วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร/6 ปี ก้าวกระโดดใหญ่ (136)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย
เสถียร จันทิมาธร

6 ปี ก้าวกระโดดใหญ่ (136)

ไม่ว่าจะเป็นการฝึกกระบี่กลางสายธารอันเชี่ยวกรากภายในหุบร้าง ไม่ว่าจะเป็นการฝึกกระบี่ในเสียงครืนโครมของคลื่นในมหาสาครใหญ่
มีองค์ประกอบที่ไม่ควรมองข้ามอย่างน้อย 2 องค์ประกอบ
1 เป็นการฝึกภายใต้การชี้นำและชี้แนะอย่างเอาการเอางานยิ่งของพี่อินทรี เริ่มจากการกดดันและสร้างเงื่อนไข กระทั่งในที่สุดเข้าใจ
แน่นอน กระบวนท่าล้วนมาจากของกระบี่อสูรต๊กโกวคิ้วป่าย
ขณะเดียวกัน 1 เป็นการฝึกอย่างชนิดเคี่ยวกรำ เข้มข้น ต่อเนื่องด้วยระยะเวลาอันแน่นอนหนึ่ง และค่อยๆ จับพัฒนาการได้
กล่าวสำหรับครั้งหลังสุดพัฒนาการนั้นมีสิ่งเปรียบเทียบ
ในเบื้องต้นของการฝึก เสียงกระบี่ไม้ยิ่งมายิ่งดัง เมื่อถึงตอนท้ายกลับดังครืนครั่นสะเทือนเลื่อนลั่น ดังเป็นเวลาหลายเดือนติดต่อตามกัน
เสียงกระบี่กลับแผ่วเบาลงทีละน้อย ทีละน้อย ในที่สุดกลายเป็นไร้เสียง
ฝึกปรืออีกหลายเดือนเสียงกระบี่ค่อยดังขึ้นอีก นับแต่นั้นจากเบาเป็นดัง จากดังเป็นเบา ย้อนทวนรวม 7 ครั้ง สุดท้ายจากเบาเป็นเบา จากดังเป็นดัง
เมื่อฝึกปรือมาถึงขั้นนี้ พองอนิ้วนับดูก็อยู่ที่ชายฝั่งทะเล 6 ปีแล้ว

กิมย้งบรรยายตามสำนวนแปล น.นพรัตน์ ออกมาว่า ยามนี้เอี้ยก่วยถือกระบี่ไม้แทงสวนระลอกคลื่นยามน้ำทะเลหนุนสูง พลังอันแผ่พุ่งออกจากกระบี่สามารถต้านปะทะกับคลื่นลูกใหญ่ลูกแล้วลูกเล่าซึ่งถาโถมเข้ามาปะทะ
อินทรีแม้ทรงพลังมหาศาลยังมิอาจต้านทานกระบี่ไม้แม้เพียง 2-3 กระบวนท่า
ในยามนี้จึงค่อยรับรู้ถึงอารมณ์และความรู้สึกในช่วงปัจฉิมวัยของกระบี่อสูรต๊กโกวคิ้วป่าย ครุ่นคิดขึ้น “อาศัยเพลงกระบี่นี้ทั่วทั้งยุทธจักรไหนเลยมีคู่ต่อสู้ต้านติด มิน่าเล่า ผู้อาวุโสแซ่ต๊กโกวสะทกสะท้อนอ้างว้างตัดสินใจฝังกระบี่ในหุบเขาร้าง”
จากนั้นครุ่นคิดสืบต่อ “และหากมิใช่ครั้งกระโน้นพี่อินทรีเห็นผู้อาวุโสแซ่ต๊กโกวฝึกซ้อมกระบี่ เราไหนเลยจะได้เรียนรู้ยอดวิชานี้ เราเรียกหามันเป็นพี่อินทรี แท้ที่จริงมันเป็นอาจารย์ผู้เลิศล้ำของเรา
“เอ่ยถึงอายุ ไม่ทราบว่ามันมีวัยเท่าใด เกรงว่าอาจต้องเรียกมันเป็นปู่อินทรีหรือตาอินทรีเป็นแน่แท้”
1 นึกคำนึงถึงกระบี่อสูรต๊กโกวคิ้วป่าย 1 รู้สึกในบุญคุณของ “อินทรี”
นี่ย่อมเป็นพัฒนาการอันดำเนินไปอย่างก้าวกระโดดเมื่อออกจากสำนักสุสานโบราณ เมื่อออกจากหุบเขาเปลี่ยวร้าง
นับเป็นบาทฐานต่อวิชาฝีมือของเอี้ยก่วยในปัจจุบันและอนาคต

ระหว่างเอี้ยก่วยฝึกซ้อมกระบี่ที่ชายทะเลต่อเนื่องกันเป็นเวลา 6 ปี มันเคยสอบถามคนเดินเรือที่ท่องสัญจรไปในทะเลกว้างว่า
“หมู่เกาะทะเลน่ำไฮ้มีแม่ชีเทพยดารูปหนึ่งหรือไม่”
ในห้วงหลายปีที่ผ่านมา ถามไถ่เจ้าของเรือและบรรดาลูกเรือนับได้หลายพันคนกลับไม่ปรากฏข่าวคราวแม้แต่น้อย
จึงค่อยเลิกล้มความคิด เห็นว่าไม่ถึงกำหนดนัด 16 ปี ยากที่จะพบพานเซียวเล้งนึ่งได้
มีอยู่คราหนึ่งปรากฏลมพายุพัดแรง ท้องฟ้ามืดครึ้ม เลือนสลัว คลุมทาบเหนือชายทะเลมันบังเกิดความสะทกสะท้อนใจ
ทาง 1 คิดถึงเซียวเล้งนึ่ง ทาง 1 ต้องการเปลี่ยนสถานที่
ดังนั้น ตัดสินใจสะพายกระบี่ไม้ สวมใส่ชุดหลวมกว้าง 1 คน 1 อินทรี บ่ายหน้าเดินทางสู่ตะวันตก
นับแต่นั้นเป็นต้นมา ท่องไปทั่วตงง้วนแถบแคว้นกังหนำ

ไม่เคยมีใครได้ข่าวคราวของเอี้ยก่วยตราบล่วงเข้าปีที่ 1 ในรัชกาลไค่เค็งในลี่จงฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ซ้อง ตรงกับปีที่ 9 ซึ่งข่านมองโกลนามมองเกอขึ้นครองอำนาจ
เป็นเวลาเดือน 2 ต้นวสันตฤดู
ฉากใหม่เปิดม่านขึ้น ณ บริเวณท่าข้ามฮวงเล้งโต่วทางฝั่งด้านเหนือริมแม่น้ำฮวงโห ซึ่งคลาคล่ำไปด้วยผู้คน เสียงม้าลาร่ำร้อง ผสานเสียงคนเสียงรถวุ่นวาย เป็นฉากใหม่ที่ไม่เพียงเปิดตัวก๊วยเซียง หากแต่นำไปสู่การเชื่อมระหว่างก๊วยเซียงกับเอี้ยก่วยอย่างพิสดาร
ถึงเวลาที่เอี้ยก่วยจะหวนคืนสู่ยุทธจักรอีกคราหนึ่ง