เมื่อ ‘ดีล’ ทำงาน ‘ทักษิณ’ เขยิบ ‘บิ๊กแดง’ ขยับ มิชชั่น สุดขอบฟ้า จับตา ‘คอแดง’ ทบ. และจังหวะก้าว ‘อีลีต’

กระแสข่าวลือการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ช่วงเมษายน-พฤษภาคม ก่อนที่ ส.ว.จะหมดวาระ หรืออาจหลังจากนั้น ไปสักระยะหนึ่ง กำลังแพร่สะพัดไปถึงขั้นจะเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี

ทั้งแบบที่เป็นไปตาม “ดีล” และแบบที่ฝ่ายอนุรักษนิยมเปลี่ยน “ดีล”

อันเป็นจังหวะที่หลายเหตุการณ์มาบรรจบกันพอดี ทั้งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้พักโทษ กลับมาอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้า พร้อมหน้าครอบครัว หลังต่อสู้ ลองผิดลองถูกมา 17 ปี ตั้งแต่ถูกรัฐประหารปี 2549

พร้อมกระแสการปรับ ครม. หรือแม้แต่การปรับเปลี่ยนพรรคร่วมรัฐบาลใหม่ และการขยับของตัวละครการเมืองเดิมๆ ในบริบทใหม่

แม้ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค และถูกวางตัวให้เป็นนายกฯ ในสมัยหน้า จะยืนยันว่า นายเศรษฐา ทวีสิน คือนายกฯ ตัวจริง และนายกฯ คนเดียว โดยมีแกนนำพรรคออกมาประสานเสียงหนุน และมั่นใจว่า นายเศรษฐาจะอยู่ครบวาระ 4 ปี

ถึงขั้นที่นายเศรษฐาหงุดหงิดกับคำถามนักข่าวในเรื่องนายกฯ 2 คน 3 คน โดยเฉพาะในวันที่นายเศรษฐามุดเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า พบนายทักษิณเป็นครั้งแรก

หากเป็นไปตาม “ดีล” เดิม ที่ขั้วอนุรักษนิยมเชื่อกันมาตั้งแต่เจรจาจัดตั้งรัฐบาล ที่มีเงื่อนไขการไฟเขียวให้นายทักษิณกลับไทยมาโดยไม่ต้องอยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ เหลือ 1 ปี และไปนอนโรงพยาบาลตำรวจ 6 เดือน จนได้กลับบ้าน และเตรียมการที่จะทำศึกการเมืองกับพรรคก้าวไกล และด้อมส้ม เพื่อให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง ได้เป็นรัฐบาล เป็นนายกฯ คุมอำนาจรัฐ ปิดทางพรรคก้าวไกลเข้าสภา เข้าทำเนียบให้ได้ ภายใต้ภารกิจปกป้องสถาบัน อันเป็นมิชชั่นที่ทั้งนายทักษิณ และ น.ส.แพทองธาร ประกาศแล้วว่า จะทำงานเพื่อสถาบันหลักของเรา

คือการให้นายทักษิณเป็นแม่ทัพใหญ่ และคุมทุกอย่าง

 

ดีลนี้ ก็ทำให้เกิดกระแสข่าวมาตั้งแต่แรกว่า นายกฯ คนละครึ่ง คือ ยอมให้นายเศรษฐาเป็นนายกฯ ก่อน เพื่อจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ก่อน โดย ส.ว.สายทหาร สายบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในเวลานั้น โหวตสนับสนุนนายเศรษฐาเป็นนายกฯ แล้วจากนั้น จะให้คนของฝ่ายอนุรักษนิยมมาเป็นนายกฯ

จนเป็นที่มาของกระแสข่าวลือก่อนหน้านี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะคัมแบ๊กมาเป็นนายกฯ ในโควต้า 2 ปีที่เหลืออยู่ เพราะเป็นนายกฯ รวมมา 6 ปีแล้ว

