ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 9 - 15 กุมภาพันธ์ 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | โลกทรรศน์ |
เผยแพร่ |
ในทางรัฐศาสตร์ นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 เป็นเวลามากกว่า 92 ปี แต่พรรคการเมืองไทยไม่ว่าพรรคไหนก็ไม่มั่นคง ไม่มีเสถียรภาพ
และที่สำคัญไม่มีความเป็นสถาบัน (Institutionalization) อันหมายถึงเป็นองค์กรการเมืองที่ดำเนินการทางการเมืองต่อเนื่อง มั่นคง ชอบธรรมได้รับการยอมรับและมีบทบาทหลักในการพัฒนาการทางการเมืองของประเทศนั้นๆ
แม้ว่ามีทฤษฎีทางรัฐศาสตร์หลายทฤษฎีว่าด้วยบทบาทของพรรคการเมืองในประเทศไทย แต่พัฒนาการทางการเมืองของพรรคการเมืองไทยหลังปี 2560 ก็น่าสนใจโดยที่ไม่สู้จะมีทฤษฎีไหนอธิบายได้
เราลองมองไปที่พรรคก้าวไกลซึ่งมีโอกาสถูกยุบพรรค (อีกแล้ว) แต่พรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคประชาธิปัตย์ 4 พรรคการเมืองหลักของการเมืองไทยร่วมสมัยมีความมั่นคง มีเสถียรภาพกว่าพรรคก้าวไกลหรือ
4 พรรคการเมืองที่ไร้เสถียรภาพ
โดยพื้นฐานอาจกล่าวได้ว่า 4 พรรคการเมืองได้แก่ พรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคชาติไทยพัฒนาที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยน่าจะเป็นพรรคการเมืองที่มีความมั่นคงสูงด้วยการจัดสรรอำนาจและตำแหน่งรัฐมนตรีของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยลงตัว ไม่ค่อยมีการกระทบกระทั่งภายในพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนรัฐบาลผสมทั่วไป
หากจะมีปัญหาอยู่บ้างก็มาจากผลงานของแต่ละพรรคซึ่งถูกตรวจสอบได้จากพรรคฝ่ายค้านคือ พรรคก้าวไกล
แล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังทำตัวไม่ใช่พรรคฝ่ายค้านเสียทีเดียว หากแต่พร้อมเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย
แต่ทำไมผมจึงมองว่า ทั้ง 4 พรรคดังกล่าวไร้เสถียรภาพ ลองดู
พรรคภูมิใจไทย
หากมองจากผลงานรัฐบาลพรรคเพื่อไทยช่วงประมาณ 5 เดือนที่ผ่านมา ผลงานของพรรคภูมิใจไทยโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยไม่ได้มีอะไรให้วิจารณ์เชิงตำหนิ ด้วยการทำงานตามแนวทางระบบราชการของกระทรวงมหาดไทย เรื่องบัญชีรายชื่อผู้มีอิทธิพลซึ่งล่อแหลมและเสี่ยงจากการวิจารณ์ของสังคมก็ดูเบาๆ ไป ไม่หวือหวา นโยบายเปิดสถานบันเทิงสว่างคาตาก็มีการวิจารณ์กันบ้าง แต่เจ้ากระทรวงมหาดไทยและหัวหน้าพรรคก็นำทีมไปปิดผับ จับกุมวัยรุ่นคนมาเที่ยวผับพอให้เห็นกัน
แต่สิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ของพรรคภูมิใจไทยคือ เรื่องอดีตเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย คุณศักดิ์สยาม ชิดชอบ
ในการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี พ.ศ.2565 คุณปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.พรรคก้าวไกลอภิปรายว่า คุณศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทยขณะนั้นถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ผ่านตัวแทนอำพราง โดยไม่ปรากฏหลักฐานการซื้อขายหุ้นในบัญชีทรัพย์สินที่ต้องแจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ส่งผลให้ ส.ส.ฝ่ายค้านในขณะนั้น 54 คน เข้าชื่อยื่นคำร้องผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น (นายชวน หลีกภัย) เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องและมีคำสั่งให้คุณศักดิ์สยามหยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีตั้งแต่ 3 มีนาคม 2566
ต่อมา 17 มกราคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติเสียงข้างมากตัดสินให้คุณศักดิ์สยามสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่มีคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่
คุณศักดิ์สยามได้ลาออกจาก ส.ส.และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทยในวันเดียวกัน แต่เรื่องความคงอยู่ของพรรคภูมิใจไทยยังมีประเด็นอยู่และส่ออันตรายมากๆ
ความสำคัญของตระกูลชิดชอบ พลังของการเมืองท้องถิ่น ที่สำคัญความเป็นแกนหลักของพรรครัฐบาลที่ร่วมกับพรรคเพื่อไทยแทบจะไม่มีความหมายทางการเมือง กลับทำให้พรรคภูมิใจไทยรอวันล่มสลายจากการยุบพรรคด้วยข้อหาผลประโยชน์ขัดกันของสมาชิกพรรคและการครอบงำพรรคจากเงินบริจาคของสมาชิกพรรค
