ประกาศิตหย่าศึกสีกากี เด้ง! ทั้งคู่ ‘บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก’ ส้มหล่น ‘บิ๊กต่าย’ ตาอยู่

ช็อกไปตามๆ กัน เหตุการณ์ฟ้าฝ่าอาณาจักรโล่เงินเมื่อวันที่ 20 มีนาคม

คำสั่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง ให้ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. นรต.รุ่น 47 เข้ามาช่วยงานที่สำนักนายกรัฐมนตรี 60 วัน

แล้วให้ “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. นรต.รุ่น 41 รักษาการ ผบ.ตร.

พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความขัดแย้งที่เกิดขึ้น มี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดมหาดไทย, นายชาติพงษ์ จีระพันธุ อดีตรอง อสส. และ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง อดีตรอง ผบ.ตร.

 

ก่อนที่เหตุการณ์จะสุกงอมเดินมาถึงวันนี้

เกิดกรณีบรรดาเหล่านายพลกินเกาเหลากันมาสักพักใหญ่แล้ว

“นายกฯ เศรษฐา” ในฐานะประธาน ก.ตร. สั่งให้สยบศึกภายในตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว แต่ดูเหมือนเหล่าบรรดาบิ๊กตำรวจทั้งหลายเล่นลิเกโรงใหญ่กัน

ชนวนเหตุเริ่มก่อตัวตั้งแต่คดี “ผู้การอ๊อด” พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผบก.ภ.จ.ชลบุรี ขณะนั้น และนายตำรวจอีก 7 คน ถูกกล่าวหารีดทรัพย์เว็บพนันออนไลน์ “Foxbet 168” จากกลุ่มของ “เป้” นายธนินวัฒน์ อุดมเชาวเศรษฐ์ และพวกรวม 6 คน กว่า 140 ล้านบาท หรือคดี “เป้รักผู้การ”

ว่ากันว่าเป็นยุทธการสกัดเส้นทางแคนดิเดต “ตัวเต็ง” ขณะนั้นไม่ให้ก้าวสู่บัลลังก์สีกากี แล้วในที่สุดพ่ายแพ้ชะตาฟ้า “บิ๊กต่อ” ผงาดนั่ง ‘พิทักษ์ 1’ สมใจ

ตามด้วยคดีอุกอาจ ยิง “สารวัตรแบงก์” ที่สำนักงานกำนันนก นครปฐม โยงไปถึง “ทีมตำรวจทางหลวง” ซึ่งใกล้ชิดกับเบอร์ 1 กรมปทุมวัน ที่ตอนแรก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ คุมคดีเอง และจ่อจะเอาผิด “ผู้กำกับเบิ้ม” น้องรักของ “พี่ต่อ” ถึงแม้นยิงตัวตายไปแล้ว และแล้วมีคำสั่งโอนคดีให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางทำ

ต่อมาเขม็งเกลียวที่สุด ว่ากันว่าเป็นการ “เอาคืน” ด้วยปฏิบัติการของตำรวจไซเบอร์ และคอมมานโด ค้นบ้านหลังสโมสรตำรวจตอนเช้าตรู่วันที่ 25 กันยายน 2566

ปรากฏภาพนายพลหนุ่มเพิ่งตื่นนอนอยู่ในสภาพชุดลำลอง เสื้อยืดสีขาว กางเกงบ๊อกเซอร์ขาสั้น สวมถุงเท้า

โจษจันว่า งานนี้ ทั้งดิสเครดิต ทั้งลั่นดาล “คู่ชิงสำคัญ” ในศึกเก้าอี้ชิง ผบ.ตร.ขณะนั้น

นอกจากค้นบ้าน “รอง ผบ.ตร.คนดัง” แล้ว วันนั้นตำรวจไซเบอร์ได้ระดมกำลังกวาดล้างเครือข่ายแก๊งพนันออนไลน์ เข้าค้นรวม 30 จุดใน 6 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร, สมุทรปราการ, เพชรบุรี, ขอนแก่น, อุดรธานี และสระบุรี

จนกลายมาเป็น “สารตั้งต้น” นำมาสู่การดำเนินคดีเว็บพนันออนไลน์ของ ‘มินนี่’ และเครือข่าย 53 คน รวมทั้งนายตำรวจใกล้ชิด “บิ๊กโจ๊ก” อีก 8 คน และโยงเว็บพนันออนไลน์ BNK Master ชื่อดังเครือข่ายใหญ่พื้นที่ จ.สงขลา

เป็นที่มา พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. เดินทางไปศาลอาญา รัชดาฯ เมื่อวันที่ 12 มีนาคม เพื่อขอออกหมายจับกลุ่มนายตำรวจ 4 นาย โดยในกลุ่มนั้นเป็นนายตำรวจระดับสูง 1 และพลเรือนอีก 1 ในความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิด ฐานฟอกเงิน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ตามที่สมคบกัน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5, 9, 10 จากเว็บพนันเว็บ BNK Master

ทราบต่อมาศาลได้ออกหมายจับ 1.พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา 2.ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว 3.ส.ต.อ.ณัฐนันท์ ชูจักร 4.นายณพรรษกรณ์ แหเกิด หรือ อู๊ด หาดใหญ่ และได้ยกคำร้องออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์

จนหลายคนที่ติดตามข่าวตั้งหน้าตั้งตารอ “บิ๊กโจ๊ก” แฉกลับบ้าง เพราะงานนี้ เชื่อกันว่า “ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่” และวลีเดือดจากปากนายพลหนุ่มคือ “ไม่อยากทุบหม้อข้าวตัวเอง เพราะถ้าเปิดเมื่อไหร่ จะตายทั้งสำนักงานแห่งชาติ”

ต่อมาตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง นำหมายเรียกส่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่บ้านพักในซอยวิภาวดีรังสิต 60 รับทราบข้อกล่าวหาในคดี “สมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน” ของ สน.เตาปูน แล้วให้มอบตัว บก.น.2 วันที่ 21 มีนาคม

ต่อมาวันที่ 13 มีนาคม ทนายบิ๊กโจ๊กไปยื่นฟ้อง “บิ๊กเต่า” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ข้อหาหมิ่นประมาท พร้อมระบุว่า จะแถลงเปิดเส้นทางการเงินทั้งหมด สะเทือนหลายวงการแน่!!!

