เบื้องหน้า จีนแดง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทองปน บางระจัน

บทความพิเศษ

 

เบื้องหน้า จีนแดง

ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

ทองปน บางระจัน

 

แม้ว่าความรับรู้ในเรื่อง “คอมมิวนิสต์” เมื่อมองผ่านสงครามเวียดนาม เมื่อมองการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาโดยประธานาธิบดี ริชาร์ด เอ็ม. นิกสัน สำหรับ สุจิตต์ วงษ์เทศ จะขยาย “พรมแดน” กว้างขวางมากยิ่งขึ้น

เห็นได้จากท่าทีเมื่อสัมผัสกับ “ประติมากรรม” การต่อสู้ของ “ชาวนาจีน” เห็นได้จากความรับรู้ต่อมิติใหม่ของ “บัลเล่ต์จีน”

แต่ในทาง “ความคิด” ในทางความรับรู้ระดับ “ทฤษฎี” ยังมากด้วย “คำถาม”

ความหมายก็คือ ยังไม่ได้คำตอบในเรื่อง “ศิลปะเพื่อศิลปะ” กับในเรื่อง “ศิลปะเพื่อชีวิต” ยังไม่ได้รับผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งเพียงพอจนถึงขั้นเปรียบเทียบระหว่างโขนละครของไทยกับบัลเล่ต์ของจีน

ยังเห็นว่าการเรียกขาน “สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน” ยังไม่สมควร หากแต่ถนัดกับการเรียกขานว่า “จีนแดง” มากกว่า

ยิ่งเมื่อได้รับฟัง “ข้อมูล” อีกด้านของนักเรียนไทยเจ้าของนาม “ยงยุทธ”

 

ต้องการชาติ ศาสนา

พระมหากษัตริย์

โจรผู้ร้ายไม่มีวันหมดไปจากโลก ดูแต่อเมริกาเองยังมีสถิติโจรผู้ร้ายสูงที่สุดในโลกโดยเฉพาะที่นิวยอร์ก

ถ้าหากเศรษฐกิจไม่ดีขึ้นคนก็ต้องหันเหไปทางปล้นเขากิน ฆ่าเขากิน

สำหรับทางด้านผู้ก่อการร้ายก็จะไม่มีวันหมด ถ้าหากว่ารัฐบาลไม่สามารถควบคุมข้าราชการให้ซื่อสัตย์สุจริตและทำงานในหน้าที่กำหนด ไม่ข่มเหงราษฎรได้

ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวกับว่าประชาธิปไตยทำให้เกิด แต่มันเกิดเพราะข้าราชการไม่สุจริต ไม่ว่าคุณจะปกครองด้วยระบอบอะไรมันจะเป็นอย่างนี้ทั้งนั้น สำหรับปัญหาผู้ก่อการร้ายนั้นยังคาบเกี่ยวไปถึงนโยบายทางการเมืองด้วย

คุณต้องย้อนไปอ่านประวัติศาสตร์ทางการเมืองหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เรื่องระหว่างค่ายประชาธิปไตยซึ่งมีอเมริกาเป็นหัวหน้า กับค่ายคอมมิวนิสต์ซึ่งมีรัสเซียกับจีนแดง

และโดยเฉพาะทางด้านเอเชียอาคเนย์ก็ต้องมีจีนแดงเป็นหัวหน้าคอมมิวนิสต์

ถ้าหากเราจะคิดว่าประชาธิปไตยก็คือคนแล้ว คอมมิวนิสต์ก็ไม่ใช่คนหรือไง คนจีนเจ็ดร้อยแปดร้อยล้านคนเขามีสิทธิ์ที่จะเลือกการปกครองแบบไหนของเขาเอง คุณมีสิทธิ์อะไรที่จะไปคิดว่าเขาเดินทางผิด

ในเมื่อครั้งหนึ่งเขาต้องถูกกดขี่ข่มเหงจากพวกที่อ้างว่าประชาธิปไตย

และคิดต่อไปว่าในขณะที่อเมริกาต่อต้านเขาและนำพรรคพวกต่อต้านเขาด้วยเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะต่อต้านคุณบ้างหรือ

ในขณะที่อเมริกามาสร้างฐานทัพในเมืองไทย สร้างถนนยุทธศาสตร์ในเมืองไทย จีนก็ย่อมมีสิทธิ์ที่จะต่อสู้ด้วยการสร้างถนนยุทธศาสตร์มาในลาวส่วนหนึ่งที่เป็นพวกเขาบ้าง

คุณลองคิดดูสิว่าเขาถูกปิดล้อมด้วยฐานทัพอเมริกากี่แห่ง กองทัพเรือที่เจ็ดเอย ฐานทัพไต้หวันเอย ฐานทัพที่ไทยเอย แล้วยังที่อื่นอีกหลายแห่ง ล้วนแล้วแต่มีขึ้นเพื่อการต่อต้านจีนแดงทั้งสิ้น

