ภาษาของพระเจ้า (ซีรีส์ประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมไบโอเทค ตอนที่ 35)

ภาคภูมิ ทรัพย์สุนทร

Biology Beyond Nature | ภาคภูมิ ทรัพย์สุนทร

 

ภาษาของพระเจ้า

(ซีรีส์ประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมไบโอเทค ตอนที่ 35)

 

“สองสิ่งเติมเต็มข้าด้วยความชื่นชมและพรั่นพรึง : สรวงสวรรค์เกลื่อนดาวภายนอกและกฎศีลธรรมภายใน”

– Immanuel Kant

 

นี่คือเรื่องราวของ Francis Collins บุรุษผู้พาโครงการจีโนมมนุษย์เข้าถึงเส้นชัย นักวิจัยผู้ยังคงไว้ซึ่งความยึดมั่นในศาสนา และมือกีตาร์ขาร็อกประจำสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐ

“ผมเติบโตมาในฟาร์มที่เวอร์จิเนีย เป็นน้องคนเล็กสุดของพี่ชายอีกสาม โฮมสกูลถึงจบประถมโดยพ่อแม่ที่ใช้ชีวิตแบบฮิปปี้ ยุค 1960’s มาตั้งแต่ยุค 1940’s” Collins เล่าประวัติชีวิตของเขา

ทั้งพ่อและแม่ของ Collins เรียนระดับจบบัณฑิตศึกษาจาก Yale เคยทำงานพัฒนาชุมชนกับรัฐบาล Franklin D. Roosevelt ช่วงเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (The Great Depression) ในยุค 1930’s และเคยเป็นถึงหัวหน้าแผนกในโรงงานผลิตเครื่องบินทิ้งระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง

ความเบื่อหน่ายและกดดันกับงานราชการและภาคธุรกิจทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจทิ้งชีวิตคนเมืองไปทำไร่นาแบบพอเพียง ปฏิเสธเทคโนโลยีและเครื่องมือเกษตรสมัยใหม่

เพื่อหารายได้เสริมเลี้ยงครอบครัวทั้งคู่ไปรับงานเป็นครูสอนวิชาการละครให้วิทยาลัยท้องถิ่นแถวนั้น

และได้ร่วมกันตั้งโรงละครกลางแจ้งในสวนป่าโอ๊กใกล้บ้าน “The Oak Grove Theater” ของทั้งคู่ยังคงเปิดบริการต่อเนื่องมากว่า 70 ปีจนถึงปัจจุบัน

กลายเป็นหนึ่งในโรงละครชุมชนที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ

Cr. ณฤภรณ์ โสดา

วันหนึ่งๆ ในวัยเด็กของ Collins หมดไปกับการทำงานหนักในฟาร์ม โรงละคร และเรียนดนตรี

เขาและพี่ชายถูกเคยส่งไปอยู่วงร้องเพลงประสานเสียงที่โบสถ์แถวบ้าน พ่อและแม่ย้ำว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะได้เรียนรู้ทักษะการดนตรีแต่ “อย่าไปจริงจังเรื่องศาสนามากนัก” Collins บรรยายตัวเขาเองในช่วงวันเด็กถึงวัยรุ่นว่าเป็น Agnostic คือพวกที่ “ไม่รู้/ไม่สน/ไม่แคร์” ว่าพระเจ้ามีอยู่จริงไหม

“เคมี” เป็นวิชาโปรดของ Collins ตอนมัธยมและก็กลายมาเป็นสาขาที่เขาเลือกเรียนต่อมาจนถึงระดับมหาวิทยาลัย เคมีสอนความงดงามของระบบระเบียบในจักรวาล สสารทุกอย่างประกอบขึ้นจากอะตอมเพียงไม่กี่ชนิด เกาะเกี่ยวจัดเรียงกันในสัดส่วนเหมาะสม มีกฎเกณฑ์ตรรกะตายตัวที่อธิบายได้ด้วยฟิสิกส์และคณิตศาสตร์

ในทางกลับกัน Collins ในวัยเรียนมองว่า “ชีววิทยา” มีแต่การท่องจำส่วนประกอบกายวิภาคและอนุกรมวิธานปราศจากหลักการความเข้าใจ

