อำลา นิวยอร์ก สุจิตต์ วงษ์เทศ หวนคืน อ้อมอก บัวบาน

บทความพิเศษ

 

อำลา นิวยอร์ก

สุจิตต์ วงษ์เทศ หวนคืน

อ้อมอก บัวบาน

 

แล้ว “โง่ เง่า เต่า ตุ่น” ก็มาถึงที่สุด ปรากฏผ่าน “คำให้การของผู้เขียน” ณ วันที่ 3 เมษายน 2515 ณ นิวยอร์ก-อเมริกา

ยืนยัน “ผมไปอเมริกาตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน 2514”

เท่ากับเมื่อถึงปลายเดือนเมษายน 2515 สุจิตต์ วงษ์เทศ ก็อยู่อเมริกาครบ 1 ปีโดยสมบูรณ์

ระยะเวลาเกือบปีเป็นระยะเวลาของการเดินทางและครุ่นคิด

“เนื้อถ้อยกระทงความในหนังสือเล่มนี้เอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ เป็นการเขียนเรื่องอ่านเล่น ข้อมูลต่างๆ จึงออกมาในรูปของความคิดที่คิดไปเรื่อยๆ ความรู้ที่รู้ไปเรื่อยๆ

ลึกบ้าง ตื้นบ้างตามแต่มนุษย์จะพึงคิดพึงพูดกันได้

ชื่อเสียงเรียงนามของตัวละครผมสมมติขึ้นมาเองทั้งสิ้น ทำแผลงและทำเพี้ยนจากชื่อและนามสกุลจริงของพรรคพวกเพื่อนฝูง แต่ใครอย่าอุตริเดาเลยว่าคนนั้นคือใคร”

ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนที่เป็นหัวเรื่องก่อนหน้านี้คือเริ่มจาก เดอะ แฮร์ แล้วลงลึกไปในกระบวนการต่อต้านสงคราม เน้นสงครามเวียดนาม สงครามอินโดจีน แล้วก็หยุดลงเมื่อริชาร์ด เอ็ม.นิกสัน เดินทางไปจับมือกับเมาเซตุง

เรื่องนี้ช็อกโลกและกระทบต่อความคิด ความเชื่อเดิมทางการเมืองของ สุจิตต์ วงษ์เทศ อย่างลึกซึ้ง กลายเป็น “เส้นแบ่ง” อย่างมีนัยสำคัญก่อให้เกิดคำถามและพยายามแสวงหาคำตอบ

รู้สึกแปลกหรือไม่ที่คำตอบหนึ่งเป็นการเอ่ยอ้างถึง “สิทธารถะ” ของ เฮอร์มานน์ เฮสเส และคำตอบหนึ่งเป็นการเอ่ยอ้างถึงพระรูปหนึ่งซึ่งพบเห็นในถ้ำลึกทางภาคเหนือของประเทศ

แล้วบทจบของหนังสือก็อยู่ที่ดอกบัวบานในตระพังน้ำของพระร่วงเจ้าแห่งกรุงสุโขทัย

 

ต่อต้าน สงคราม

ต่อต้าน ความรุนแรง

มนุษย์ในโลกนี้ไม่มีใครที่จะดีที่สุด และไม่มีใครจะเลวที่สุด ทุกคนมีความดีและความเลวประสมประสานกันอยู่ในตัวเองทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ในขณะที่เรารักษาประโยชน์ของเรา เขาก็ย่อมรักษาประโยชน์ของเขาได้บ้าง

ไม่มีอะไรดีไปกว่ามีความตั้งใจที่จะรักษาคุณธรรมและสร้างบารมีด้วยการแผ่เมตตาเอาไว้

แม้ว่าจะยังไม่เคยพยายามที่จะรักษาคุณธรรมและแผ่เมตตา แต่ถ้าหากมีความตั้งใจที่จะกระทำในสองสิ่งนี้ผมก็คิดว่าเป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญอยู่เหมือนกัน และก็จงอย่าพยายามผัดวันประกันพรุ่งอีกเลย

หนทางที่จะขจัดปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ของมนุษย์นั้นไม่สมควรไปลงอยู่ที่การทำสงคราม ไม่ว่าจะเป็นสงครามนอกแบบ สงครามในแบบ หรือสงครามกองโจรใดๆ ทั้งสิ้น

ถ้าหากมนุษย์เชื่อว่าตนเองเป็นสัตว์ประเสริฐ มนุษย์ก็ควรแก้ปัญหาความขัดแย้งเหล่านั้นอย่างประเสริฐ ไม่ควรแก้ปัญหาอย่างสัตว์เดียรัจฉาน

 

เพรียกหา ความรัก

เพรียกหา ความเข้าใจ

ชั่ววินาทีใดที่เราคิดเวทนาเพื่อนมนุษย์ซึ่งอยู่ในเวียดนามได้เพราะต้องตกระกำลำบาก พลัดที่นาคาที่อยู่ และตกตายในหลุมระเบิดโดยไม่รู้เหนือไม่รู้ใต้ ชั่ววินาทีนั้นเราควรที่จะให้ความเวทนาและสวดมนต์ภาวนาให้มนุษย์ที่อยู่ในเวียดนามเหนือด้วย

เพราะเขาเดือดร้อนเลือดตากระเด็นไม่แพ้กัน

ในทัศนะของผมแล้วไม่ควรจะแบ่งเขตแบ่งแขวงให้เขาเสียด้วยซ้ำไป เขาเป็น เพื่อนมนุษย์ของเราที่ควรจะได้ความรักเท่าๆ กับที่เราให้แก่คนอื่น