ถ้าหากเป็นใจคุณ คุณจะคิดอย่างไร

ผมไม่ได้เลื่อมใสลัทธิคอมมิวนิสต์ และถ้าหากจะให้ผมอยู่ภายใต้การปกครองแบบคอมมิวนิสต์ผมก็ไม่เอา เพราะผมต้องการมีศาสนา มีพระมหากษัตริย์

แต่ผมมีความคิดยุติธรรมให้แก่เขาเท่านั้นเอง เพราะเขามีสิทธิ์ที่จะปกครองประเทศเขา และประชาชนของเขาก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกเหมือนอย่างที่คนเวียดนามเหนือมีสิทธิ์ที่จะเลือกโฮจิมินห์แม้ว่าเป็นคอมมิวนิสต์หรืออะไรก็ตาม

แต่เขารู้ว่าผู้นำของเขามีอุดมคติที่จะทำให้ประชาชนส่วนใหญ่กินดีอยู่ดี

 

บทบาท จีนแดง

ผู้ก่อการร้าย ไทย

มีทัศนะในแบบของ “ยงยุทธ” ก็มีทัศนะในแบบของ “ปรีช์” ดำรงอยู่อย่างเป็นวิวาทะในระหว่างการรับฟังของ สุจิตต์ วงษ์เทศ

นั่นก็คือ

“คุณยงยุทธไม่รู้หรือไงนะว่าคอมมิวนิสต์จีนแดงมันส่งผู้ก่อการร้ายมาคุกคามเราอยู่ทุกวัน

และคุณก็บอกมาโต้งๆ ว่า คุณอยากมีศาสนา พระมหากษัตริย์ ก็ในเมื่อคอมมิวนิสต์มันไม่มีแล้วมันยังจะทำลายอีก ก็เพราะผมอยากมีศาสนา พระมหากษัตริย์น่ะซีผมจึงต้องต่อต้านมันและเห็นด้วยกับรัฐบาลที่จะต่อต้านมัน”

“เรื่องนี้มันพูดกันยาก” ยงยุทธทำท่าเหนื่อยหน่าย

“เพราะตามประวัติศาสตร์ที่อาจารย์เขียน ธีระวิทย์ ค้นคว้า และตามเอกสารลับเพนตากอนที่เป็นของอเมริกาเอง ไม่มีอะไรยืนยันว่าจีนแดงเป็นผู้รุกราน นอกจากจะมีข้อยืนยันว่าอเมริกาส่งคนไปรุกรานเขา”

สำทับตามมาด้วยการยืนยัน “ผมไม่ได้เลื่อมใสระบอบคอมมิวนิสต์ ผมพูดตามข้อเท็จจริงขณะนี้ ในเรื่องของศาสนา พระมหากษัตริย์ก็เถอะ

ทำไมเจ้าสีหนุก็เป็นเจ้าเขมรและก็เคยเป็นกษัตริย์เขมร เขมรมีเจ้ามีกษัตริย์มีศาสนาพุทธ แล้วทำไมเจ้าสีหนุจึงสามารถติดต่อกับเมาเซตุงได้ และการที่เจ้าสีหนุต้องหมดอำนาจไปไม่ใช่เพราะประชาชนไม่ต้องการ คุณอย่าลืมว่าอเมริกาเข้าไปบงการต่างหาก”

เบื้องหน้า “ข้อมูล” เหล่านี้ เบื้องหน้าการโต้แย้งอย่างดุเดือดเข้มข้นเช่นนี้ สุจิตต์ วงษ์เทศ รู้สึกอย่างไร

 

ทบทวน ประวัติศาสตร์

จีน ไทย ในอดีต

กูได้แต่ฟังเขาพูดกันอย่างเพลิดเพลินเจริญใจ แม้จะเคยได้ยินจากพรรคพวกแถวคอร์แนลบ้าง แต่ใจตัวเองก็ยังปลงไม่ตกแน่ชัดว่าอะไรเป็นอะไร

บางทีกูพยายามทำความเข้าใจ แต่บางทีก็ไม่สามารถที่จะทำความเข้าใจได้

เพราะความที่หย่อนความรู้และไม่มีการศึกษามาก่อน อย่างไรก็ตามที ความคิดของกูออกนอกลู่นอกทางไปถึงสมัยสุโขทัย

ประวัติศาสตร์การติดต่อกับจีนเป็นไปอย่างดี พ่อขุนรามคำแหงจะเสด็จไปเมืองจีนถึงสองครั้งตามที่ประวัติศาสตร์บันทึกไว้จริงหรือเปล่า ไม่รู้ แต่ที่แน่ชัดก็คือมีการติดต่อกันอย่างแน่นแฟ้นระหว่างอาณาจักรสุโขทัยกับอาณาจักรจีน

ช่างปั้น เครื่องถ้วยชามสังคโลกเป็นคนจีนที่มีการวางแนวการอุตสาหกรรมเช่นนี้ให้สุโขทัย

