ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์/MOLLY’S GAME ‘หญิงเก่ง’

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์
นพมาส แววหงส์

MOLLY’S GAME

‘หญิงเก่ง’

กำกับการแสดง  Aaron Sorkin
นำแสดง Jessica Chastain Idris Elba Kevin Costner Jeremy Strong Michael Cera

สร้างจากหนังสือชื่อเดียวกันที่เจ้าของเรื่องคือ มอลลี บลูม เป็นคนเขียนเอง หลังจากตกเป็นข่าวอื้อฉาวและโดนฟ้องร้องในคดีความที่ทำให้เธอต้องดิ้นรนหาเงินมาใช้หนี้และจ่ายค่าทนาย
มอลลี บลูม (เจสสิกา เชสเทน) เคยเป็นดาวรุ่งในวงการสกี เธอมีพ่อเป็นจิตแพทย์ที่คอยบงการชีวิตลูกทุกคน พี่ชายทั้งสองของเธอประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในวงการกีฬาและวงการอาชีพ ถ้าพูดตามสำนวนฝรั่งแล้ว มอลลีมี “รองเท้าคู่โตที่จะต้องสวมให้พอดี”
แต่ดาวรุ่งก็ร่วงดับแสงลงเมื่อเพิ่งย่างเข้าเป็นวัยรุ่น เนื่องจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดบนลาดเขา ด้วยเหตุบังเอิญที่เธอสกีไปบนใบสนที่กรรมการโรยเอาไว้เพื่อบอกเส้นทางสกี ซึ่งทำให้สกีหลุดออกจากเท้าและกระดอนลงบนพื้นอย่างหมดท่า
ตอนหนังเปิดเรื่อง มอลลีตั้งคำถามว่า “อะไรเป็นฝันร้ายที่สุดของนักกีฬา” และให้คำตอบต่างๆ เช่น “การได้ตำแหน่งที่สี่ในการแข่งขันโอลิมปิก”
แต่ไม่มีใครสักคนเอ่ยปากเลยว่าฝันร้ายที่สุดของนักกีฬาคือการประสบอุบัติเหตุจนแข่งต่ออีกไม่ได้

อุบัติเหตุร้ายแรงทำให้มอลลีหมดหนทางก้าวสู่ดวงดาวในวงการกีฬา เธอก็ต้องหักเหไปสู่เส้นทางอาชีพอื่น และก่อนที่เธอจะเข้าเรียนนิติศาสตร์ในระดับมหาวิทยาลัย มอลลีก็ตัดสินใจพักการเรียนสักหนึ่งปีเพื่อไปหาประสบการณ์ชีวิตในลอสแองเจลิส
มอลลีทำงานเป็นสาวเสิร์ฟคอกเทล ก่อนจะไปทำงานให้ดีน คีธ (เจเรมี สตรอง) นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
และยังไม่ทันไร ดีนก็มอบหมายให้เธอจัดการดูแลวงไพ่โป๊กเกอร์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งมีลูกค้าเป็นคนเด่นคนดังในวงการบันเทิง กีฬา และการเมือง
บางครั้ง มอลลี บลูม ต้องบอกใครๆ ว่า ไม่ต้องแปลกใจที่เธอมีชื่อเหมือนตัวละครในนวนิยายของเจมส์ จอยซ์ มอลลี บลูม ในเรื่อง “ยูลีซีส” ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากบทบาทของเพเนโลปีในเรื่อง “โอดิสซิอุส” หลังจากกลับจากสงครามทรอย ตามที่โฮเมอร์เล่าไว้
มอลลีเรียนรู้การจัดการวงไพ่โป๊กเกอร์และเกมการพนันที่มีเดิมพันสูงลิ่วนี้ และได้รับผลตอบแทนเป็นทิปครั้งละหลายพันเหรียญ
เธอได้เจอหน้าคนเด่นคนดังในวงการต่างๆ โดยเฉพาะดาราฮอลลีวู้ด ซึ่งเธอใช้ชื่อเรียกในหนังสือว่า “ผู้เล่นเอ็กซ์” (Player X) เพื่อปกป้องตัวจริงของเขา
ในหนังสือ มอลลีเอ่ยชื่อคนหลายต่อหลายคนโดยเรียกแต่ชื่อต้น เป็นเหตุให้มีการคาดเดากันไปว่าตัวจริงคือใคร อย่างเช่น เลโอ เบน โทบี อเล็กซ์ ฯลฯ หรือจะเป็น เลโอนาร์โด ดิแคปริโอ เบน แอฟเฟล็ก โทบี แม็กไกวร์ อเล็กซ์ โรดริเกซ ฯลฯ
หลายคนเชื่อกันว่า “ผู้เล่นเอ็กซ์” (ไมเคิล เซรา) ซึ่งมีบทบาทสำคัญมากในหนัง น่าจะมาจาก โทบี แม็กไกวร์ (Spider-Man, The Cider House Rules) ที่หลังๆ นี้หายหน้าหายตาไปนานแล้ว (ตอนแรกที่ผู้เขียนเห็นหน้าไมเคิล เซรา ในบทนี้ นึกไปถึง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ทันทีเลยค่ะ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก คือผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ซึ่ง อารอน ซอร์กิน เคยเขียนบทหนังที่โด่งดังเรื่อง Social Network เกี่ยวกับบุคคลคนนี้มาแล้ว)
ขณะที่ อารอน ซอร์กิน ผู้เขียนบทและผู้กำกับหนัง แถลงว่า ตัวละครตัวนี้เป็นส่วนผสมของบุคคลในชีวิตจริงหลายคน มากกว่าจะมาจากใครคนเดียว

