แมลงวันในไร่ส้ม / “ประยุทธ์” กับ “ขาลง” เสียงจาก “กองเชียร์” และ “คนเคยหนุน”

แมลงวันในไร่ส้ม

“ประยุทธ์” กับ “ขาลง” เสียงจาก “กองเชียร์” และ “คนเคยหนุน”

หลังจากปรับ ครม.ประยุทธ์ 5 เมื่อปลายปี 2561 รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เผชิญมรสุมการเมืองหลายระลอก

หนักๆ คือ เรื่องนาฬิกาหรู จนถึงการเลื่อนเลือกตั้ง จากที่เดือนพฤศจิกายน 2561 ไปเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ขณะที่มีกระแสระบุว่า อาจลากยาวไปไกลกว่านั้นอีก

เกิดการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เรียกร้องให้รัฐบาลจัดเลือกตั้งตามที่ลั่นวาจาไว้

จนล่าสุด สนช. ลงมติล้มรายชื่อ 7 ว่าที่ กกต. ต้องกลับไปนับหนึ่ง เริ่มสรรหากันใหม่ ซึ่งแม้รัฐบาลยืนยันว่าไม่กระทบการจัดเลือกตั้ง เพราะยังมี กกต.รักษาการ

แต่อีกหลายความเห็นเชื่อว่า รัฐบาลควรจะใช้ กกต.ชุดที่มีคุณสมบัติสอดคล้องกับกฎหมายใหม่มาจัดเลือกตั้ง นอกจากนี้ ใน กกต.ชุดเดิม 5 คน กำลังมีผู้ต้องพ้นหน้าที่เพราะอายุครบ 70 ปี และอาจมีผู้ลาออกจนเหลือ 3 คน

ทั้งหลายรวมกันเป็นกระแสระบุว่า รัฐบาลกำลังมาถึง “ขาลง”

โพลต่างๆ ระบุว่า คะแนนนิยมรัฐบาลลดลง อาทิ สวนดุสิตโพล เมื่อ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ระบุประชาชนให้คะแนนรัฐบาลประยุทธ์ 5.35 จากเต็ม 10 พอใจการดูแลความสงบ แต่ไม่พอใจการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

ผู้ที่เคยทำงานให้ คสช. อย่าง นายบรรยง พงษ์พานิช นักธุรกิจชื่อดัง อดีตคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ด โพสต์ข้อความหลังล้ม 7 กกต. ว่า คนระดับนั้น เขาบอกประชาชนหน้าตาเฉยว่า นาฬิกาที่ใส่อยู่ทุกวันนั้นยืมเพื่อนมา

สภาทั้งสภาตีตก คนทั้งเจ็ดคนที่ล้วนแต่มีประวัติการทำงานที่ผ่านเกณฑ์ที่รัฐธรรมนูญที่สภานี้เองจัดทำ ผ่านกระบวนการสรรหาที่พวกตนกำหนด แต่สุดท้ายตบหน้าฉาดใหญ่โดยไม่ให้ผ่านสักคน แล้วบอกประชาชนหน้าตาเฉยว่าพิจารณาอย่างอิสระ ไม่มีใบสั่งใดๆ ทั้งสิ้น

นี่พวกท่านเห็นพวกเราประชาชนเป็นอะไรกันครับ คิดว่าเรากินหญ้าหรืออย่างไร

เรากำลังถูกปกครองโดยพวกทุศีลอยู่หรือเปล่า?

ส่วนในสื่อ มีความเห็นที่หลากหลาย

อาทิ ข้อเขียนของเปลว สีเงิน ในไทยโพสต์ 24 กุมภาพันธ์ เรื่อง “จ้างก็กัดรัฐบาล คสช. ไม่เข้า”

ระบุว่า นายกฯ ประยุทธ์ ชั่วโมงนี้ “จุดสลบ” รอบตัว แต่พวกนี้มันง่าวไม่จับทิศ-จับทางสังคม ว่าตอนนี้ “เหม็น-ขม, หอม-หวาน” กับรัฐบาล คสช. ในเรื่องอะไรบ้าง?