แต่ทว่า พล.อ.ประยุทธ์มีภารกิจใหม่ หลังการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นองคมนตรีแล้ว และเป็นที่คาดกันว่า ถูกวางตัวให้เป็นประธานองคมนตรีในอนาคต เพื่อทำหน้าที่แม่ทัพองคมนตรี ขุนศึกวงใน ที่ใกล้ชิดสถาบัน จะไม่ลาออกมาเป็นนายกฯ อีกแน่ๆ

จึงทำให้เกิดกระแสข่าวสะพัดว่า โควต้านี้จะตกมาเป็นของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์นั่นเอง เพราะพรรค รทสช.นี้ เป็นพรรคที่ พล.อ.ประยุทธ์ร่วมจัดตั้งมา

โดยเฉพาะเมื่อนายเศรษฐานำเรื่องเข้า ครม. แต่งตั้งนายพีระพันธุ์ เป็นรองนายกฯ ที่คุมกระทรวงยุติธรรม และรักษาการแทน หาก รมว.ยุติธรรมไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ จึงถูกจับตามองว่า เตรียมมาช่วยเรื่องคดีของ 2 อดีตนายกฯ พี่น้อง ทั้งนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับประเทศอีกคน ตาม “ดีล” ข้อเสนอของนายทักษิณหรือไม่

เพราะนายพีระพันธุ์ ก็เก็บเนื้อเก็บตัว และเลี่ยงที่จะตอบคำถามนักข่าว ถึงกระแสข่าวเหล่านี้ จนเป็นที่ผิดสังเกต ท่ามกลางข่าวสะพัดในพรรคว่า มีสิทธิลุ้นเป็นนายกฯ แทนนายเศรษฐา

เพราะต้องไม่ลืมว่า นายพีระพันธุ์เป็นรองนายกฯ ที่ได้ควบ รมว.พลังงาน ซึ่งเป็นกระทรวงที่เป็นโควต้าของ พล.อ.ประยุทธ์มาตลอด 9 ปีที่เป็นรัฐบาล โดยเชื่อมโยงกับนายทุนพรรคคนสำคัญ ที่มีบทบาทในการปรองดองของขั้วชินวัตร กับขั้วอนุรักษนิยม

 

นอกจากนั้น นายพีระพันธุ์เป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทสนมกันมายาวนานตั้งแต่เรียนเซนต์คาเบรียล ของบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. จนมองกันว่า เป็นตัวแทนในทางการเมืองของ พล.อ.อภิรัชต์ ที่มาช่วย พล.อ.ประยุทธ์นั่นเอง

ที่สำคัญคือ เป็นจังหวะที่มีข่าวสะพัดว่า พล.อ.อภิรัชต์จะลาออกจากรองเลขาธิการสำนักพระราชวัง (สนว.) เพราะอาการป่วยหนัก จนอาจไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในการถวายงานได้อย่างเต็มที่ ที่ต้องรอดูว่า จะมีพระบรมราชานุญาตให้ลาออกหรือไม่ หรือว่าให้รักษาตัว และลดการทำหน้าที่ถวายงานลง

หลังจากที่เคยตกเป็นข่าว “ดีลลับ ลังกาวี” จนทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ ถูกดองเวร ลงโทษ แล้วก็ลดบทบาทมาตลอด แต่ยังคงเห็นถวายงานในหลายภารกิจ รวมทั้งการต้อนรับผู้สำเร็จราชการแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย พระสหายดันทรูน ของในหลวง ก็ยังคงดูเป็นปกติ

กระนั้น กระแสข่าวที่ พล.อ.อภิรัชต์จะลาออก ทำให้กองเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ และขั้วอนุรักษนิยมมีความหวังว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขึ้น

บ้างก็ร่ำลือ โพสต์กันในไลน์ ในโซเชียลมีเดีย ว่า พล.อ.อภิรัชต์ออกมารอเวลาจะเป็นนายกฯ บ้าง หรือออกมาเป็น รมว.กลาโหม แทนนายสุทิน คลังแสง บ้าง

