รู้ชีวิต…ด้วยดวงดาว(๙๐๙) ศ. ดุสิต อ่านอนาคตของคุณไม่ยากหรอก…แค่รู้จักดาว 10 ดวงเท่านั้น! เรื่องลึกในโหราศาสตร์ไทยชุด “คลังโหร” จ้าวไตรภพ (ต่อ)

รู้ชีวิต…ด้วยดวงดาว(๙๐๙)/ศ. ดุสิต

อ่านอนาคตของคุณไม่ยากหรอก…แค่รู้จักดาว 10 ดวงเท่านั้น!

เรื่องลึกในโหราศาสตร์ไทยชุด “คลังโหร”

จ้าวไตรภพ (ต่อ)

ตอนที่แล้วผมยกตัวอย่างว่า มีหญิงสาวคนหนึ่งเอาดวงมาให้คุณดูแล้วถามว่า

“หนูมีแฟนเป็นคนต่างชาติค่ะ ตอนนี้เขาจะกลับบ้านเขาที่ประเทศอิตาลี เขาชวนให้หนูไปอยู่กับเขาที่โน่นอย่างเป็นทางการเลย หนูควรจะไปไหมคะ?”

คำถามอย่างนี้แหละก็เป็นเรื่องของ “จ้าวไตรภพ” อีกเหมือนกัน

เพราะมันเกี่ยวพันกันทั้งสามภพนี้ทั้งๆ ที่ดูคำถามแล้วมันต้องเป็นเรื่องของปัตนิ

คุณลองพิจารณาดูซีครับ พิจารณาแล้วคุณเห็นอย่างเดียวกับผมรึเปล่า

ถ้าคุณมองเห็น ก็เท่ากับคุณ “เข้าใจ” ในเรื่องที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่นี้อย่างดีทีเดียว

แต่ถ้ายังมองไม่เห็น เห็นแต่เป็นเรื่องปัตนิอย่างเดียวละก็ คุณต้องไปเริ่มต้นกันใหม่แล้วละครับ

ในการจะดูดวงหรือตอบคำถามต่างๆ นั้น เราซึ่งเป็นผู้พยากรณ์จะต้องมีปฏิภาณไหวพริบในการพิจารณาคำถามแต่ละอย่างนั้นให้ดี

จุดก็คือหาให้ได้ว่าในคำถามนั้นผู้ถาม “ต้องการ” อะไรบ้าง

การตอบก็คือเราจะต้องค้นหาในดวงชาตานั้นมาตอบให้เขาซึ่งมันจะต้องประกอบไปด้วยภพและดาวต่างๆ

ไม่ใช่ดาวที่เป็นตัวเหตุต้นเรื่องเท่านั้น

อย่างในตัวอย่างนี้ คุณเธอต้องการรู้ว่าถ้าเธอไปอยู่กับแฟนต่างชาติคนนี้แล้ว ชีวิตของเธอจะ “ดีขึ้น” หรือไม่

เธอจะมีผลประโยชน์หรือร่ำรวยขึ้นไหม

และที่สำคัญก็คือ มันจะทำให้ชีวิตของเธอได้รับทุกข์หรือสุข?

นี่เป็นความต้องการที่เธอไม่ได้ถาม แต่เราจะพิจารณาได้เองว่ามันเป็นคำถามอยู่ในคำถามของเธอนั้นแล้ว

พิชานอย่างนี้แหละครับที่ต้องเป็นคุณสมบัติของนักพยากรณ์ที่ดีและควรมีให้ได้

แต่การจะมีพิชานแบบนี้ได้ก็ต้องหมายถึงว่าเราจะต้องมีประสบการณ์ที่มากขึ้น มีความรู้ในการพยากรณ์ที่มั่นคงแน่นหนา และมีความเข้าใจในการ “ดูดวง” เป็นอย่างดีทีเดียว

แต่ถ้าคุณไม่ได้ตรวจพิจารณาอย่างที่ว่านี่เลย จับเอาคำถามที่ว่า “หนูควรจะไปไหมคะ?” มาเป็นหลัก คุณดูในดวงเธอเห็นว่า โอ…ตอนนี้ดาวกดุมพะกำลังเดินเข้าภพปุตตะ ดาวลาภะกำลังจะเข้าทับลัคน์ คุณก็บอกโป้งไปเลยว่า “ไปได้เลยครับ ไปแล้วคุณจะรวยไม่รู้เรื่องแน่ๆ เลย”