พัฒนาการขั้นต่อไปของมอลลี คือเมื่อเธอโดนเจ้านายริบเงินเดือนไปเนื่องจากเห็นว่าเธอได้เงินค่าทิปมากเกินพอแล้ว และต้องการให้เธอทำงานให้เขาโดยไม่จ่ายเงินเดือน ซึ่งในการนี้ มอลลีประท้วงว่าไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งที่จะให้เธอทำงานให้ฟรีๆ
ดีน คีธ จึงไล่มอลลีออกจากวงโป๊กเกอร์เอ็กซ์คลูซีฟของเขา
ทว่า สายเกินไปเสียแล้ว
มอลลีเรียนรู้การจัดการเกมการพนันและลูกค้ารายใหญ่ในวงการนี้มากพอ จนสามารถย้ายถิ่นไปเปิดวงพนันเดิมพันสูงของตัวเองในมหานครนิวยอร์ก คนละฟากฝั่งประเทศเลย แถมยังขยายฐานลูกค้าไปสู่นักการเงินกระเป๋าหนักของวอลล์สตรีต
มอลลีเปิดบ่อนโป๊กเกอร์เดิมพันสูงนี้อยู่ร่วมสิบปีในระหว่าง ค.ศ.2004-2013 ในท่ามกลางกระแสเงินที่หมุนเวียนเปลี่ยนมือระหว่างนักพนัน และทำให้คนบางคนสิ้นเนื้อประดาตัวไปก็มี…เวลาผีพนันเข้าสิง หลายคนยอมเทหน้าตักและกู้ยืมจนหมดเนื้อหมดตัว ไม่มีคิดหน้าคิดหลังเลย
ระหว่างนั้นเธอก็เสพยาและเจอเข้ากับปัญหาเงินขาดมือเพราะลูกหนี้ไม่ยอมจ่าย และโดนอันธพาลซ้อมยับเยิน
เมื่อมอลลีถูกเอฟบีไอจับตัวและส่งฟ้อง ก็เป็นเพราะมีมาเฟียรัสเซียมาเป็นลูกค้าของเธอ ซึ่งเธอบอกว่าไม่รู้เลยและไม่มีข้อมูลของคนพวกนี้จะให้แก่เอฟบีไอ

