ฉบับประจำวันที่ 6-12 เมษาย 2561

” คสช.เป็นผู้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่ายที่ทุจริตในช่วงที่ผ่านมา ย้อนหลังหลายปี
ไม่ใช่ว่า คสช.คอร์รัปชั่น”
วาทะ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

“จะไม่มีการละเว้น ยิ่งตรวจเจอมาก ต้องคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะเมื่อมีการโกงหรือการคอร์รัปชั่นแล้วเราจับได้ เมื่อจับได้แล้วก็ต้องรับโทษ และโทษแรงทั้งทางอาญา ทางแพ่ง และทางวินัยโดนทั้งหมด ให้รู้ว่าบ้านเมืองมีขื่อมีแป ตรวจได้ก็ต้องถูกลงโทษเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานว่าใครที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินของหลวงหรือกิจการของหลวงอย่างไรก็ต้องตรวจเจอจนได้ ซึ่งก็จะทำให้เดือดร้อนทั้งตนเองและครอบครัว กรณีท้องถิ่น ถ้าดูให้ลึกใครเป็นคนเลือกท้องถิ่น ลองไปถามประชาชนดูว่าท่านเลือกมาอย่างไรเขาถึงเข้ามาโกง ท่านก็อย่าเลือกอย่างนั้นอีกก็แล้วกัน ถ้าจะสร้างประเทศให้เข้มแข็งจริงๆ ถ้าจะเลือกนักการเมืองก็อย่าเลือกให้เขาเข้ามาโกงก็แล้วกัน”
วาทะของพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

“อย่าไปหลงเชื่อคำบิดเบือนว่าการทุจริตมีมากในรัฐบาลนี้ เพราะทุกอย่างตรวจสอบแล้ว ทำมายาวนาน มาตรวจพบในรัฐบาลนี้เพราะเอาจริงเอาจัง และอยากให้ย้อนกลับไปดูคนพูดว่าช่วงที่ผ่านมาเขาได้ทำอะไรจริงจังแค่ไหน ลองเปรียบเทียบดูแล้วกัน ”
วาทะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)

วาทะข้างต้น ถือ เป็นความพยายาม พลิกวิกฤตเป็นโอกาสของพี่น้อง “3 ป.”บูรพาพยัคฆ์
วิกฤต จากที่ รัฐบาล และ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ถูกมองว่า ไม่เอาจริงเรื่องคอรัปชั่น
ทำให้เกือบ 4 ปี ในการบริหารงาน การทุจริต ไม่ลดลง
แถม “คนกันเอง”ยังถูกพัวพันในข้อกล่าวหาเหล่านั้นด้วย
ทำให้ตอนนี้ รัฐบาลและคสช.ต้องผุดมาตรการปราบโกง ออกมามาต่อเนื่อง
รวมถึง วาทะ ข้างต้น
ซึ่งสมควร “โปรดฟัง”
หรือ”โปรดเชื่อ” หรือไม่
อันนี้ต้องแล้วแต่ ประชาชน!
———————-