ตอบอย่างนี้ก็ได้ครับ ไม่ผิดหรอก ก็คุณตอบตามตำราแล้วนี่นา

เพียงแต่คุณไม่ได้ดูและเอาดาวตัวอื่นมาประกอบด้วย

เช่น ไม่ได้ดูว่าตอนนั้นดาวศุภะกำลังอยู่ในราศีประและกุมดาวอริอยู่

ดาวกัมมะกำลังจะโคจรเข้าภพมรณะหรือกำลังถูกดาวบาปเคราะห์เล็งเขม็งอยู่

หรือแม้แต่ไม่ตรวจดูด้วยว่าในปีนั้นลัคนาจรของเธอได้จรเข้าสู่ภพกัมมะด้วย

อันแสดงถึงว่าในปีนั้นกรรมเก่าจะส่ง “วิบาก” มาถึงเธอละ

ถ้าในดวงชาตาดาวกัมมะจรอยู่ในที่ชั่ว ก็หมายถึงเธอจะได้รับวิบากกรรมที่เป็นผลชั่ว

ซึ่งอาจจะทำให้เธอได้รับความลำบากในการไปครองชีวิตอยู่ในต่างแดนก็ได้

ผมก็ได้พยายามที่จะแจกแจงให้คุณๆ ได้เข้าใจถึงวิธีการ “ดูดวง” ในแง่มุมต่างๆ เพื่อให้คุณได้คุ้นเคยกับการสัมผัสและมองเห็นความสำคัญของ “จ้าวไตรภพ” ให้มากขึ้น โดยแจงให้เห็นถึงการทำงานของดาวแต่ละภพที่จะมาประสานกันเป็นเนื้อเดียว

และสรุปตรงนี้ได้ว่า ถ้าต้องการจะดูถึงภาวะชีวิตที่จะสุขจะทุกข์ในขณะใด ก็ต้องดูที่ดาวกัมมะ-วินาสน์ด้วยทุกครั้ง เพราะการกระทำทุกอย่างของมนุษย์นั้นจะหนีไม่พ้นไปจากอิทธิพลของดาวสองดวงนี้ไปได้เลย

ต่อไป มาดูลีลาของดาว “ลาภะ” กันบ้าง

ภพลาภะนี้ใครๆ ก็ชอบ เพราะเป็นภพที่แสดงถึง “การได้มา” หรือเป็นตัวแสดงถึงผลประโยชน์ที่เจ้าชาตาจะได้รับในขณะนั้น ดังนั้น ดาวลาภะจึงเป็นอีกดาวหนึ่งที่ควรอยู่ในความเอาใจใส่ของนักพยากรณ์ทุกคน และต้องดูดาวนี้ให้เป็น

คำว่า “ดูให้เป็น” นี้หมายถึงอะไรกัน?

หมายถึงการดูให้รู้แน่ถ่องแท้ว่า การได้มานั้นได้อะไร? เพราะการได้มานั้นเป็นคำกลางๆ ได้สิ่งที่ดีมาก็ได้

หรือจะได้สิ่งที่ทำให้เดือดร้อนมาก็ได้เหมือนกัน

ดังนั้น จึงบอกว่าต้องดูให้เป็น คือดูให้แน่ว่ามาดีหรือเสีย ซึ่งดาวอื่นที่เข้ามาสัมพันธ์ด้วยจะเป็นตัวบอกได้

โดยธรรมชาติของมนุษย์แล้ว เราจะมี “การได้มา” อยู่ทุกวันแหละครับ ไม่อะไรก็อะไรอย่างหนึ่งที่เราต้องได้มาในแต่ละวัน

แต่สิ่งที่ได้มานั้นบางครั้งบางหนมันไม่มีความสำคัญกับชีวิตเท่าไรนัก เราก็เลยไม่ได้นึกถึงหรือสังเกตมัน

นอกจากจะเป็นการได้มาในสิ่งสำคัญมากๆ โดยเฉพาะสิ่งที่ได้มานั้นไม่ต้องลงทุนเลย

ยังงี้เราถึงจะรู้สึกว่ามันเป็น “ลาภ”

ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะได้อะไรมาดาวลาภะก็ทำงานอยู่ด้วยทุกครั้งแหละ แต่เราไม่ได้อ่านมันเท่านั้นเอง

บทความนี้ผมเขียนขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เป็นคู่มือแก่นักพยากรณ์มือใหม่เท่านั้น คือช่วยในการดูดวงให้ถนัดขึ้น คล่องขึ้น

เพราะถ้าเรารู้ถึงวิถีการเป็นไปของดาวแล้ว เราก็จะสามารถดูดวงได้ดีขึ้นแน่

และผมก็รู้ดีว่ามือใหม่แทบทุกคนนั้นต่างก็มีจุดเสียอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือมีความยึดมั่นถือมั่นอยู่กับ “ภพ” ต่างๆ โดยเฉพาะภพที่ให้คุณแก่ชาตาจะถูกยึดมั่นมากว่า จะ “ต้อง” เป็นไปตามความหมายของภพนั้น