ชื่อของ พล.อ.อภิรัชต์ กลายเป็นความหวังของชาวสลิ่ม ที่ไม่แฮปปี้กับระบอบทักษิณ ว่าจะมารอเป็นนายกฯ ทั้งในเร็วๆ นี้ หรือแม้แต่ ในอนาคต เมื่อท้ายที่สุดแล้ว นายทักษิณและพรรคเพื่อไทย สกัดพรรคก้าวไกลไม่อยู่ ก็เหลือวิธีสุดท้ายที่ทหารถนัด

แต่ในอีกมุมหนึ่ง มีกระแสข่าวว่า มิชชั่นของ พล.อ.อภิรัชต์ ตท.20 คือ การมาเสริมกำลังนายทักษิณ รุ่นพี่ ตท.10 ในการสู้ศึกการเมือง และปกป้องสถาบัน โดยมีตัวเชื่อมคนสำคัญที่ทำให้ 2 ขั้วมาปรองดองกันได้

 

การคาดหมายต่างๆ นานานี้สะท้อนว่า ไม่มีใครเชื่อว่า พล.อ.อภิรัชต์ป่วยหนักจริงเลย เพราะเห็นว่า เป๊ะ สมาร์ต แข็งแรงมาตลอด และออกถวายงานใกล้ชิดล่าสุดอยู่

แต่มองว่าเป็นกลยุทธ์ในการปลีกตัวเองออกมาจากความเกี่ยวข้องกับสถาบัน เพื่อเตรียมมาทำงานการเมือง ทั้งแบบเบื้องหลัง หรือแม้แต่เบื้องหน้า คือรับตำแหน่งทางการเมือง

โดยมีการเชื่อมโยงกับ “ดีล” ข้ามขั้ว และดีลลังกาวี ที่มาของความปรองดอง จนนายทักษิณได้กลับมาแบบพิเศษ และการตั้งรัฐบาลผสมข้ามขั้ว โดยที่ ส.ว.โหวตให้นายเศรษฐาเป็นนายกฯ มาแล้วนั่นเอง

แต่จริงๆ แล้วมีกระแสข่าวยืนยันว่า พล.อ.อภิรัชต์ป่วยหนักจริง แค่ไม่ได้ต้องนอนติดเตียง โดยมีเอกสารประวัติการรักษา รับรองโดยแพทย์ 2 คน ว่า พล.อ.อภิรัชต์มีอาการป่วย 3 โรค ทั้งไซนัสโพรงจมูกเรื้อรัง ที่อาจลุกลามเป็นโรคร้ายในโพรงจมูกที่ต้องได้รับการรักษาดูแลต่อเนื่อง

แต่ที่หนักกว่า ที่ทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ต้องการรักษาตัว และดูแลสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอ นอนให้เป็นเวลา คือเส้นเลือดหัวใจ และเส้นเลือดสมอง

เพราะมีรายงานข่าวจากคนใกล้ชิดระบุว่า พล.อ.อภิรัชต์ป่วยเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ หัวใจขาดเลือด มีแผลที่กล้ามเนื้อหัวใจ ต้องใส่ขดลวด รวมทั้งหลอดเลือดเส้นใหญ่ 2 เส้นมีปัญหา มีโอกาสในการเกิดหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันได้ ถ้าออกกำลังกายหนัก จึงทำบายพาส 2 เส้น อีกทั้งลิ้นหัวใจ หนาตัวและมีหินปูนเกาะ ทำให้เกิดลิ้นหัวใจรั่ว และหัวใจเต้นผิดจังหวะ

ทั้งยังมีประวัติเส้นเลือดสมองขาดเลือดชั่วขณะ เสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือดได้

 

แต่แม้จะมีอาการป่วยดังกล่าว กองเชียร์สายอนุรักษนิยมก็เชื่อว่าน่าจะรักษาหาย และสามารถใช้ชีวิตปกติได้ แค่ต้องพักผ่อนให้พอ ไม่ออกกำลังกายหนัก แต่สามารถทำงานการเมืองได้

