป็นประโยชน์ในห้วงเวลาหนึ่งโดยเฉพาะหลังการยึดอำนาจเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
แต่เมื่อผ่านเข้าสู่เดือนพฤษภาคม 2561
ความเหมาะสมในห้วงเมื่อ 4 ปีก่อนอาจกลายเป็นอุปสรรคปัญหา ณ วันนี้ กระแสต่อต้าน คัดค้านและต้องการให้ยกเลิกจึงดังกระหึ่ม
แทนที่การคลายล็อกหรือปลดล็อกจะได้รับเสียงชมเชยกลับมีแต่ความหงุดหงิด ไม่พอใจ
แทนที่จะเป็น”คุณูปการ”กลับอยู่ในสภาพ”จำยอม”