การเรียกร้องขอความรักให้แก่เพื่อนมนุษย์มิได้เป็นสิ่งที่น่าอับอาย มิได้เป็นสิ่งที่ควรจะปกปิด ไม่ควรจะซ่อนเร้นแต่อย่างใด มนุษย์ทุกคนต้องการความรัก ต้องการความเห็นใจทั้งสิ้น

แม้ตัวเราเองก็ตามเถิด สักวันหนึ่งในอนาคตก็จะถึงกาลค้นหาสิ่งนี้

และผมยังเชื่อในคติโบราณอย่างแน่นแฟ้นว่า-ให้ท่านท่านจักให้ตอบสนอง / นบท่านท่านจักปองนอบไหว้

ในทางกลับกันเล่า เราจะได้อะไรจากสิ่งที่เราให้แก่เขา

 

บทสรุป สงคราม

ความวิบัติ ฉิบหาย

สงครามไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นนอกจากมนุษย์จะตายมากขึ้น และถ้าหากมนุษย์ที่ตายนั้นเป็นญาติพี่น้องหรือตัวเราเองขึ้นมาเมื่อไรเราจะรู้สึกขึ้นว่ามันเดือดร้อนมากมายขึ้นมาทันที

แต่ในขณะที่สงครามยังไม่มาถึงตัวเราเราจะแสวงหามันอยู่ทำไม เราจะซ้ำเติมคนที่ต้องรับสงครามอยู่ทำไม

สงครามไม่ได้สร้างอำนาจให้ใครดีเด่นขึ้นมานอกจากความวิบัติฉิบหาย

ประเทศเวียดนามระส่ำระสายเพราะต้องรับสงครามที่ตนเองมิได้ก่อ ในขณะเดียวกันมหาอำนาจอย่างจักรวรรดิอเมริกาก็มิได้ต้องการกระทบกระเทือนเพราะไปก่อสงคราม

ใครจะคิดบ้างว่าสหรัฐอเมริกาจะกระทบกระเทือนกับการทำสงครามกับประเทศเล็กๆ อย่างนั้น แม้ตัวคนอเมริกันเองก็คงไม่คิดเมื่อตอนแรก

ผลที่สุด สงครามก็สอนให้มนุษย์รู้ขึ้นมาได้ว่าไม่มีฝ่ายใดที่จะได้รับผลกำไรจากการทำสงคราม แม้สหรัฐอเมริกาจะกำไรจากการขายอาวุธในการทำสงคราม แต่สหรัฐอเมริกาก็ย่อยยับในด้านอื่นๆ ซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่

ผมคิดว่ามนุษย์ควรจะพร้อมใจประณามคนที่ก่อสงครามให้จงหนัก

 

หวนกลับ สู่สุโขทัย

บัวบาน ณ ตระพัง

ยอมรับละว่าโง่เง่า ไม่มีวันที่จะติดตามชั้นเชิงการเมืองของใครในโลกนี้ทัน และไม่คิดจะติดตามด้วย เพราะสัจธรรมย่อมมีคุณวิเศษมากกว่าจะไปแสวงหาของโสโครกอย่างนั้น

ผมมีชีวิตอยู่บนโลกนี้มาเพียง 27 ปีเท่านั้น และพอจะรู้จักความเป็นมนุษย์บ้าง

แต่ตอบปัญหาไม่ได้ว่าทำไมมนุษย์จะต้องแสวงหาคุณสมบัติตอแหลมาใส่ตัว แล้วทำไมมนุษย์คนอื่นๆ จะต้องติดตามความตอแหลของมนุษย์ด้วยกันต่อไป

ผมมีภาระมากเพราะต้องประคับประคองความมีชีวิตให้อยู่ในโลกนี้ได้ตลอดไป

การเกิดมามีชีวิตนั้นง่ายดาย ผสมพันธุ์กันไม่นานก็ได้แต่การประคับประคองชีวิตให้อยู่ต่อไปจนกว่าจะตายนี้ยากนัก ภาระอันหนักหน่วงของผมมีอยู่ตรงนี้ เพราะฉะนั้น จึงไม่มีเวลาที่จะใช้ไปในการติดตามความตอแหลของมนุษย์อื่นๆ ได้

บางครั้งผมคิดว่ามนุษย์คนอื่นๆ ก็คงมีภาระอย่างผมเหมือนกัน แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงเอาเวลาที่มีคุณค่านี้ไปทำความตอแหล

และไปติดตามความตอแหลของคนอื่นเสียหนอ

ดอกบัวบานอยู่ในตระพังน้ำของพระร่วงเจ้ากรุงสุโขทัยนานแล้วเราจะรีรออยู่ทำไมให้เสียเวลา

รีบไปเด็ดมาบูชาพระอัฎฐารสกลางใจเมืองกันเถิด

แม้ดอกบัวจะไม่มี และแม้ว่าพระอัฎฐารสจะภินทนาการไปสิ้น ก็หาได้เป็นอุปสรรคไม่ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระฉิมโอวาทว่า การปฏิบัติบูชาย่อมบรรลุปรารถนาสูงสุดต่างหาก

ทั้งปรารถนาของผู้บูชาคือ เรา และทั้งปรารถนาของผู้ที่ถูกบูชาคือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น