เช่น ภพศุภะ เห็นดาวศุภะเข้าที่ไหนก็จะยึดเอาว่าที่นั่นศุภะแล้วดีแล้ว เห็นดาวลาภะเข้าที่ไหนก็ยึดว่าตรงนั้นมีลาภแล้ว ยังงี้เป็นต้น

ทั้งๆ ที่จริงมันไม่ได้เป็นยังงั้นเลยซักหน่อย

โปรดจำไว้ว่า ดาวทุกดวงที่เป็นเจ้าภพต่างๆ นั้น ท่านมีไว้เพื่อให้เราใช้เป็นตัวหลักในการที่จะดูหรือทำนายในเรื่องนั้นๆ เท่านั้น

แต่การที่ดาวนั้นจะ “ทำงาน” ให้เกิดผลขึ้นตามความหมายของภพหรือไม่ยังต้องมีอีกขั้นตอนหนึ่ง นั่นคือดาวจะต้องถูก กระตุ้น

จะถูกกระตุ้นด้วยอะไรก็ได้ทั้งนั้น ตามแต่ตัวเรื่องที่ต้องการ เมื่อดาวถูกกระตุ้นแล้วนั่นแหละจึงจะทำงาน ไม่ใช่ว่าจะลอยไปถึงไหนก็ทำงานถึงนั่นเลยเมื่อไหร่ ตรงนี้แหละที่มือใหม่ควรใช้ความสังเกตในการตรวจดูเสียก่อนที่จะออกคำพยากรณ์

ดาวถูกกระตุ้นได้ด้วยการถูกดาวอื่นเล็งหรือเข้ากุม หรือเรือนเกษตรของตนถูกดาวอื่นเข้าทับ และดาวเดิมในดวงก็ถูกดาวอื่นมากระทบด้วย อย่างใดอย่างหนึ่งตามนี้ก็หมายถึงดาวนั้นทำงาน

ฉะนั้น ในการดูดวงจึงต้องดูว่าดาวมีลักษณะตามที่ว่านี้หรือไม่ด้วย

อีกประการหนึ่งสำหรับนักพยากรณ์มือใหม่ที่ผมเห็นบ่อยๆ ก็คือ พอเห็นดาว “เดินเสีย” ก็ทายว่าเรื่องนั้น “เสีย” ไปแล้ว

เช่น เห็นดาวกดุมพะเดินเสีย ก็ทายเลยว่าช่วงนี้รายได้ไม่ดี หรือมีรายได้ตก

แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นทุกครั้งไปหรอก แม้ดาวกดุมพะจะเดินเสีย เช่น เดินเข้าภพทุสถานะ ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าชาตาจะมีรายได้ตกเสมอไป

เพราะถ้าเจ้าชาตาเป็นผู้ที่มีรายได้ประจำอยู่แล้ว เช่น ทำงานเป็นข้าราชการ มีเงินเดือนประจำอยู่ ถึงดาวกดุมพะจะเดินยังไงเขาก็มีรายได้อยู่นั่นแหละ

หรือเจ้าชาตาเป็นพ่อค้าขายสินค้าที่ขายได้ประจำอยู่ เขาก็มีรายได้อยู่อย่างเดิม ขายส้มตำไก่ย่างมีคนมาซื้อมากมายถึงดาวกดุมพะเดินเสียเขาก็ขายดิบขายดีอยู่นั่นเอง

เพียงแต่ว่าในขณะที่ดาวกดุมพะเดินไม่ดีหรือเดินเสียอยู่นั้น ภาวะรายได้จะไม่ “ดีขึ้น” กว่าเดิมเท่านั้นแหละ

ถ้ารายได้เขาจะตก ก็จะต้องมีภาวะอื่นเข้ามาแทรกแซงด้วย นั่นก็คือ–

ดาว “จ้าวไตรภพ” เดินเข้ามุมอับกันทั้งหมดหรือเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะดาวลาภะ

ถ้าดาวลาภะเดินเสีย เช่น เดินเข้าราศีที่เป็นประเป็นนิจหรือเป็นมหาจุล (ภพตรงข้ามกับมหาจักร) พร้อมกับดาวตัวเรื่องที่เรากำลังดูอยู่ นั่นแหละพึงสำเหนียกเอาไว้ให้ดีเถอะว่า เรื่องที่เรากำลังดูนั้นจะตกอยู่ในภาวะ “เสีย” ละ

ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่จะต้อง “ได้มา” ละก็ต้องตรวจดูให้ถี่ถ้วนเลย เพราะมีโอกาสสูงที่จะ “ไม่ได้มา” ตามที่หวังไว้