ตัวละครที่สำคัญอีกคนหนึ่งในหนังคือ ทนายความชาร์ลี แจฟฟรีย์ (ไอดริส เอลบา) ซึ่งมอลลีจ้างให้เป็นตัวแทนทางกฎหมายของเธอ ทั้งที่ไม่เหลือเงินในมือจะจ่ายค่าจ้างได้
และบุคคลที่ทอดเงายืดยาวอยู่ในชีวิตของมอลลีมาตั้งแต่เกิด คือ แลร์รี บลูม (เควิน คอสต์เนอร์) พ่อผู้เข้มงวดและตั้งเข็มชีวิตไว้สูงลิ่วสำหรับลูกทุกคน แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเป็นพ่อที่สมบูรณ์แบบ โชคดีสำหรับเขาที่ลูกๆ ดูเหมือนจะมีไอคิวสูงลิ่วเกินคนทั่วไป และมีพลังใจแกร่งกล้าในการต่อสู้ชีวิตอย่างไม่ย่อท้อ
แลร์รีเป็นพ่อที่ห่างหายไปจากชีวิตของลูกสาวหลายปีด้วยความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นนัก กลับมาให้กำลังใจแก่ลูกสาวอีกครั้ง เมื่อคดีความกำลังดำเนินไปถึงที่สุด และมีฉากสั้นๆ บนม้านั่งในสวน วิเคราะห์ตัวตนของลูกสาว อย่างที่บอกว่า “พ่อจะให้การบำบัดซึ่งปกติจะใช้เวลาสามปีให้ลูกภายในสามนาที” ซึ่งทำให้เราเข้าใจตัวละครตัวนี้มากขึ้น
ต้องบอกว่านี่เป็นหนังที่ “พูดมาก” ที่สุดเรื่องหนึ่ง ด้วยเสียงเล่าเรื่องจากมอลลี ซึ่งเล่าย้อนกลับไปกลับมาถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิต และเจสสิกา เชสเทน เป็นนักแสดงฝีมือดีคนหนึ่งที่สวมบทบาทหญิงแกร่งคนนี้ได้อย่างถึงใจ
มอลลีดูเป็นคนมีหลักการอย่างสูง โดยไม่ยอมแลกความลับของลูกค้ากับความอยู่รอดปลอดภัยของตัวเอง ในการนี้ หนังพาดพิงถึงบทละครอเมริกันสำคัญเรื่องหนึ่งที่เขียนโดยอาร์เธอร์ มิลเลอร์ ชื่อเรื่อง The Crucible ซึ่งพูดถึงการล่าแม่มดที่เมืองเซเล็มในศตวรรษที่ 17 เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นการใช้อำนาจในทางผิด
เช่นเดียวกับตัวละครเอกใน The Crucible ที่ถูกจับตัวขึ้นศาลและถูกเกลี้ยกล่อมให้ปรักปรำคนอื่นเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง
มอลลีปฏิเสธจะเอาตัวรอดโดยขายความลับของลูกค้า ซึ่งเธอคิดว่าไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับวงการอาชญากรรม เพียงแต่ว่าถ้าเธอยอมมอบข้อมูลให้ ก็จะเป็นการทำลายชีวิตครอบครัวของหลายๆ คน

เรื่องราวของมอลลีจบลงด้วยดี แม้เธอจะสูญเสียทั้งอาชีพและเงินทองที่สร้างสมมาภายในเวลาไม่กี่ปี แต่เธอก็ยังคงรักษาศักดิ์ศรีและหลักการในอาชีพเอาไว้ได้
ถึงแม้ว่ามอลลีจะไม่ยอมบอกชื่อเสียงเรียงนามของบุคคลต่างๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับวงการพนันเดิมพันสูงของเธอ ได้แต่เรียกขานด้วยชื่อต้น แต่แค่ชื่อต้นก็ออกจะเปิดเผยให้รู้มากพอและทำให้เกิดการคาดเดาไปต่างๆ นานา
หนังออกจะยาวไปสักนิด ซึ่งก็เป็นธรรมดาสำหรับผู้เขียนบทและผู้กำกับฯ ที่อยากเล่าเรื่องให้ละเอียด…ออกจะเกินกว่าที่จำเป็นไปสักนิด…