กาละแมร์ พัชรศรี : ใจคุณพร้อมหรือเปล่า

ฉันว่าเราคงจะเคยได้ยินคำพูดอะไรทำนองนี้มาแล้ว…

เราอยากทำอะไร อยากเป็นอะไร มีความฝันอะไร ลงมือทำแล้วจะเป็นจริง

ฉันใช้เวลาของฉันมาครึ่งค่อนชีวิตเพื่อพิสูจน์ว่า “มันคือเรื่องจริง”

และฉันก็กำลังจะพิสูจน์ต่อว่า ถ้าเราฝันให้มันใหญ่ขึ้น แบบที่เราไม่เคยแม้จะคาดคิดว่ามันจะเป็นจริงได้ เราจะทำมันสำเร็จไหม

เพียงแต่เราต้องลงมือเลือกว่า เราจะเอาอย่างไรดี เราอยากเห็นมันเป็นแบบไหน เราอยากเห็นตัวเองเป็นอย่างไร

เอาจริงๆ ก็ทำอย่างที่เคยทำนั่นแหละ เพียงแต่ต้อง “ขยายใจ” ให้พร้อมรับสิ่งที่ยิ่งใหญ่ขึ้นเท่านั้นเอง

 

ก่อนหน้านี้มันมีช่วงเวลาที่ฉันรู้สึกหน่ายนิดๆ เบื่อหน่อยๆ กับชีวิตที่เป็นอยู่ ไม่ได้มีเรื่องทุกข์ใจอะไร เพียงแต่แค่เบื่อภารกิจเดิมๆ สิ่งที่ทำเดิมๆ ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นท้าทาย

ฉันยังบ่นกับเพื่อนใกล้ตัวว่า สงสัยต้องลงมือทำอะไรสักอย่างแล้ว แต่ตอนนั้นมันยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร

แต่เวลามันถึงเวลา เราจะรู้ด้วยตัวของเราเอง เพียงแต่ “ใจ” เราต้องพร้อม

เราเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่เสมอ อะไรไม่เคยทำ ไม่เคยรู้ ก็อยากเรียนรู้ สนุกกันมัน เราเรียนรู้ได้จากทั้งประสบการณ์ของคนอื่นและด้วยตัวของเราเอง แล้วเอามาพัฒนาตัวเองแบบไม่สิ้นสุด

ที่สำคัญต้องเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง

และที่สำคัญกว่านั้นคือ “ใจ” ต้องพร้อมในทุกสถานการณ์

 

เพราะอะไร คนเก่ง คนมีความสามารถ ฉลาดมีมากมาย แต่ไม่ใช่ที่ทุกคนจะประสบความสำเร็จ มันอยู่ที่ “ใจ” ของแต่ละคนนี่แหละที่จะอนุญาตให้ตัวเองไปได้ถึงจุดไหน

บางคนอาจจะถามว่า ใจใครก็อยากให้ตัวเองร่ำรวย สำเร็จ มีชื่อเสียง มีความสุข สุขภาพแข็งแรงไม่ใช่เหรอ

แต่ถ้ามันเป็นเรื่องง่ายๆ ที่จะคิดแบบนั้น โดยไม่มีอะไรระหว่างทางเข้ามากั้นขวาง ทุกคนก็คงได้อย่างที่ใจเราต้องการไปแล้ว

เพียงแค่ใจเราคิดลบ คิดไม่ดี คิดในแง่ร้าย หรือแม้แต่ลังเลสงสัยอยู่เสมอ มันก็ยากที่จะเจอความสำเร็จที่ตั้งไว้

เวลาที่เราฝันใหญ่ๆ อย่าว่าแค่ตัวเราเลย คนรอบข้างดีๆ ทั้งนั้น คอยให้กำลังใจดี๊ดี อย่างเช่น “จะดีเหรอมันยากไปไหม จะทำได้เหรอ มันเสี่ยงหรือเปล่า หน้าอย่างแกเนี่ยนะจะทำเรื่องนี้”