ใช่ เป็นการลงทุนทางอุตสาหกรรมที่พ่อขุนรามคำแหงทรงได้รับความช่วยเหลือจากจีน เพราะภายหลังต่อมาสุโขทัยก็สามารถครองความเป็นเอกในอุตสาหกรรมประเภทนี้

สืบมาสมัยกรุงศรีอยุธยา ความสัมพันธ์กับจีนมีมากเพราะกรุงศรีอยุธยาเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่จีนจะต้องเอาสินค้ามา และแขกฝรั่งมังค่าก็จะต้องเอาสินค้ามาซื้อขายแลกเปลี่ยนกันที่นี่

ก็เคยอ่านนิราศของ พระยามหานุภาพ ซึ่งเป็นผู้ช่วยทูตที่พระเจ้าตากสินทรงแต่งตั้งไปเมืองจีน

พระยามหานุภาพเขียนไว้ว่า ได้ไปทำสัมพันธไมตรีกับจีนโดยลงเรือจากกรุงธนบุรีไปขึ้นที่เมืองกวางตุ้ง มีเครื่องบรรณาการสำหรับพระเจ้ากรุงจีนไปด้วย และจากนั้นต่อมาความสัมพันธ์ระหว่างกรุงจีนกับกรุงไทยก็แน่นแฟ้นดังเดิม

ตามประวัติศาสตร์ก็บอกอีกแหละว่า สมเด็จพระนั่งเกล้า รัชกาลที่ 3 ของกรุงรัตนโกสินทร์มีการติดต่อกับจีนมาก ในรัชกาลนี้ไทยเป็นนักค้าสำเภาที่ยิ่งยง และรัชกาลที่ 3 เองก็ติดต่อกับจีนเป็นการส่วนพระองค์ด้วย

นอกจากจะทรงนิยมศิลปะจีนอย่างที่เห็นตามวัดปัจจุบันบางวัดว่าทรงสร้างขึ้นเลียนแบบวัดจีนแล้ว ตุ๊กตาหินต่างๆ ก็ทรงเอามาจากจีน

บางคนกล่าวว่าการค้าในสมัยรัชกาลที่ 3 นั้นเราได้เปรียบดุลการค้ามากเพราะขนสินค้าไทยลงสำเภาไปขายที่เมืองจีนขากลับเกรงว่าเรือเปล่าจะไม่สะดวกต่อการเดินเรือจึงเอาตุ๊กตาจีนใส่เรือมาให้หนักเป็นอับเฉา เพราะถ้าหากเรือไร้น้ำหนักแล้วเมื่อถูกพายุเรือจะล่มได้ง่าย

อย่างไรก็ตาม มีกลอนโต้ตอบกันอยู่บทหนึ่งที่กูจำกลอนได้แต่ไม่รู้ว่าใครโต้ตอบกับใครว่า “โตติ้งสิงห์ตั้งเหมือนดั่งเป็น ดูผงกผกเผ่นผันผยอง มีแต่ไหนใหม่ตัวนี้มีทำนอง

เสือกไม่ไปไสไม่คล่องมาแต่จีน”

 

ไฉน เมด อิน U.S.A.

จึงเป็น โง่ เง่า เต่า ตุ่น

เหตุใดจึงต้องนำเอาการปะทะอย่างสร้างสรรค์ในทางความคิด ไม่ว่าจะมองในด้านประเทศ ไม่ว่าจะมองในด้านตัวบุคคลมาวาดพรรณนายืดยาว

มีความจำเป็น

หลายคนอาจมองในลักษณะ “เส้นแบ่ง” และ “จุดตัด” อย่างแหลมคมในทางการเมือง

ไม่ว่าในด้านของ “โลก” ไม่ว่าในด้านของ “ไทย”

จะเรียนรู้และเข้าใจ สุจิตต์ วงษ์เทศ ได้ตามความเป็นจริงต้องมองเห็นในแต่ละก้าวย่างอันถือเป็น “พัฒนาการ”

จาก “ขุนเดช” ถึง “ทองปน บางระจัน”

ปรากฎการณ์ “หนุ่มหน่ายคัมภีร์” กระทั่งปะทุอารมณ์ออกมาเป็น “กูเป็นนิสิตนักศึกษา วาสนาสูงส่งสโมสร”

จากคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ไปยัง ช่อฟ้า สยามรัฐ

จากสยามรัฐริมถนนราชดำเนิน บินลัดฟ้าไปยังมหาวิทยาลัยคอร์แนล อิทะกะ สหรัฐอเมริกา

ไฉน เมด อิน U.S.A จึงกลายเป็น “โง่ เง่า เต่า ตุ่น”

จะเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้จะต้องทำความเข้าใจต่อ “สำนึก” ในทางความคิดจิตวิญญาณของ สุจิตต์ วงษ์เทศ

ก่อนจบ โง่ เง่า เต่า ตุ่น