อุรุดา โควินท์ / ความทรงจำ : ไก่ตัวเดียวในโลก

ฉันวางไก่บ้านต้มขมิ้นตรงหน้าเธอ บอกเธอว่า นี่คืออาหารเรียบง่ายที่สุด และอร่อยที่สุด หากว่าเธอเข้าใจมัน

เธอเลิกคิ้ว

“ลองกินข้าวกับคั่วกลิ้ง แล้วซดน้ำซุปสิ หรือไม่ก็กินกับน้ำพริกเผ็ดๆ” ฉันบอกเธอ

วันนี้บนโต๊ะมีทั้งสองอย่าง คั่วกลิ้งเหลือจากเมื่อวาน และน้ำพริกโจรซึ่งฉันเพิ่งจับคลุมถุงชนกับต้มไก่บ้าน

ไก่บ้านต้มขมิ้นเป็นชู้รักของความเผ็ด เช่นเดียวกับแกงจืดอื่นๆ

แต่ความพิเศษคือขมิ้น

ขมิ้นเป็นความลับที่ซ่อนอยู่ในอาหารภาคใต้ ที่เราต้องการจากมัน

ไม่ใช่แค่สี แต่ขมิ้นทำให้เราทนทานความเผ็ดได้มากขึ้น ทั้งกับลิ้นและกระเพาะ

 

เห็นเพื่อนกินอาหารอร่อย ทำให้ฉันอยากมีครัวกว้างกว่านี้ โต๊ะกินข้าวใหญ่กว่านี้ เก้าอี้นั่งสบายกว่านี้

เธอชอบไก่บ้านต้มขมิ้น ฉันรู้ จากถ้วยเกลี้ยงเกลา และเธอขอเติม เหลือเชื่อที่อาหารซึ่งใช้วัตถุดิบถูกๆ ไม่กี่อย่าง ปรุงรสอย่างซื่อตรง ให้ผลลัพธ์เช่นนี้

คุณอาจเบ้ปากใส่ต้มไก่ ซึ่งฉันไม่แปลกใจ เพราะเมื่อ 15 นาทีก่อนเพื่อนของฉันก็ทำ นั่นเพราะคุณยังไม่เคยกินไก่บ้านต้มขมิ้น

สำคัญมากที่คุณต้องใช้ไก่บ้าน ไม่ใช่ไก่เนื้อหนาตัวอวบ

บางครั้งฉันเจอไก่พันธุ์ที่เลี้ยงแบบไม่ขุน หนึ่งตัวหนักไม่เกินกิโลกรัม ไก่แบบนั้นก็เอามาต้มอร่อย และถ้าทำให้หมดทั้งตัว มันจะอร่อยขึ้นอีก

ได้ไก่มาเราจะสับเป็นชิ้นเท่าที่ต้องการ ใส่ลงหม้อ เติมน้ำสะอาดแค่พอท่วม ยกตั้งไฟ

เริ่มต้นจากไฟแรง ใส่กระเทียมไทยเป็นกลีบลงไปทั้งเปลือก พริกไทยดำเป็นเม็ด และขมิ้นสักสี่ห้าแว่น

รอน้ำเดือด ช้อนฟองทิ้ง แล้วเบาไฟเป็นไฟอ่อน เติมเกลือนิดหน่อย

จับเวลาครึ่งชั่วโมง ค่อยกลับมาชิม ให้โอกาสไฟอ่อนทำงานร่วมกับเวลา

ทีนี้ล่ะ รสชาติของไก่และกระดูกไก่จะอวลอยู่ในน้ำซุป รวมทั้งสีขมิ้น แกงจืดถ้วยนี้จึงมีสีเหลืองอมส้มอย่างอ่อน

หากเค็มยังไม่พอก็เติมเกลือ ตัดน้ำตาลสักครึ่งช้อนชา แล้วปิดเตา

 

“ง่ายขนาดนี้ เธอจะไม่ลองเหรอ แทบไม่ต้องทำอะไรนะ ถ้าให้แม่ค้าสับไก่ให้อ่ะ” ฉันพูด หลังบอกวิธีทำโดยละเอียด

เธอยิ้มกว้าง ยิ้มซึ่งฉันอ่านได้ว่า ตราบใดที่เพื่อนยังชอบทำ ก็ไม่มีเหตุผลให้เข้าครัว, เหนื่อยเปล่า

จริง! ฉันคิด มองเล็บสีแดงสวย และมือขาวสะอาดซึ่งกำลังอุ้มคางของเธอไว้

“รู้จักกินอะไรแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร” เธอถาม

จ้องตาเธอ ฉันเห็นเลือดสีแดงอาบมือ เห็นไก่ที่กำลังดิ้น มันถูกเชือด แต่ยังไม่ตาย

ฆ่าไก่-ไม่น่าจะยาก, แต่ฉันทำไม่ได้ ไม่สิ ฉันทำได้ไม่ดีพอ ไก่ตัวนั้นตายอย่างทรมานเพราะความขี้ขลาดและอวดดีของฉัน

แล้วฉันก็กินมัน ทำเป็นไก่ต้มขมิ้นแบบนี้ รสชาติเดียวกัน ต่างกันตรงที่ ฉันฆ่าไก่เอง ตัวแรกในชีวิต ตัวเดียวในโลก

ต่างจากการฆ่าปลามาก ไก่ตัวใหญ่กว่า และใช่-ไก่ส่งเสียงได้ เสียงของมันทำให้ฉันยั้งมือ ปาดไม่ลึกพอ มันดิ้น แต่ไม่ยอมตาย มือของฉันกลายเป็นสีแดงและสั่น แต่ฉันยังกำมีดมั่น