และยังไม่รวมตัวเองที่ชอบคิดเสมอว่า “เราเนี่ยนะจะทำได้ เราสมควรที่จะได้รับสิ่งดีๆ ขนาดนี้เลยเหรอ มันยาก มันเยอะ มันเหนื่อย มันท้อ มันเบื่อ มันไม่ไหวแล้ว”

เข้าใจแล้วใช่ไหมคะว่า “ใจที่พร้อม” มันเป็นอย่างไร

ไม่ง่าย แต่ถ้าทำได้คุ้มมากกกกกกกกกกก

 

เริ่มง่ายๆ จากเรื่องเงินเก็บที่เราจะมี ตั้งเป้าไว้ว่าปีนี้เราจะมีเงินสดเท่าไหร่ ที่ให้ตั้งเป้าเงินสดเพราะมันเป็นรูปธรรม จับต้องได้ ถ้าบอกยอดขาย กำไร รายได้ ใครๆ ก็โม้ได้ แต่สุดท้ายแล้ว เหลือถึงตัวเองที่เก็บไว้ได้น่ะเท่าไหร่

บางคนได้เงินมาเยอะก็จริงแต่เก็บเงินไม่ได้ เก็บไม่อยู่ ต้องจ่ายเบี้ยบ้ายรายทาง ใช้จ่ายนั่นนี่มากมาย แล้วสุดท้ายไม่เหลือเงินเก็บเลย

เราจึงต้องเริ่มจากว่า ปีนี้เราจะมีเงินสดอยู่ที่ตัวเท่าไหร่

บอกกับตัวเองไว้จะเบาๆ หรือดังๆ ก็แล้วแต่

แต่ต้องบอก เพราะเมื่อบอกแล้ว ตัวเลขนั้นมันได้เกิดขึ้นแล้ว มันมีแล้ว มันเห็นเป็นเลขแล้ว ทีเลขหวยยังเชื่อกันเป็นตุเป็นตะ บวกลบคูณหารกันมัน แต่นี่ตัวเลขในชีวิตจริงที่คุณกำลังจะมีมัน คุณจะไม่สนใจคิดสักหน่อยหรือ

เมื่อเรากำหนดเป้าหมายแล้ว (เอาจริงๆ ก็คล้ายๆ กับบริษัทกำหนดยอดขายให้คุณนั่นแหละ หรือเศรษฐกิจระดับโลกเขายังมีการคาดการณ์ตัวเลขปีนี้ ปีหน้า)

สิ่งต่อไปที่เราต้องทำคือ เตรียม “ใจ” เราให้พร้อม เพื่อที่จะทำตัวเลขนั้นให้เป็นจริง

 

คราวนี้เราจะมานั่งไล่บี้ตัวเองแล้วว่า เราทำอะไรได้บ้าง เราถนัดอะไร เก่งอะไร ชอบทำอะไร รักในอะไร สนุกกับการทำอะไร เล่นอะไรเก่งในตอนเด็ก แล้วลงมือทำ

ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอย่างเดียว เงินมาจากหลายทาง จะไม่เอาเหรอ

แล้วระหว่างทาง ตัวเลขมันจะลอยโฉบเฉี่ยวเรามาเรื่อยๆ ทำให้เราเกาะติดกับเป้าหมายอยู่เนืองๆ แต่ไม่เคร่งเครียดหรือกดดันตัวเองจนเกินไป ให้แค่รู้ในใจว่า ได้อยู่แล้ว แล้วเราก็ลงมือทำงานของเราต่อไปด้วย “ใจ” ที่พร้อมเสมอ

ตัวเลขมันแค่เป็นรูปธรรมให้เราจับต้องได้ แต่ระหว่างทางที่จะพาเราให้ไปถึงเป้าหมายนั้น มันแซบสะใจเหลือเกิน ที่สำคัญมันทำให้คุณรู้ว่าคุณตื่นมาเพื่ออะไร และเกิดมาทำไม…