เผยแพร่ |
---|
สภาพการณ์จำกัดของสังคมเนื่องแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส และสภาพการณ์จำกัดเนื่องแต่พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินก่อให้เกิด 2 แนวทางขึ้น
1 เป็นแนวทางของการยอมจำนน ไม่ขยับขับเคลื่อนอะไรเลย ตั้งรับอย่างเดียว
1 เป็นแนวทางของการยอมรับความจำกัดแต่ก็พยายามค้นหา ว่าจะสามารถเลือกใช้ช่องทางใดบ้างในการขยับ ในการขับเคลื่อน
ทางเลือกทั้ง 2 แนวมีทั้งลักษณะ “ร่วม” และทั้งลักษณะ”ไม่ ร่วม” เป็นการต่อสู้ระหว่างแนวทางยอมจำนน กับแนวทางแม้จะยินยอมแต่ก็ไม่ถึงกับจำนนในแบบงอก่องอขิง
ตัวอย่างที่เห็นชัดมาก คือ ตัวอย่างในแวดวงการเมือง
ภาพ 1 คือภาพของพรรคการเมืองในปีกของรัฐบาลและร่วมอยู่ในรัฐบาล ภาพ 1 คือภาพของพรรคการเมืองอย่างที่เรียกว่าพรรคร่วมฝ่ายค้าน
ภายในปีกของรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลยอมรับต่อประกาศและข้อบังคับอย่างสิ้นเชิง
ทั้งยังออกมากำราบอีกฝ่ายมิให้แข็งขืน ต่อต้าน
ภายในปีกของพรรคร่วมฝ่ายค้าน บางส่วนเห็นคล้อยตามไป กับปีกของรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล และมีบางส่วนอันเป็นส่วนใหญ่แม้จะยอมรับแต่ก็มิได้เป็นการยอมรับอย่างงอก่องอขิง
นั่นก็คือ เป็นการยอมรับ แต่มิได้เป็นการยอมรับอย่างยอมจำนนอย่างสิ้นเชิง นั่นก็เห็นได้จากการออกมาเสนอแนะอย่างสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง
โดยผ่านกระบวนการทางอินเตอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย
อาจกล่าวได้ว่า การเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย การเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกล ได้ตีฝ่าแนวทางเดิมของพรรคการเมืองในอดีตไปได้อย่างสิ้นเชิง
ตามปกติเมื่อเผชิญกับการรัฐประหาร หรือการจำกัดพื้นที่ในแบบกฎอัยการศึก การประกาศภาวะฉุกเฉิน
พรรคการเมือง นักการเมืองเลือกที่จะนิ่ง ยอมจำนน
แต่จากการแสดงออกของพรรคเพื่อไทยประสานเข้ากับพรรค ก้าวไกลเด่นชัดว่าพวกเขาไม่ยอมจำนน หากแต่หาช่องทางใหม่
เลือกช่องทางและพื้นที่ใหม่ในการต่อสู้ ในการเคลื่อนไหว