“จับคอให้แม่น เชือดอีกครั้งตะ” ใครสักคนพูด

ฉันกลั้นใจลงมีดบนคอไก่-แรงกว่าเดิม ตอนนั้นล่ะ ที่ทุกอย่างสงบลง

“บอกเติ้นแล้ว ไม่ง่ายนะ กับไก่” เพื่อนชาวสวนว่า “ที่เหลือเราจัดการเอง”

ฉันเดินไปล้างมือ หลากความรู้สึกไหลมารวมในใจดวงเดียว ความภาคภูมิใจ ความโล่งอก ความละอาย และความหิว

ฆ่ามันแล้ว ก็ต้องกิน ฉันไม่ได้ฆ่ามันเล่นๆ หรือเพื่อความสนุก ฉันทำเพราะมันเป็นอาหาร และเจ้าของไก่บอกว่า เลือกกินได้ตามใจชอบ

 

ที่ดินผืนติดกันเลี้ยงไก่ บางวัน ไก่เดินผ่านแนวต้นมังคุดมาหากินในครัวของฉัน ฉันไม่เคยเห็นมันเป็นอาหาร กระทั่งวันหนึ่ง เจ้าของไก่เดินมาบอก-ช่วยกินไก่บ้าง หากเราไม่กิน ไก่จะกลายเป็นอาหารของงูเหลือมทั้งหมด

หมู่บ้านไกลจากตลาด แถมตลาดไม่ได้มีทุกวัน จะสะดวกขึ้นมาก ถ้าเรามีความมั่นคงทางวัตถุดิบ ฉันปลูกผักหลายชนิด เน้นผักที่ฉันชอบ และเพื่อนบ้านไม่ได้ปลูก เราปันกันกิน โดยไม่ต้องขอ ที่ดินไม่มีรั้ว จะเดินไปเก็บผักของเพื่อนบ้านเมื่อไรก็ได้

ฉันไม่คิดเลี้ยงไก่ ไข่ซื้อได้จากร้านชำในหมู่บ้าน ไก่ก็รอซื้อเมื่อมีตลาด ใช้ไม่หมด ฉันแช่แข็งไว้ ไก่ไม่ใช่โปรตีนหลักของเราอยู่แล้ว ปลาต่างหาก

ฉันจะนึกถึงไก่อย่างจริงจัง ก็ต่อเมื่ออยากกินแกงหยวก

 

บ่ายนั้นเป็นข้อยกเว้น เราเหนื่อยจากการเก็บเงาะ เราไม่อยากกินขนมจีน (ร้านอาหารเดียวในหมู่บ้าน) และเราไม่มีวัตถุดิบเหลือ เพื่อนชาวสวนบอกว่าหุงข้าวกินกับน้ำพริกก็ได้ ซื้อไข่มาเจียว เก็บผักมาแนม

เป็นฉันเองที่ชี้ไก่ ถามเพื่อน “กินมั้ย”

“หาญฆ่ามั้ย เดี๋ยวเราถอนขนเอง”

ฉันยักไหล่ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ทุบหัวปลาออกบ่อย ฉันเคยเห็นคนเชือดไก่มาแล้ว ฉันรู้-ต้องทำอย่างไร, นั่นคือสิ่งที่คิด

ครั้นจะลงมือ ไก่มันดิ้น มันร้อง มีดไม่ได้คมนัก และเพื่อนๆ ยืนดู อยากรู้ว่าฉันไหวมั้ย ถ้าทำไม่สำเร็จ พวกเขาคนใดคนหนึ่งจะช่วย แน่นอน-มันไม่ยากสำหรับพวกเขา เกือบทุกบ้านเลี้ยงไก่ ก่อนจะกิน พวกเขาต้องฆ่ามัน

ฆ่าแล้วจัดการถอนขนออก ก่อนสับลงหม้อ หากย้อนเวลาไปอีก (ไม่ว่าเราจะเลี้ยงมันหรือไม่) ไก่เคยเป็นลูกเจี๊ยบตัวเล็ก…รอเวลาเป็นอาหาร

ต่อให้ไม่ใช่มือเรา ก็ต้องมีสักมือที่ฆ่ามันเพื่อเรา ฉันจึงกินอาหารอย่างรู้คุณ ไม่ใช่ด้วยความสำนึกผิด เพราะหากรู้สึกผิด เราก็ไม่ควรกิน

 

ฆ่าไก่เพียงตัวเดียว เปลี่ยนมุมมองต่ออาหารของฉัน ที่ตักเข้าปาก ไม่ใช่แค่ไก่ แต่มันคือเวลา หนอน ข้าวเปลือก การดูแลของคนเลี้ยง การขนส่ง รวมถึงการฆ่า และการชำแหละ

ฉันคิดถึงเรื่องนี้ขณะเก็บโต๊ะ ล้างจาน แล้วฉันก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ตอบคำถามเธอ

“เราเคยอยู่ในหมู่เล็กๆ ของภาคใต้ไง เรารู้จักกินแบบนี้จากที่นั่น และได้ทำอะไรอีกหลายอย่างเลยล่ะ”

“เช่นอะไรบ้าง” เธอถาม

“ไม่สำคัญหรอก” ฉันยิ้ม

เพื่อนกินไก่อย่างเอร็ดอร่อย ฉันอยากเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน ไว้ค่อยเล่าให้เธอฟังวันหลัง

วันนี้น่ะเหรอ…ให้รู้กันแค่ฉันกับคุณ