เขาเรียนจนจบปริญญาเอกด้านเคมีฟิสิกส์จาก Yale ในหัวข้อว่าด้วยทฤษฎีการสั่นไหวของโปรตอนและโมเลกุลไฮโดรเจน แทบไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับงานสายชีววิทยา

Collins เล่าว่า ยิ่งเรียนวิทยาศาสตร์ลึกซึ้งเท่าไหร่ เขายิ่งเอนเอียงจาก Agnostics เป็น Atheist (ผู้ที่เชื่อว่าพระเจ้าไม่มีอยู่จริง) ทุกสิ่งในจักรวาลนี้ประกอบด้วยสสารและพลังงาน เราต้องสามารถสังเกต ตรวจวัด ทดสอบ ทดลองได้ด้วยกระบวนการวิทยาศาสตร์

ไม่วันนี้ก็วันหน้า

ครอบครัวและชีวิตวัยเด็กของ Francis Collins
Cr. ณฤภรณ์ โสดา

ปี1974 ปีเดียวกับที่ Collins จบปริญญาเอกวงการไบโอเทคกำลังตื่นเต้นกับผลงานตัดต่อดีเอ็นเอลูกผสม (recombinant DNA) ของ Herbert Boyer และ Stanley Cohen เทคโนโลยีนี้ช่วยให้งานชีวโมเลกุลง่ายลงมหาศาล จากเดิมที่ดีเอ็นเอเป็นของหายากกว่าจะสกัดบริสุทธิ์มาศึกษาได้น้อยนิด ก็กลายเป็นว่าเราสามารถเอาชิ้นดีเอ็นเอส่วนไหนก็ได้จากสิ่งมีชีวิตใดๆ มาตัดต่อใส่แบคทีเรียให้ช่วยผลิตเพิ่มจำนวนตามที่ต้องการ

Collins มองว่างานเคมีฟิสิกส์ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว การค้นพบสำคัญๆ ผ่านไปหมดแล้ว ขณะที่ชีวโมเลกุลเป็นพรมแดนความรู้แห่งใหม่ที่ยังเต็มไปด้วยเรื่องน่าค้นหา ยิ่งกว่านั้นไม่ว่าจะเรื่องโครงสร้างการทำงานของดีเอ็นเอและชีวโมเลกุลอื่นๆ ก็ดูมีระบบระเบียบ อธิบายได้ด้วยหลักการเคมี ฟิสิกส์ และคณิตศาสตร์อย่างที่เขาคุ้นเคย

อีกด้านที่ Collins สนใจคือ ศาสตร์การแพทย์ นี่คือเส้นทางการประยุกต์วิทยาศาสตร์ที่เห็นผล ได้ประโยชน์กับมนุษย์ตรงไปตรงมาที่สุด

หลังจบปริญญาเอกเขาตัดสินใจเรียนต่อในโรงเรียนแพทย์ที่ University of North Carolina

ประสบการณ์ในโรงเรียนแพทย์กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของ Collins ทั้งด้านวิชาการและจิตวิญญาณ

 

“พันธุศาสตร์การแพทย์ (medical genetics)” คือวิชาโปรดตัวใหม่ของ Collins เขาเล่าเรื่องของอาจารย์หมอกุมารแพทย์ที่พาผู้ป่วยมาที่คลาสเรียน ผู้ป่วยโรคพันธุกรรมอย่างดาวน์ซินโดรม กาแล็กโตซีเมีย และโลหิตจางเม็ดเลือดแดงรูปเคียว (SCD) ความผิดปกติในส่วนเล็กๆ บนดีเอ็นเอส่งผลต่อความเป็นความตายของมนุษย์ตรงหน้า

พันธุศาสตร์การแพทย์ยังเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างการคิดคำนวณแบบตรรกะคณิตศาสตร์เพื่อศึกษารูปแบบการถ่ายทอดยีน

ศาสตร์มาแรงอย่างชีวโมเลกุลที่ผสมผสานเคมีฟิสิกส์เพื่อความเข้าใจชีววิทยา และงานฝั่งการแพทย์ที่เอาไปใช้บำบัดรักษามนุษย์จริงๆ ได้