ล้างเผ่าพันธุ์แก๊งตบทรัพย์ | ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

ข่าวใหญ่ยักษ์ส่งท้ายเดือนมกราคม คงไม่มีข่าวไหนโด่งดังดุจภูเขาถล่มไปกว่า กรณี “นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์” อธิบดีกรมการข้าว แห่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ใช้ภรรยาเลิฟ “คุณนายติ๋ม-นางธัญญรัตน์ ไชยศิริคุณากร” ทำหน้าที่ “ล่อซื้อ” เป็นเบ็ดยาวจับปลาตัวใหญ่ “แก๊งตบทรัพย์” ได้ยกฝูง

“คุณนาย” กล้าหาญชาญฉลาดเกินเบอร์ เนื่องเพราะก๊วนที่เธอทลายห้าง ซ้อนแผน “ล่อจับ” บังอาจนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สนธิกำลังกันหลายภาคส่วน ทั้ง “ปปป.-ป.ป.ท. และ ป.ป.ช.” เข้าจับกุมคาบ้านพัก คือ “นายศรีสุวรรณา จรรยา” ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน นักร้องเรียนระดับซุป’ตาร์ขาประจำ ชื่อเสียงเรียงนามเอกอุทั่วยุทธภพ ข้าราชการ นักการเมือง นักธุรกิจ ได้ยินได้ฟังชื่อ “พี่ศรี” ต่างพากันขยาด หนาว ปอดกระเส่า

พร้อมเดอะแก๊ง “เจ๋ง ดอกจิก-ยศวริศ ชูกล่อม” และ “น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์” ผู้สมัคร ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ 2 รายหลัง บุกตะครุบคาทำเนียบรัฐบาลกลางวันแสกๆ

กุญแจดอกสำคัญ ขี้หมูไหลมาจาก “โครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว” วงเงินงบประมาณหอมฟุ้งจรุงใจ 15,260 ล้านบาท ของกรมการข้าว

“แก๊งตบทรัพย์” อ้างว่า ได้กลิ่นคล้ายไข่เน่า คือตรวจพบความผิดปกติในการจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการเกษตร จำนวน 5 พันแห่ง เตรียมจะนำเรื่องไปเปิดโปงร้องเรียน โดยส่งสัญญาณเขย่าต้นมะม่วง ไปยัง “นายณัฏฐกิตติ์” อธิบดีกรมการข้าว

“อธิบดีโจ้” ตกกะใจ ยืนงงอยู่ในดงกล้วยพักใหญ่ เมื่อสติสตังค์กลับคืนมา ไล่เช็กสเป๊กโครงการดังกล่าวแล้วพบว่า ถูกยกเลิก และมติคณะรัฐมนตรี โอนเม็ดเงินไปให้ ธ.ก.ส. เพื่อนำไปแจกชาวนา ดังนั้น เม็ดเงินที่ว่า จึงอยู่ในความรับผิดชอบของ ธ.ก.ส. ทางกรมการข้าวไม่เกี่ยว เมื่อตรวจสอบด้วยความรอบคอบแล้ว ทุกอย่างโปร่งใส แต่แก๊งตบทรัพย์ ยังคำรามขู่เรียกเงินมาตลอดระยะ เพื่อแลกกับการยุติการเปิดโปง

แม้จะยืนยันว่า บริสุทธิ์ แต่ถูกหนึ่งในผู้ต้องหาเป่ากระหม่อมว่า “ยอมจ่ายๆ ไปจะดีกว่า จะเป็นเรื่องจริงเรื่องเท็จไม่ใช่สาระสำคัญ กว่าเรื่องจะยุติ ตรวจสอบความจริงได้ ใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี ตอนนั้นกลายเป็นข่าวตามสื่อต่างๆ เสื่อมเสียชื่อเสียงไปแล้ว มันไม่คุ้มหรอก คุณนายยอมจ่ายเถอะ ทุกอย่างจะได้จบ อย่างน้อยก็ถือว่าเอาไว้เป็นพวกกัน”

“คุณนายติ๋ม” เลยจัดให้ตามคำขู่ ทยอยจ่าย จากอัตราที่ตั้งเป้าไว้ 3 กิโล หรือ 3 ล้านบาท ต่อรองในฐานะคนกันเอง เอาไว้เป็นพวกกัน เหลือ 1.5 กิโล หรือ 1.5 ล้านบาท