กระแสข่าวนี้ ส่งผลให้พรรค รทสช.คึกคักขึ้นมาทันใด เพราะ พล.อ.อภิรัชต์เป็นคีย์แมน เป็นแม่ทัพสำคัญในยุค พล.อ.ประยุทธ์ เสมือนว่า ได้แตะมือกันแล้ว เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เข้าไปอยู่ข้างใน ในฐานะองคมนตรีแล้ว ก็ถึงเวลาที่ พล.อ.อภิรัชต์จะได้ออกมาทำหน้าที่แทน โดยมาเป็นกำลังเสริมแม่ทัพทักษิณ ในการกรำศึกการเมือง เพราะถึงอย่างไร นายทักษิณ ก็คือสายเลือดเตรียมทหาร

แต่หากไม่เป็นไปตามดีล คือ อาจมีการใช้องค์กรอิสระ ฟ้องร้องเอาผิด ในกรณีที่นายเศรษฐาต้องรับผิดชอบต่อกรณีเงินหมื่นดิจิทัล ที่อาจทำไม่ได้ดั่งที่หาเสียงไว้ ที่อาจเป็นดีล หรือนอกดีล ที่นายเศรษฐาอาจไม่รู้ แต่นายทักษิณอาจรู้

หรือหากนายทักษิณไม่รู้ ก็จะกลายเป็นการหักดีล เพื่อให้มีนายกฯ จากขั้วอนุรักษนิยม จากสายอีลีต

จนมีชื่อนายกฯ สำรองขึ้นมาอีกหลายคน

 

เช่น บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ดูมีความหวังกลับมาแอ็กทีฟอีกครั้ง ใจบันดาลแรงภาค 2 ประกาศให้พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคอนุรักษนิยมที่ทันสมัย กลับมาแต่งตัวสีฉูดฉาด โดยระบุว่านี่คือความทันสมัยท่ามกลางข่าวสะพัดว่าได้ต่อสายคุยกับนายทักษิณ และมีนัดหมายที่จะเข้าไปพบที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เพราะบ้านจันทร์สองหล้า ก็เป็นที่คุ้นเคยของ พล.อ.ประวิตร เมื่อครั้งเป็นนายทหารในกองทัพลุ้นเก้าอี้ ผบ.ทบ. ก็เป็นขาประจำบ้านจันทร์ส่องหล้า และเป็นที่สนิทสนมใกล้ชิดกับคุณหญิงอ้อ พจมาน ดามาพงศ์ ถึงขั้นที่เคยจะจับคู่ให้กับสตรีในทีมมาแล้ว

อีกทั้งในระยะหลังนี้ พล.อ.ประวิตร ก็เปิดตัวบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ลูกรัก มาร่วมกิจกรรมกับแกนนำพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะร่วมโต๊ะรับประทานอาหารที่บ้านป่ารอยต่อฯ จนถูกมองว่าเป็นสัญญาณบางประการหรือไม่

เพราะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ก็เป็นเพื่อนรักเตรียมทหารรุ่น 20 ของ พล.อ.อภิรัชต์

พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์

รวมถึงนายกฯ สำรอง อย่างเสี่ยหนู นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่เป็นสารตั้งต้นจับมือกับพรรคเพื่อไทยตั้งแต่แรกในการจัดตั้งรัฐบาลผสมข้ามขั้ว จนทำให้เกิดกระแสข่าวลือว่ามีสัญญาสุภาพบุรุษ ที่จะให้นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี หากนายเศรษฐาต้องประสบอุบัติเหตุทางการเมืองก่อนครบวาระ

เพราะต้องไม่ลืมการปรากฏตัวของนายเนวิน ชิดชอบ ผู้มีบารมีนอกพรรคภูมิใจไทย ที่ไปเตรียมการรองรับการกลับไทยของนายทักษิณ ที่ฝูงบินย่านดอนเมือง

