วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร/16 ปีที่ต้องรอคอย (132)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย
เสถียร จันทิมาธร

16 ปีที่ต้องรอคอย (132)

หลังการทำพิธีมงคลสมรสต่อหน้ารูปปั้นของปรมาจารย์เฮ้งเต็งเอี้ยงของเซียวเล้งนึ่ง เอี้ยก่วย บทบาทของเซียวเล้งนึ่งก็อยู่ในด้าน “รอง” เชิงเปรียบเทียบโดยอัตโนมัติ
นี่คือ “ขนบ” อันดำรงอยู่ในยุทธนิยาย “กำลังภายใน”
ไม่ว่าเรื่องของกิมล้ง ไม่ว่าเรื่องของโกวเล้ง ล้วนดำเนินไปในลักษณะเช่นนี้ อันอาจนำไปสู่บทสรุปอย่างรวบรัดว่าเป็นอิทธิพลที่ครอบงำสังคมจีนอย่างยาวนาน
ในนี้ย่อมแฝงกลิ่นอายของ “ขงจื่อ” อย่างเด่นชัด
นั่นก็คือ สภาพอย่างที่เหมาเจ๋อตงสรุปไว้ในบทนิพนธ์เมื่อกล่าวถึงสตรีภายในสังคมจีนว่าถูกพันธนาการไว้ด้วยโซ่ตรวนใหญ่
ตอนเกิดก็อยู่ในความดูแลของพ่อแม่
เมื่อแตกเนื้อสาวและเข้าสู่การแต่งงานก็อยู่ในความดูแลของสามี และเมื่อเฒ่าชราก็อยู่ในความดูแลของลูกๆ
กล่าวคือ แทบไม่เป็นตัวของตัวเอง
ขนาดในยุทธจักรซึ่งถือได้ว่าเป็นสังคมอีกแบบหนึ่งที่นับถือกันที่ฝีมือและความสามารถ แต่ภายในสภาพเช่นนี้สตรีก็ยังถูกกดทับอีกทอดหนึ่งจากชาย
ชีวิตของเซียวเล้งนึ่งก็เป็นไปในกรอบนี้

หากมองอย่างเปรียบเทียบภายในกระบวนการเคลื่อนไหวของยุทธนิยายชุด “มังกรหยก” อาจกล่าวได้ว่า อึ้งย้งเป็นสตรีแต่เพียงผู้เดียวที่มีความโดดเด่น
โดดเด่นตั้งแต่ยังแตกเนื้อสาว โดดเด่นแม้เข้าสู่การแต่งงาน
ปัจจัย 1 ออกมาจากครอบครัวที่อึ้งเอี๊ยะซือให้เสรีภาพและถนอมรักธิดาอย่างสูง จึงเลี้ยงลูกและให้การศึกษาอย่างเต็มที่
อึ้งย้งจึงออกท่องยุทธจักรตั้งแต่เยาว์วัยกระทั่งได้พบกับก๊วยเจ๋ง
ปัจจัย 1 อาจเพราะตัวก๊วยเจ๋งเองเป็นกำพร้าและเติบใหญ่อยู่ในสังคมมองโกลที่รักความเป็นอิสระเยี่ยงชนเผ่าเร่ร่อน
เขาจึงรักแม่และให้เกียรติสตรีที่ตนรัก
ยิ่งกว่านั้น ก๊วยเจ๋งยังสำนึกตระหนักว่าตนเองเป็นคนไม่ฉลาด มีการศึกษาต้อยต่ำ ยิ่งหากเปรียบเทียบกับอึ้งย้งยิ่งห่างชั้นระหว่างฟ้ากับเหว จึงให้ความเคารพคนรักต่ออึ้งย้งอย่างสูงส่งเป็นพิเศษ จะทำอะไรก็ล้างหูน้อมรับฟังจากภรรยาอย่างนอบน้อม
สภาพการเติบใหญ่ของอึ้งย้ง ตลอดจนการมีชีวิตครอบครัวของอึ้งย้งจึงแตกต่างไปจากสภาพการเติบใหญ่ของเซียวเล้งนึ่งโดยสิ้นเชิง
บทบาทของเซียวเล้งนึ่งจึงค่อยคลายความสำคัญลงนับแต่แต่งเป็นภรรยาของเอี้ยก่วย

กระนั้น เนื่องจากแก่นอันเป็นแกนหลักของยุทธนิยายมังกรหยกภาคเอี้ยก่วยเจ้าอินทรี คือ การเน้นในเรื่องของความรัก กิมย้งจึงอุทิศพื้นที่ให้กับเรื่องของความรักอย่างเป็นพิเศษ
โดยเอาทุกอย่างไปรวมศูนย์อยู่ที่หุบเขาสิ้นรัก โดยมีดอกรักเป็น “สัญญะ”
ไม่เพียงแต่จะดูดเอาเซียวเล้งนึ่งกับเอี้ยก่วยเข้าไปอยู่ในวงจร หากแต่ยังดึงเอาลี้มกโช้วเข้าไปตรวจสอบความเจ็บปวด ชอกช้ำจากความรัก
มีความพิสดารมากมายในเรื่องราวตอนนี้
เป็นความพิสดารกระทั่งเซียวเล้งนึ่งหายสาบสูญไปต่อหน้าต่อตา และการตามหาอย่างไร้ความหมายของเอี้ยก่วย กระทั่งอึ้งย้งหาหนทางออกด้วยการกุเรื่องแม่ชีสำนักทะเลใต้มานำตัวเซียวเล้งนึ่งไป และอีก 16 ปีให้หลังจึงจะหวนกลับมา
เรื่องของเซียวเล้งนึ่งกับเอี้ยก่วยจึงเหมือนกับยุติอยู่ ณ จุดนั้น จุดแห่งการรอคอยการหวนกลับมาของเซียวเล้งนึ่ง อันเท่ากับพิสูจน์เยื่อใยแห่งความรักความผูกพันที่เอี้ยก่วยมีต่อเซียวเล้งนึ่งด้วยความมั่นแน่ว
กระนั้น กล่าวสำหรับจอมยุทธ์ 16 ปีแห่งการรอคอยกลับมิได้เป็นเรื่องของการทอดอาลัย ตรงกันข้าม กลับเป็น 16 ปีอันทรงความหมายยิ่ง

ความน่าสนใจอยู่ที่เอี้ยก่วยแปร 16 ปีแห่งการรอคอยเป็นการเคี่ยวกรำและนำเอาวิทยายุทธ์ที่ได้มาของตนไปฝึกปรือ ประสานและยกระดับ
ห้วงเวลานี้เองที่สำคัญเป็นอย่างมากต่อเอี้ยก่วย
สำคัญอย่างมากต่อกระบวนการเรียนรู้ สำคัญอย่างมากต่อการประสานทฤษฎีเข้ากับการปฏิบัติและยกระดับความจัดเจนให้ขึ้นสู่จุดที่สูงยิ่งขึ้น
จำเป็นต้องทำความเข้าใจกระบวนการอย่างจริงจัง