จ่ายงวดแรกแล้วเสร็จ “คุณนาย” เปิดเกมเชือกกล้วยมัดงูเหลือม เดินทางไปยังโรงพักเพนียด จังหวัดลพบุรี เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ระบุว่า เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน สามีคือ “อธิบดีโจ้” เดินทางไปเคลียร์กับ “พี่ศรี” เรียบร้อยแล้ว ที่บ้านลำลูกกา ถ้าเรื่องไม่จบ จะเปลี่ยนจากลงบันทึกประจำวัน เป็นแจ้งความดำเนินคดีแก๊งตบทรัพย์ ฐานทำให้เสียชื่อเสียง

เคลียร์แล้วไม่จบ คบไม่ได้ ลมเลยเปลี่ยนทิศ จึงเป็นที่ไปที่มาของการยกระดับ แจ้งความดำเนินคดี เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายสนธิกำลังกัน จับกุมได้ยกแก๊ง ทั้ง “พี่ศรี-เจ๋ง-การ์ตูน” ด้วยข้อกล่าวหา มีพฤติกรรมร่วมกัน ข่มขู่ กรรโชกทรัพย์ เรียกรับผลประโยชน์

 

ประเด็นที่สำคัญอย่างยิ่งในการล้างเผ่าพันธุ์แก๊งตบทรัพย์ ซึ่งหลายฝ่ายวิตกกังวล คือ นิยามของ “นายเจ๋ง ดอกจิก” หรือ “ยศวริศ ชูกล่อม” ว่าสถานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่ ขณะถูกจับกุม ถ้าผู้ต้องหาไม่มีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ก็ไม่เข้าข่ายมาตรา 173 ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ที่กำหนดโทษไว้ว่า ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ มีโทษสูงสุด จำคุกตลอดชีวิต จะเหลือเพียงข้อหากรรโชกทรัพย์ ขณะที่ผู้สนับสนุนหรือร่วมก่อเหตุก็จะได้รับโทษน้อย ไม่เกิน 5 ปี แต่ถ้าเข้าข่ายความผิดมาตรา 173 ผู้สนับสนุนจะติดคุก 2 ใน 3 ของเจ้าหน้าที่รัฐ

แต่เมื่อตามไปดูเอกสารข่าวของ ป.ป.ช.ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ เมื่อวันที่ 26 มกราคม น่าจะดิ้นไม่หลุด ฉุดไม่อยู่ โดยระบุไว้ก่อนเข้าจับกุมว่า

สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2567 อธิบดีกรมการข้าว เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงาน บก.ปปป. ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของนายเจ๋ง ดอกจิก ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะทำงานเขตตรวจสอบราชการที่ 11 ตามคำสั่งรองนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 โดยมีหน้าที่และอำนาจ เช่น การตรวจสอบข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการปฏิบัติราชการ มีพฤติกรรมร่วมกับ “นายศรีสุวรรณ จรรยา” กับพวกรวม 3 คน คือ “น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์” ได้ร่วมกันเรียกรับเงินจากอธิบดีข้าวและภรรยา เพื่อแลกกับการยุติการตรวจสอบติดตามการใช้งบประมาณภาครัฐ

ผู้เสียหายเห็นว่า การกระทำของนายศรีสุวรรณ และนายยศวริศ กับ น.ส.พิมณัฏฐา ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ตรวจสอบติดตามการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ แต่กลับเรียกรับทรัพย์สินจากอธิบดีกรมการข้าวและภรรยา ได้ร่วมกันกระทำความผิดตามพฤติกรรมดังกล่าวจริง ทางสำนักงาน ป.ป.ท.-บก.ปปป.-สำนักงาน ป.ป.ช. และตำรวจจึงสนธิกำลังเข้าจับกุมทั้งหมด

กรณีที่ “นายยศวริศ” มีตัวช่วย หลุดวงโคจรจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ก็ซวยซ้ำซาก เพราะในวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกจับ “เจ๋ง” และ “เลขาฯ การ์ตูน” ปะกันพอดีที่ “น.ส.พิมณัฏฐา” โชว์คำสั่งที่ 2/2567 ที่ตัวเองได้รับแต่งตั้งจากเขตตรวจสอบที่ 11 ลงวันที่ 26 มกราคม พอดีเด๊ะ

สรุป “พี่ศรี-ป๋าเจ๋ง-น้องการ์ตูน” ชะตากรรมเกื้อกูลกันดีจริงๆ