ขณะที่บรรยากาศในกองทัพก็เข้มข้นขึ้น รอดูจังหวะก้าวของ พล.อ.อภิรัชต์ ว่าจะได้ไฟเขียวให้ลาออกมาจริงหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะได้ออกมาหรือไม่ ก็ถือว่าเป็นการขยับตัวครั้งสำคัญ

เพราะนายทหารที่ได้ชื่อว่า สายตรงบิ๊กแดง ก็พร้อมรองรับทุกมิชชั่น เพราะหากทุกอย่างเป็นไปตามดีล ก็คาดว่า บิ๊กปู พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ เสธ.ทบ. จะกลายเป็นแกนนนำรุ่น ตท.26 ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป ในโยกย้ายกันยายน 2567 นี้เลย และนั่งยาว 3 ปี จนกันยายน 2570 ที่จะเป็นช่วงก่อนการเลือกตั้ง

พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ

แม้จะมีแคนดิเดต ผบ.ทบ.จาก ตท.24 ถึง 2 คน คือ บิ๊กหยอย พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ ผช.ผบ.ทบ. ที่เคยเป็นทหารรักษาพระองค์ ที่ ร.1 รอ. และบิ๊กหนุ่ย พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ ผช.ผบ.ทบ. สายคอแดง บูรพาพยัคฆ์

แต่หาก พล.อ.อภิรัชต์ ยังมีเพาเวอร์ ก็จะหนุน พล.อ.พนา ขึ้น ผบ.ทบ. ส่วน พล.อ.ธราพงษ์ จะข้ามไปเตรียมเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคอแดง ส่วน พล.อ.อุกฤษฏ์ คอเขียว จะไปรอจ่อเป็นปลัดกลาโหม ในตุลาคม ปี 2568

ดังนั้น จึงจับตามองไปที่ ผบ.ทบ. หลังปี 2570 ที่เป็นช่วงเลือกตั้ง และหลังเลือกตั้ง หากนายทักษิณและพรรคเพื่อไทย ทำมิชชั่นไม่สำเร็จ จนเกิดปรากฏการณ์ส้มทั้งแผ่นดิน แบบที่พรรคก้าวไกลคาดหวัง จนไม่อาจใช้ระบบรัฐสภาสกัดกั้นพรรคก้าวไกลได้ เมื่อนั้นก็เกิดความเสี่ยง

คาดกันว่า ในเวลานั้น ผบ.ทบ. จะเป็นแกนนำ ตท.27 หรือ ตท.28 ที่จะต้องดันขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ในการโยกย้ายกันยายนนี้แล้ว เพื่อที่จะโตขึ้นไปจ่อให้ทันขึ้น ผบ.ทบ.

โดยมีทั้งแม่ทัพใหญ่ พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพน้อยที่ 1 สายทหารเสิอราชินีของ พล.อ.ประยุทธ์ และแกนนำ ตท.27 ที่จะขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 แล้วเข้าไลน์ หรืออาจถูกเบียดแทรกโดย ตท.28 ที่จ่อพร้อมขึ้นถึง 3 คน จากรองแม่ทัพภาคที่ 1 เช่น รองไก่ พล.ต.วรยส เหลืองสุวรรณ รองกอล์ฟ พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์ และรองมด พล.ต.อาจิณ ปัทมจิตร ที่ล้วนเป็นทหารคอแดง

โดยเป็นที่รู้กันดีถึงความสำคัญของ ตท.28 ที่มีแกนนำรุ่นนอกกองทัพ มีบทบาทสำคัญใกล้ชิดสถาบัน ดังนั้น มิชชั่นสำคัญคือ ผบ.ทบ.ต่อจากนี้ คือการปกป้องสถาบันในทุกวิถีทาง

แต่ท้ายที่สุด ต้องรอดูว่า เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เข้าไปทำหน้าที่สำคัญแล้ว จะเป็นจังหวะแตะมือให้ พล.อ.อภิรัชต์ ออกมาแทนหรือไม่ เพื่อผนึกกำลังกับนายทักษิณ สู้ศึกใหญ่ต่อไป!?!