ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 26 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์ 2567 |
---|---|
คอลัมน์ | Multiverse |
ผู้เขียน | ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ |
เผยแพร่ |
ถ้าถามว่าตัวเลขอาถรรพ์ของฝรั่งคือเลขอะไร แวบแรกคนส่วนใหญ่คงจะนึกถึงเลข 13 แต่ก็น่าจะมีคุณผู้อ่านบางคนที่รู้ด้วยว่ามีตัวเลขอีกตัวที่น่าสะพรึงกลัวไม่แพ้กัน นั่นคือ 666 หรือ “The number of the beast” ซึ่งมีที่มาจากพระคัมภีร์ไบเบิล
คงด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้นักคิดจำนวนหนึ่งรู้สึกสนุกกับการค้นหาความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเลข 666 นี้
ลองมาดูตัวอย่างกันครับ
หากบวกตัวเลข 0, 1, 2, 3 ไปเรื่อยๆ จนถึง 36 จะพบว่า 0+1+2+3+4+…+35+36 = 666
ชุดตัวเลข 0, 1, 2, 3,…, 36 นี้สอดคล้องกับเกมรูเล็ตต์ของยุโรปก็มี 37 ช่อง และมีตัวเลข 0 ถึง 36 กระจายอยู่พอดิบพอดี
และถึงแม้ว่าจะคิดถึงเกมรูเล็ตต์ของอเมริกันซึ่งมี 38 ช่อง และมีตัวเลข 00 เพิ่มเข้ามา ผลรวมก็ยังคงเป็น 666 อยู่ดี
คราวนี้ หากเขียนตัวเลขเรียงกันจากน้อยไปมาก 1 2 3 4 5 6 7 8 9 แล้วลองใส่เครื่องหมายบวกลงไประหว่างตัวเลขบางตัว จะพบว่า
1+2+3+4+567+89 = 666 และ
123+456+78+9 = 666
แต่หากเรียงตัวเลขจากมากไปน้อย 9 8 7 6 5 4 3 2 1 จะพบว่ามีเพียงวิธีเดียว คือ
9+87+6+543+21 = 666
คราวนี้มาเล่นกับเลขโรมันบ้าง พบว่าหากนำตัวเลขโรมัน 6 ตัวแรกมาเขียนเรียงกัน คือ DCLXVI ก็จะเท่ากับ 666 เนื่องจากตัวเลขโรมันมีค่าดังนี้ D = 500, C = 100, L = 50, X = 10, V = 5 และ I = 1
คราวนี้ลองเล่นกับสัญลักษณ์ยกกำลังบ้าง ในที่นี้ขอใช้เครื่องหมาย ** เช่น 2**6 เท่ากับ 2 จำนวน 6 ตัวคูณกัน นั่นคือ 2 x 2 x 2 x 2 x 2 x 2 = 64 เป็นต้น ก็พบว่ามีความสัมพันธ์หลายรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับ 666 เช่น
ผลบวกลบของตัวเลข 1, 2, 3 ยกกำลัง 6 เช่น
1**6 – 2**6+3**6 = 1 – 64+729 = 666
ค่า 6+6+6+6**3+6**3+6**3 = 666
หากความสัมพันธ์ที่ว่ามายังดูง่ายไปหน่อย ก็มีคนพบว่า
666**47 = 666 ยกกำลัง 47 = 5049969684420796753173148798405564772941516295265408188117632668936540446616033068653028889892718859670297563286219594665904733945856
แม้จะดูแล้วตาลาย แต่ถ้าใครนึกสนุกนำตัวเลขแต่ละตัวมาไล่บวกกันไปเรื่อยๆ จนครบทุกตัวจะพบว่า 5+0+4+9+9+6+9+…+8+5+6 = 666 อย่างน่าทึ่ง…ใครไม่เชื่อลองบวกเองนะครับ;-)
ไม่ใช่เพียงแค่นี้ เพราะหากลองคำนวณค่า
666**51 = 666 ยกกำลัง 51 = 993540757591385940334263511341295980723858637469431008997120691313460713282967582530234558214918480960748972838900637634215694097683599029436416
ซึ่งถ้านำแต่ละตัวมาบวกกันจนครบ ก็จะพบอีกเช่นกันว่า 9+9+3+5+4+0+7+…+4+1+6 = 666 อีกแล้ว!