แต่ถ้าดาวอื่นเดินดี มีดาวลาภะตัวเดียวเดินเสียก็อย่าเพิ่งตกใจ ต่อให้ดาวเดินเข้าภพมรณะด้วยก็อาจไม่เป็นไร เช่น ดาวศุภะ/กัมมะเดินดีอยู่ แต่ดาวลาภะเข้าภพมรณะ อย่างนี้คุณก็ต้องเอาสูตรวิธีดูดวงแบบเบสิคที่ผมสอนไว้นานหนักหนาแล้วมาใช้ได้เลย นั่นคือ-

ดาวเดินไปที่ไหน จะทำหน้าที่ของตนที่นั่น

ถ้าดาวลาภะเดินเข้าภพมรณะ ก็ไปทำหน้าที่ “ได้มา” ที่ภพมรณะนั่นแหละ เช่น เจ้าชาตาอาจจะได้รับเงินค่าเยียวยาน้ำท่วม (หรืออื่นๆ) จากรัฐบาล หรือได้รับมรดกจากผู้วายชนม์ หรือได้เงินเคลมจากบริษัทประกันที่รถของคุณถูกชนยับไปก่อนแล้ว ฯลฯ อะไรพวกนี้แหละครับ

และนี่แหละคือผลของการที่ดาวลาภะเดินเข้าภพมรณะละ

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคุณรู้สึกเวียนหัวรึเปล่า?

ก็อาจจะมีหลายคนเริ่มเวียนหัวก็ได้เพราะจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าจะเอายังไงกันแน่

จะทายดีหรือทายเสียถ้าดาวลาภะเดินไม่ดี ตรงนี้แหละครับที่เป็นจุดสำคัญในการดูดวงละ คือคุณจะต้องแยกให้เป็นว่าตัวเรื่องที่กำลังดูอยู่นั้นมันมีทิศทางไปทางไหน

อย่างเรื่องกดุมพะที่ยกตัวอย่างมานี้ ถ้าเราดูในแบบธรรมดา ก็ดูอย่างที่ผมว่าไปตะกี้นี้ คือต้องดูให้ครบทั้งดาวกดุมพะและดาวลาภะ ดาวกดุมพะเดินเสียแต่ดาวลาภะเดินดีก็อย่าไปทายเสีย

ถ้าเสียทั้งคู่ก็อย่าเพิ่งตกใจ จงดูที่ดาว “จ้าวไตรภพ” อย่างที่ผมบอก ถ้าดาวจ้าวไตรภพอีกสองดวงเดินดีอยู่ แข็งแรงอยู่ ก็ทายได้เลยว่าเรื่องนั้นไม่เสีย

นี่เป็นเพียงการแนะนำอย่างง่ายๆ ให้คุณๆ ที่เป็นมือใหม่ได้เรียนรู้ไว้ก่อน สรุปก็คือ ไม่ว่าคุณจะดูเรื่องอะไรอยู่ ถ้าเรื่องนั้นมันส่อเค้าว่าไม่ดี คุณอย่าเพิ่งทายว่าไม่ดี จงเหลือบตามาดูดาว “จ้าวไตรภพ” นี่ก่อน ถ้าจ้าวไตรภพไม่ดีด้วยนั่นแหละจึงจะทายว่าไม่ดีได้

แต่ถ้าดาวตัวเรื่องทำท่าไม่ดี แต่จ้าวไตรภพเดินดีอยู่ และส่งกระแสถึงลัคนาหรือดาวตัวเรื่องนั้นด้วย ก็ทายได้อีกเหมือนกันว่าเรื่องนั้นมีทางที่จะแก้ไขให้ดีขึ้นได้

แก้ยังไงก็ดูตามดาวจ้าวไตรภพที่กำลังเดินอยู่นั่นแหละครับ

ผมก็ได้แนะนำให้คุณๆ ได้รู้จักกับ “จ้าวไตรภพ” มาพอสมควรแล้ว

ซึ่งถ้าคุณทำความเข้าใจกับบทความนี้ได้ดี คุณก็จะเห็นได้ทันทีเหมือนกันว่าจะทำให้คุณดูดวงได้ง่ายขึ้น

เพราะจ้าวไตรภพจะเป็นจุดช่วยให้คุณปรับสถานการณ์ของเรื่องได้ถูกต้องขึ้นอีก

แต่ในความเป็นจริง

จ้าวไตรภพที่ผมว่ามานี้เป็นจ้าวไตรภพในส่วนที่ดี

ยังมีจ้าวไตรภพในส่วนที่เสียอยู่ในดวงอีกด้วย

แต่ดูเหมือนพวกเราจะรู้จักจ้าวไตรภพส่วนนั้นดีกันอยู่แล้ว

เพราะสามภพที่เป็นจ้าวในส่วนเสียนั้นก็ไม่ใช่อะไรอื่นหรอก ก็อริ-มรณะ-วินาสน์นั่นแหละ

ผมจึงไม่ต้องนำมาอธิบายแจกแจงให้เสียเวลากันอีก

พบกันใหม่ฉบับหน้าครับ