ชูประเด็นเลือกตั้งเข่นรัฐบาล ถามว่าเวลานี้ใครอยากเลือกตั้ง ยกมือขึ้นซิ? นั่นคือ สังคมไทยตอนนี้ ยังไม่มีอารมณ์ “อยากเลือกตั้ง” เท่าไหร่นัก

ชาวบ้านรู้อยู่แล้ว ยังไงๆ ก็ต้องมีเลือกตั้ง เพียงช้า-เร็วเท่านั้น มีแต่พวก “ประชาธิปไตยไซด์ไลน์” เท่านั้น ตัวซี้-ตัวสั่น อยากเลือกตั้งยิกๆ ไล่จี้จนรัฐบาลตูดบวม

โดยเฉพาะ “ระบอบทักษิณ” กระทั่งตด ก็เลือกตั้งพวกเขามั่นใจนักหนา เอา “รูปแม้ว-รูปปู” แขวนคอหมาลงสมัครก็ได้รับเลือก

และนั่นเป็นทางหมารอด “ทางเดียว” ที่พวกเขาจะได้กลับเข้าไป “โกงแบ่งกัน” ได้เหมือนเดิมอีก!

รัฐบาล คสช. ถึงจะชั่วดี-ถี่ห่างอย่างไร ส่วนดี มีมาก ส่วนเลว ถึงเลวก็บางคน คิดสะระตะแล้ว ชาวบ้านว่า… ให้ “เหลือบเขียว” เกาะอยู่อย่างนี้ซักพักดีกว่า

อย่าให้ “เหลือบแดงฝูงเดิม” ซึ่งตะกลาม ทั้งคำ “อ้ำทั้งแผ่นดิน” กลับเข้ามา “ซ้ำรอยริยำ” เดิมอีกเลย!

อีกตอนของคอลัมน์เปลว สีเงิน ระบุว่า ประชาธิปไตยที่สังคมไทยวันนี้ต้องการน่ะ คืออะไร? มันไม่ใช่เลือกตั้ง… และไม่ใช่เลือกแล้วต้องได้ระบบทักษิณเท่านั้นเข้ามากินเมือง จึงจะเป็นประชาธิปไตย ผิดจากนี้ เป็นไม่ใช่ อย่างที่ทำกันอยู่นั่นน่ะ!

ประชาธิปไตย “เลือกตั้ง” น่ะ มันดีเฉพาะระบอบทักษิณ เพราะมันกินได้ แต่ไม่ดีต่อประชาชน…

ไม่สอดคล้องกับปัญหาสังคมชาติปัจจุบัน ประชาธิปไตยเลือกตั้ง ใช้มา 86 ปี พิสูจน์แล้ว-เห็นแล้ว ยิ่งใช้ “ระบบราชการ” ยิ่งล้มเหลว “สังคมประเทศ” ยิ่งดิ่งเหว

ผมสงสัยจริง ทำไมพวกนี้จึงเห็นประชาธิปไตยมีเฉพาะที่เป็น “รัฐบาลระบอบทักษิณ” เท่านั้นโกงก็ประชาธิปไตย ขายประเทศก็ประชาธิปไตย เผาบ้าน-เผาเมือง ก็ยังประชาธิปไตย

ผิดจากระบอบทักษิณ “ไม่เป็นประชาธิปไตย” ทั้งหมด

อยากล้มรัฐบาล คสช. น่ะ ไม่ยาก จะบอกให้

กระแส “เลือกตั้ง” ล้มไม่สำเร็จหรอก ต้องใช้ประเด็น “คอร์รัปชั่น” นี่แหละ “จุดตาย” รัฐบาล คสช. และนายกฯ ประยุทธ์!

ใน สนช. มียืมเงินคนค้ากาม ใน ครม. มีนาฬิกายืมเพื่อน ใน ป.ป.ช. มียึกยัก ในระบบราชการ ดัชนีคอร์รัปชั่นพุ่งปรี๊ด

ก็ไม่กล้าหยิบประเด็นคอร์รัปชั่นขึ้นมาอัดรัฐบาลใช่มั้ยล่ะ?

จะกล้าได้ไง ก็คนให้น้ำข้าวมันเจ้าตำรับคอร์รัปชั่นสนั่นโลก ขืนชูขึ้นมาเป็นประเด็นอัด คสช. มันก็จะกระดอนไปตุ๊บกระบาลทั้งตัวผู้-ตัวเมียนายมัน!

