เผยแพร่ |
---|
คำยกย่องต่อพรรคก้าวไกลกำลังพัฒนาไปสู่ความเป็น”สถาบัน”ในทางการเมือง อันมาจากปาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กำลังส่งผลสะเทือนสัมผัสได้จาก”ปฎิกิริยา”ที่แผ่กระจาย ขยายตัวออกไป
ทั้งๆที่มองจากประสบการณ์และความจัดเจน ถือได้ว่าบทสรุปของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สอดรับกับสภาพความเป็นจริงที่ดำรงอยู่ของพรรคก้าวไกล
ไม่ว่าจะมองจากซ้ายเก่าอย่าง นายไพศาล พืชมงคล ไม่ว่าจะมองจากปัญญาชนสาธาระอย่าง นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ ก็สอดรับกับ”ผลงาน”ในสภา
ยิ่งเมื่อมองผ่านจังหวะก้าวของข้อเสนอปฏิรูปกองทัพโดยยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และการรุกคืบไปยัง”สมรสเท่าเทียม”และ “สุราก้าวหน้า” ยิ่งน่าตื่นตลึง
กระนั้น ในเมื่อเป็นคำชมอันออกมาจากปาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็กลายเป็นปัญหา ไม่แน่ใจในเจตนาการอันแท้จริงของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าเป็นอย่างไร
เป็นความหวังดีอย่างบริสุทธิ์และจริงใจ หรือว่าดำเนินไปตามแผนในแบบ”อะแซหวุ่นกี้”
คงจำกันได้ว่าอะแซหวุ่นกี้เป็นยอดขุนพลที่ยกทัพโยธามาจากกรุงอังวะ เพื่อทำสงครามรุกรานและแย่งชิงอำนาจจากกรุงธนบุรี กระทั่งประสบกับทัพของเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก
ความสามารถในการนำทัพและออกศึกของเจ้าพระยามหา กษัตริย์ศึกเป็นที่ประทับใจของอะแซหวุ่นกี้เป็นอย่างสูงจนต้องขอดูตัว
เมื่อได้พบและดูตัวแล้วก็ปล่อยคำชมออกมาได้อย่างเฉียบคมว่า “ขอให้รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี กาลข้างหน้าจะได้เป็นกษัตริย์”
วงการมองว่าเนคำชมที่สอดรับกับความเป็นจริงในทางประ วัติศาสตร์ ขณะเดียวกัน ก็ก่อให้เกิดคำถามว่าเป็นคำชมอันมาจากน้ำใสใจจริงอันบริสุทธิ์หรือไม่
หรือว่าเป็นกลยุทธ์ใน”การเสี้ยม”สร้างความแตกแยก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อาจมีบทเรียนและประสบการณ์ต่อประ วัติศาสตร์ไทยไม่มากนัก เพราะศึกษาทั้งระดับมัธยมและอุดมศึกษาจากสหราชอาณาจักร
กระนั้น อย่าลืมเป็นอันขาดว่าเคยเป็นหัวหน้า”ประชาธิปัตย์”เป็นพรรคประชาธิปัตย์ในยุคของ นายชวน หลีกภัย อันสะสมความจัดเจนสูงยิ่งในทางการเมือง ผ่านร้อนหนาวทางการเมืองมาอย่างโชกโชน
มุมมองต่อพรรคก้าวไกลจึงเฉียบคมและตีความหลากหลาย