| เผยแพร่ |
|---|
การออกมาชี้แจงกรณีมีการแชร์ภาพ ข้อความ “บิกตู่ติงคนไทยใช้ สมองน้อย” โดย พล.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด สะท้อนสภาพความเป็นจริงที่ดำรงอยู่ในโลกของ “สื่อ”อย่างเด่นชัด
ไม่ว่าจะเป็นการแถลงในสถานะอะไร
1 ในฐานะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 1 ในฐานะอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์
เพราะนี่เป็นเรื่องในโลกของ “โซเชียลมีเดีย“
“เตือนไปยังนักเลงคีย์บอร์ดทั้งหลายที่จงใจสร้างข่าวปลอมให้ร้าย หรือตัดข้อมูลเพียงบางส่วนไปนำเสนอเพื่อสร้างความเกลียดชังกัน ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
ขอให้หยุด”
หากไม่เป็นเรื่องเหลือบ่ากว่าแรงภาระนี้คงไม่ตกมาถึงมือของอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์
หรือโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
เพราะพลันที่เรื่องอยู่ในความรับผิดชอบของ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด สะท้อนว่า
1 นายกรัฐมนตรีเดือดร้อน 1 รัฐบาลเดือดร้อน
แม้ว่าการบิดเบือน “ข้อความ”นี้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 2558 แต่ก็ยืนยันว่าได้รับการเผยแพร่อย่างจงใจ อึกทึกครึกโครมเป็นพิเศษในปี 2561
เหมือนกับจะเป็นบรรยากาศก่อน”การเลือกตั้ง”
กระนั้น คำถามที่ตามมาโดยอัตโนมัติว่าทำไมเมื่อเป็นบรรยา กาศก่อน”การเลือกตั้ง” จึงถือเอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นเป้าหมายในการบิดเบือนและทำลาย
ตรงนี้คือเงาสะท้อนในอีกด้านของ “การเมือง” โดยเฉพาะการเมืองในเรื่อง “สืบทอดอำนาจ”
กระบวนการในการบิดเบือน ทำลายภาพลักษณ์ของคสช.และของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เช่นนี้สะท้อนว่าคสช.ดำรงอยู่ในสถานะอะไรในทางการเมือง
เป็น “คนกลาง” หรือไม่ เป็น “กรรมการ” หรือไม่
เด่นชัดยิ่งว่าไม่ใช่ ตรงกันข้าม คสช.ได้กลายมาเป็นคู่แห่งความขัดแย้งในทางการเมืองโดยตรง จึงกลายเป็น”ตำบลกระสุน ตก”ไปโดยปริยาย
การสาดน้ำเข้าหากันก็ย่อมจะต้องเปียกเป็นธรรมดา