สรุปแล้วประชาธิปไตยหมาเห่า กัดรัฐบาล คสช. และนายกฯ ประยุทธ์ไม่เข้าหรอก เว้นแต่เปลี่ยนไพ่เล่น จากประชาธิปไตยเลือกตั้ง ไปเป็น “เผด็จการคอร์รัปชั่น”

ส่วนเลือกตั้งจะช้าหรือไม่ แม่ลูกจันทร์แห่งไทยรัฐ เขียนในฉบับ 27 กุมภาพันธ์ ตอนหนึ่งว่า กระบวนการสรรหา กกต.ชุดใหม่ เสียบแทนว่าที่ กกต. ที่ถูก สนช. เทกระจาดยกเข่งรวดเดียว 7 คน คาดว่าจะต้องใช้เวลาทำคลอด กกต. อีกราว 6 เดือน

เชื่อว่า กกต.ชุดใหม่น่าจะเริ่มทำงานได้ในช่วงเดือนสิงหาคม ใกล้เคียงกับ ก.ม.ลูกทั้ง 2 ฉบับ จะเริ่มมีผลใช้บังคับพอดี

การสรรหา กกต. จึงไม่สามารถใช้เป็นข้ออ้างเพื่อเลื่อนวันเลือกตั้ง ให้ยาวออกไปอย่างที่บางฝ่ายกังวล

แต่ถ้า คสช. มีความจำเป็นต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไปจริงๆ ยังมีช่องทางอื่นตราบที่ยังมีอำนาจเบ็ดเสร็จ ม.44 อยู่ในมือ

“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าขณะนี้คณะกรรมาธิการ 3 ฝ่าย ซึ่งประกอบด้วย ฝ่าย กมธ. 5 คน ตัวแทน สนช.ลากตั้ง 5 คน และประธาน กกต. อีก 1 คน ยังพิจารณาปรับแก้ร่าง ก.ม.ลูก 2 ฉบับสุดท้ายไม่แล้วเสร็จ 100 เปอร์เซ็นต์

มีประเด็นเดียว ซึ่งที่ประชุมร่วม 3 ฝ่าย มีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ให้ตัดทิ้งไปเลย คือให้จัดมหรสพหาเสียง

ประเด็นสำคัญ กกต. คัดค้านสุดลิ่มทิ่มประตู คือการให้ผู้สมัคร ส.ส.เขต พรรคเดียวกัน ใช้หมายเลขแตกต่างกัน

ทำให้ กกต. ต้องใช้งบฯ จัดเลือกตั้งแพงขึ้นอีกเท่าตัว เนื่องจากต้องจ้างพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ส.ส.เขตทั่วประเทศทั้ง 350 เขต แบบไม่ซ้ำกัน

น่าเสียใจที่ประชุม 3 ฝ่าย ไม่ฟังเสียงคัดค้านของประธาน กกต.

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า การกำหนดให้พรรคเดียวกันใช้หมายเลขแตกต่างกัน จะสร้างความสับสน สุ่มเสี่ยงเกิดปัญหาบัตรผีบัตรปลอมในเขตเลือกตั้งต่างๆ

เช่นเดียวกับร่าง พ.ร.บ.ลากตั้ง ส.ว. ซึ่งมีหลายประเด็นต้องแก้ไข แต่บางประเด็นต้องปล่อยเลยตามเลย

เช่น รัฐธรรมนูญกำหนดให้มี ส.ว. 200 คน แต่บทเฉพาะกาลให้มี ส.ว.ลากตั้งเพิ่มพิเศษอีก 50 คน

เพื่อให้มี ส.ว.ลากตั้ง 250 คน เป็นครึ่งหนึ่งของ ส.ส.เลือกตั้ง 500 คน ไว้ถ่วงดุลในสภาตามหลัก “ประชาธิปไตยครึ่งใบ”

ประเด็นอื่นแก้ไขได้ แต่ประเด็นนี้แก้ไม่ได้นะโยม แม่ลูกจันทร์ว่า

และนั่นคือสถานการณ์ของรัฐบาลประยุทธ์ ที่สะท้อนผ่านพื้นที่ของสื่อต่างๆ