จากรายงานของสื่อมวลชน1 คุณศักดิ์สยามเจ้าของ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ทั้งการถือหุ้น2 ใช้บ้านตัวเองเป็นสำนักงานของ หจก. ในขณะเดียวกัน ตัวเขาช่วงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่นได้รับงานจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐจำนวนมาก ระหว่างปี 2558-2565 หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่นมีโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ 296 รายการ มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท เฉพาะโครงการที่ หจก.บุรีเจริญคอมสตรัคชั่นได้งานจากกระทรวงคมนาคมช่วงปี 2564-2565 47 โครงการ วงเงิน 1,028 ล้านบาท3
แม้ว่าช่วงที่คุณศักดิ์สยามดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม อันมีข้อห้ามด้านผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของบริษัทเอกชนของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีข้อมูลค้นพบว่า นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นนอมินีของคุณศักดิ์สยาม นำเงินของคุณศักดิ์สยามบริจาคให้กับพรรคภูมิใจไทยหลายครั้ง
นายศุภวัฒน์เคยบริจาคเงินให้พรรคภูมิใจไทยส่วนตัว 1 ครั้ง เป็นเงิน 2.7 ล้านบาท และบริจาคในนามของ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น 2 ครั้ง 10.7 ล้านบาท4
แต่ว่านายศุภวัฒน์ได้ปฏิเสธว่า เงินบริจาคให้พรรคภูมิใจไทยไม่ใช่เงินของคุณศักดิ์สยาม โดยอ้างว่า เขาเอาเงินไปซื้อกองทุน
แต่ความจริงคือ คุณศักดิ์สยามได้โอนเงินของเขาให้กับ 2 นิติบุคคลคือ บริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ และ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ก่อนที่ 2 นิติบุคคลจะโอนเงินให้นายศุภวัฒน์ หลังจากนั้น เขาได้นำเงินดังกล่าวไปซื้อกองทุน
แต่ปรากฏว่า เขาขายกองทุนเพื่อนำเงินมาชำระค่าหุ้นให้คุณศักดิ์สยาม นอกจากนั้น ยังปรากฏหลักฐานเชื่อมโยงว่านายศุภวัฒน์เคยเบิกบิลค่าน้ำมันรถของคุณศักดิ์สยาม โดยระบุว่า ‘ติดตามนาย’ อีกด้วย
สรุป เงินซื้อกองทุนของนายศุภวัฒน์ก็เป็น ‘เงิน’ ของคุณศักดิ์สยาม เพราะเขาเอามาชำระค่าหุ้นให้เจ้านายของเขา คุณศักดิ์สยาม ยิ่งนายศุภวัฒน์ขอเบิกเงินค่าน้ำมันรถ เพราะเขาขับรถติดตามนายคือคุณศักดิ์สยามด้วยแล้ว นายศุภวัฒน์ก็คือคนทำงานให้กับคุณศักดิ์สยามที่ปฏิเสธไม่ได้
ดังนั้น การบริจาคเงินของคุณศักดิ์สยามโดยอำพรางให้นายศุภวัฒน์บริจาคแทนในช่วงระหว่างคุณศักดิ์สยามดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม เท่ากับการขัดกันของผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่รัฐทำกับกระทรวงคมนาคมที่ป้อนงานและงบประมาณให้กับบริษัทเอกชนของเจ้าหน้าที่รัฐ อีกทั้งเจ้าหน้าที่รัฐคนนั้นยังครอบงำพรรคภูมิใจไทยเพราะเขายังเป็นเลขาธิการพรรคภูมิใจไทยอีกด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นเหตุแห่งการยุบพรรคการเมืองได้
สรุป
พรรคภูมิใจไทยที่ทรงอำนาจจากการเมืองท้องถิ่นที่มั่นคง มีพลังทางเศรษฐกิจมากจากโครงการของภาครัฐ ที่สำคัญพรรคภูมิใจไทยยังเป็นหนึ่งในแกนหลักทางการเมืองของรัฐบาลทั้งอดีตคือ รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และต่อเนื่องมาที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยยุคคุณเศรษฐา ทวีสิน ที่สำคัญกลุ่มพลังอนุรักษนิยมยังสนับสนุนและค้ำจุนพรรคภูมิใจไทยไม่เสื่อมคลาย ดังนั้น พัฒนาการที่ต่อเนื่องนานกว่าทศวรรษของพรรคภูมิใจไทยกลับเปราะบาง
ความเปราะบางของพรรคภูมใจไทยยังมองเห็นได้กับ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคแนวอนุรักษนิยมที่เก่าแก่ที่สุดของไทย
เหมือนกับ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคการเมืองจากระบบครอบครัวและการเมืองท้องถิ่นที่เข้มแข็ง
หรือแม้แต่ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคการเมืองน้องใหม่ที่เป็นพรรคการเมืองของเหล่าขุนศึก รวมทั้งอดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยเหตุผลร่วมในมหากาพย์ การเมืองแห่งผลประโยชน์ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เรื่องโครงการข้าว โครงการฝนหลวง และหมูเถื่อน ตีนไก่เถื่อน เนื้อวัวเถื่อน
แม้พรรคการเมืองเหล่านี้ไม่ได้เซาะกร่อน บ่อนทำลาย และแยกสถาบันหลักออกจากชาติไทย หากแต่อนุรักษ์ด้วยใจภักดิ์ พร้อมด้วยคืนและเพิ่มพลังอำนาจให้สุดสุดภายใต้ประชาธิปไตยแบบไทยๆ พรรคการเมืองเหล่านี้ก็ยังล่มสลายอยู่ดี
นี่คือประชาธิปไตยแบบไทยๆ ที่พรรคการเมืองอ่อนแอท่ามกลางพลังอนุรักษนิยม
1“หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น” ฐานเศรษฐกิจ, 20 กรกฎาคม 2565
2ก่อตั้งปี 2539 ตระกูลชิดชอบถือหุ้น 80% เพิ่งอ้าง
3เพิ่งอ้าง
4“เปิดบ้าน พลิกธุรกิจ ศุภวัฒน์ คีย์แมนสำคัญ ปม นอมินี ศักดิ์สยาม” กรุงเทพธุรกิจ, 17 มกราคม 2567
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022