และแล้วทีมทนายบิ๊กโจ๊กเปิดแถลง 19 มีนาคม กว่า 2 ชั่วโมง มี พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ อดีต ผบก.ศฝร.บช.น. ตำรวจคนสนิท 1 ใน 8 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มาร่วมตอนท้าย

ไฮไลต์น่าจะเป็นชาร์ตแผนผังบัญชีม้า ชี้ให้เห็นว่า วงเงินหมุนเวียนในบัญชีของคดีเว็บ BNK Master รวมกว่า 400-600 ล้านบาท มีบัญชีรายชื่อตำรวจรับเงินโอนรวมอยู่ด้วย แต่กลับออกหมายจับเพียงบางคน มีพฤติกรรมปกปิดข้อมูล ทำตัวเหมือนอินทรีเลือกเหยื่อหรือไม่

พล.ต.ต.นำเกียรติ ในฐานะผู้ต้องหาของคดีมินนี่ ชี้แจงถึงความเชื่อมโยงในเส้นทางการเงินของ ‘พิมพ์พิไล’ เจ้าของเว็บ BNK Master พบว่า เส้นทางการเงิน 1 เส้นพบความเชื่อมโยงไปยังบัญชีของนายพล “ต.” ภรรยา “ก.” พี่สาว “จ.” พี่ชาย “ช.” ส่วนเหตุที่ตนเองตกเป็นผู้ต้องหา สืบเนื่องมาจากการที่ได้เข้าไปทำสำนวนคดีเป้รักผู้การใน จ.ชลบุรี เรียกเงินเว็บพนันกว่า 100 ล้านบาท การสืบสวนในครั้งนั้นพบว่า มี พ.ต.อ. “ด.” มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำผิดกฎหมายและยังมีธุรกรรมทางการเงินไปยังบุคคลอื่นอีกหลายราย โดยจำนวนหนึ่งพบเป็นตำรวจหญิง 2 นาย ที่มีความสัมพันธ์กับตำรวจระดับสูง รวมถึงการทำคดีกำนันนก (ที่นครปฐม)

เย็นวันเดียวกัน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า เส้นทางการเงินเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ตรวจสอบได้ ที่ระบุชื่อตัวย่อบุคคลต่างๆ นั้น อยากให้เปิดเผยรายชื่อมาเลย จะได้เชิญบุคคลเหล่านั้นมาให้ข้อมูล อย่าพูดด้อยค่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ค่ำวันเดียวกันมีรายงาน “บิ๊กโจ๊ก” ได้เดินทางไปพบ “บิ๊กต่อ” ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผบ.ตร.ปิดห้องเคลียร์ใจลำพังสองต่อสอง เกือบ 2 ชั่วโมง

ตอนเช้าวันที่ 20 มีนาคม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ โทรศัพท์ไปหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ชวนไปพบนายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล เสนอให้รวมสำนวนคดีเว็บพนันทั้ง สน.เตาปูน และ สน.ทุ่งมหาเมฆ ให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อ เพื่อความยุติธรรม และไม่เกิดภาพความขัดแย้งขึ้นอีก และรอง ผบ.ตร.หนุ่มจะถอนฟ้องคณะพนักงานสอบสวนในคดีพนันออนไลน์มินนี่ทั้งหมด

ก่อนเที่ยงที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีแถลงข่าวมอบรางวัลหน่วยงานปฏิบัติงานดีเด่นช่วงเทศกาลปีใหม่ ปรากฏเกิดภาพประวัติศาสตร์นายพลทั้งคู่แถลงหย่าศึก แล้วยืนกอดเอวกันให้สื่อมวลชนถ่ายรูป

จบด้วย “บิ๊กโจ๊ก” พนมมือโน้มตัวก้มไหว้ “บิ๊กต่อ” ในฐานะผู้บังคับบัญชา

งานนี้ดูเหมือนว่าทั้งคู่วิน-วิน ไม่บาดเจ็บจากการสาวไส้กันไปมามากกว่านี้ แล้วองค์กรตำรวจพัง!

แต่แล้วก็เกิดปรากฏการช็อกอย่างที่ว่า นั่นคือ นายเศรษฐามีคำสั่งเด้ง “บิ๊กโจ๊ก” เข้าทำเนียบ

ทำให้อนาคตของบิ๊กตำรวจทั้งสองมีความไม่แน่นอนทันที เช่นเดียวกับตำแหน่ง ผบ.ตร.คนใหม่ ที่มากด้วยความแปรปรวน

บิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ จะเป็นตาอยู่หรือไม่

นี่คือความระทึกในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่อะไรๆ ก็ไม่ได้จบง่ายๆ อย่างที่มีผู้พยายามให้จบ!!