ลองดูจำนวนเฉพาะ (prime number) กันบ้าง จำนวนเฉพาะคือจำนวนเต็มที่มากกว่า 1 ซึ่งไม่มีจำนวนใดหารลงตัว นอกจาก 1 และตัวมันเอง เช่น 2, 3, 5, 7, 11, 13,…
คำถามคือเลข 666 มีอะไรเกี่ยวข้องอะไรกับจำนวนเฉพาะไหม?
คำตอบคือ มี ทั้งแบบตรงไปตรงมา และไม่ตรงไปตรงมานัก มาดูตัวอย่างกันครับ
ผลรวมของกำลังสองของจำนวนเฉพาะ 7 ตัวแรก คือ 2**2+3**2+5**2+7**2+11**2+13**2+17**2 = 4+9+25+49+121+169+289 = 666
หากนำจำนวนเฉพาะ 666 จำนวนแรกมารวมกัน ผลลัพธ์ที่ได้จะมีตัวเลข 666 ซ่อนอยู่อย่างแยบยล ดังนี้
2+3+5+7+11…+4969+4973 = 1533157 = 23 x 66659
คราวนี้ หากแยกตัวประกอบเลข 666 จะพบว่า 666 = 2 x 3 x 3 x 37 ซึ่งหากนำตัวเลขแต่ละตัวในตัวประกอบมารวมกัน นั่นคือ 2+3+3+3+7 = 18 ซึ่งเท่ากับ 6+6+6 นั่นเอง จำนวนที่มีสมบัติเช่นนี้เรียกว่า จำนวนสมิธ (Smith number)
จำนวนสมิธยังมีตัวอื่นๆ อีกมากมาย เช่น 22 = 2 x 11 เพราะว่า 2+2 = 2+1+1 และ 378 = 2 x 3 x 3 x 3 x 7 เพราะว่า 3+7+8 = 2+3+3+3+7 เป็นต้น
แต่เรื่องที่ผมว่าน่าสนใจมาก และถือเป็นความฟลุกแบบสุดสุด ก็คือ ค่าพาย (pi) คิดถึงทศนิยมตำแหน่งที่ 144 จะได้ว่าเท่ากับ 3.141592653589793238462643383279502884197169399375105820974944592307816406286208998628034825342117067982148086513282306647093844609550582231725359
พบว่าหากนำเลขทศนิยมหลังจุดมารวมกัน นั่นคือ 1+4+1+5+9+…+3+5+9 = 666 พอดี…เป๊ะเว่อร์!
น่าสังเกตอีกด้วยว่า จำนวนตำแหน่งทศนิยมที่ใช้ คือ 144 ยังเท่ากับ (6+6) x (6+6) อีกด้วย คือยังไงๆ ก็หนีเลข 6 ไปไม่พ้น
ยังมีแง่มุมเล็กๆ ระหว่างค่าพายกับตัวเลข 666 อีกอย่าง กล่าวคือ รู้กันมานานแล้วว่า ค่าอัตราส่วน 355/113 =3.14159292… ใช้ประมาณค่าพายได้ถึง 5 ตำแหน่ง
ทีนี้หากเล่นกลสลับที่ตัวถูกหารเล็กน้อยจาก 355 ให้กลายเป็น 553 แล้วนำไปบวกกับตัวหาร จะได้ 553+113 = 666 พอดี (แต่ตัวอย่างนี้เป็นการบังคับให้ลงตัวโดยการสลับที่)
ใครสนใจแง่มุมทางคณิตศาสตร์รูปแบบต่างๆ ของตัวเลข 666 ขอแนะนำบทความเรื่อง The Number of the Beast เขียนโดย Mike Keith ที่ http://www.cadaeic.net/666.htm
สองตัวอย่างสุดท้ายในบทความนี้ คือ หากกำหนดค่าให้ตัวอักษร A = 1 x 6 , B = 2 x 6, C = 3 x 6 ไปเรื่อยๆ จะพบว่าผลรวมของค่าตัวอักษรในคำว่า COMPUTER = 18+90+78+96+126+120+30+108 = 666
พอเป็นอย่างนี้ ก็เลยมีคนตีความไปอย่างสุดโต่งว่า COMPUTER คือ เครื่องมือของซาตานที่ใช้หลอกให้คนเราลุ่มหลงมัวเมา…ว่าไปโน่นเลย!
สุดท้าย หากกำหนดให้ A = 36 (6×6), B = 37, C = 38 ไปเรื่อยๆ จะพบว่า ผลรวมของค่าตัวอักษรทุกตัวในคำว่า SUPERSTITIOUS (ซึ่งเชื่อถือโชคลาง) มีค่าเท่ากับ 666 อย่างน่าพิศวง!
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022