พี่ต่อ

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

ผมเพิ่งสัมภาษณ์ “พี่ต่อ” ธนญชัย ศรศรีวิชัย ในงาน DTGO Corporate Meeting

สนุกมากครับ

“พี่ต่อ” เป็นผู้กำกับหนังโฆษณาอันดับ 1 ของโลก

ได้รับรางวัล “คานส์ ไลอ้อน” มากที่สุดในโลก

หนังโฆษณา “แพนทีน” ที่ “ใบเฟิร์น” สีไวโอลินเคยได้รับการโหวตจากผู้กำกับหนังโฆษณาทั่วโลกให้เป็นหนังโฆษณาที่ดีที่สุดในโลก

ชนะ 1984 ของแอปเปิล ที่ครองรางวัลนี้ติดต่อกันมากว่าสิบปี

ถ้าจะไล่เรียงความสำเร็จในวงการโฆษณาของ “พี่ต่อ”

…ยาวครับ

ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ “พี่ต่อ” ได้รางวัล “สิงโตทองคำ” จาก “คานส์ ไลอ้อน” หลายครั้ง

แต่เขาไม่เคยไปรับเลย

ผมถามว่าทำไมไม่ไปรับ

“พี่ต่อ” เล่าตำนานของเรื่องนี้ให้ฟัง

เรื่องนี้เริ่มต้นตอนที่เขาทำหนังโฆษณาใหม่ๆ

มีงานประกวดหนังโฆษณาในเมืองไทย “พี่ต่อ” ไปร่วมงานด้วย

“ผมนั่งอยู่คนเดียว ทุกคนเดินผ่านไปผ่านมา ไม่มีใครสนใจผมเลย เหมือนผมไม่มีตัวตน”

วินาทีนั้นเองทำให้เขาตั้งปณิธานในใจแบบ “ต่อ-ต่อ”

เขาบอกว่าถ้าวันไหนที่ได้รับรางวัล วันนั้นเขาจะไม่ไปร่วมงาน ไม่ไปรับรางวัล

“พวกคุณจะไม่มีวันได้เห็นหน้าผม จะไม่ได้คุยกับผมในงานอย่างเด็ดขาด”

เป็นการแก้แค้นทางความรู้สึกที่ “ติสต์” มาก

ใครที่รู้จักหรือเคยฟัง “พี่ต่อ” ให้สัมภาษณ์ อาจจะงงๆ ว่าทำไม “พี่ต่อ” พูดจาสุภาพจัง

เป็นเรื่อง “วุ้นแปลภาษา” ที่ทำให้นุ่มนวลขึ้นนะครับ ^^

เมื่อไม่ไปรับรางวัลในเมืองไทย พอได้รางวัลระดับโลกอย่าง “สิงโตทองคำ”

เขาก็ไม่ไปรับเช่นกัน

ได้ “สิงโต” มากี่ตัว เขาก็ให้บริษัท ฟิโนมีนาเก็บไว้

มีอยู่ 2 ตัวที่ “พี่ต่อ” เอามาที่บ้าน

เอามาทำไม

เดี๋ยวเล่าให้ฟังครับ

 

“พี่ต่อ” เป็นผู้กำกับหนังโฆษณาที่ค่าตัวสูงที่สุดในเมืองไทย

เงินที่สะสมจากการทำงานคงมีมากทีเดียว

ส่วนหนึ่งฝากแบงก์ ลงทุนบ้าง

แต่ส่วนใหญ่ของเขาเลือกฝากเงินไปกับ “ดิน”

ไม่ได้ฝังตุ่มแบบสมัยโบราณ

เขาซื้อที่ดินครับ

ซื้อที่ดินไว้ปลูกป่า

ตอนนี้มีที่เชียงใหม่ 100 กว่าไร่ นครนายก 300 ไร่

ปลูกป่าอย่างจริงจัง

อยากฝากต้นไม้ไว้ในแผ่นดิน

และยังซื้อที่ดินที่ อ่อนนุช 6 ไร่

ทำเป็นป่า และบ้าน

เขาปลูกบ้านเป็น 2 เรือน

หลังหนึ่ง ไว้ทำครัว รับแขก

อีกหลังหนึ่งไว้นอน

“พี่ต่อ” ไม่นอนห้องแอร์

นอนในป่า ต้องรับลมธรรมชาติ

เขานอนมุ้ง มีพัดลม 1 ตัว

ห้องนอนจะเป็น “บานเฟี้ยม” พอจะนอนก็เปิดบานเฟี้ยมทั้งหมด

โล่ง โปร่งสบาย

แต่บานเฟี้ยมนั้น ต้องมี “ที่กั้น” ไม่ให้บานเฟี้ยมเลื่อนไปเลื่อนมา

ครับ นั่นคือ หน้าที่ของเจ้าสิงโตสีทอง 2 ตัวที่ได้มาจากเมืองคานส์

“ตอนแรกจะเอาไว้กั้นหนังสือที่ชั้นหนังสือ มันก็กินพื้นที่” พี่ต่อบอก

“เอามากั้นประตู ดีมากเลย”

 

“บ้านในป่า” ของเขาเพิ่งโดนไฟไหม้

เหตุเกิดในช่วงโควิด

หลังที่ไหม้ ไม่ใช่ “เรือนนอน”

แต่เป็นห้องครัวและที่รับรอง

โชคดีที่ “พี่ต่อ” ไม่ได้อยู่บ้านนี้ เขานอนอยู่ที่คอนโดฯ ที่ทองหล่อ

มีคนโทรศัพท์มาบอกตอนดึก

ตอนที่ไปดู ไฟเริ่มลุกลามแล้ว

“ผมเห็นต้นไม้สู้กับไฟแล้วอยากร้องไห้ มันสู้อย่างเต็มที่ และช่วยป้องกันไม่ให้ไฟลุกลามไปที่เรือนนอน”

เขาใช้เวลาสั้นๆ ในการทำใจ แล้วหันไปถามแฟน

“เธอคิดว่าไฟไหม้บ้านครั้งนี้มีข้อดีอะไรบ้าง”

ตอนแรกแฟนโกรธ คงนึกว่าสถานการณ์แบบนี้ยังจะมาพูดเล่นอีก

แต่เขาก็ยืนยันว่าให้ลองคิดดู

เพราะยังไงไฟก็ไหม้บ้านไปแล้ว

แฟนคิดได้ 2-3 ข้อ

ตัวเขาก็เริ่มคิดบ้าง

แล้วเขาก็พบข้อดี 3 ข้อ

ข้อแรก ในมุมของผู้กำกับหนังโฆษณา

เขาได้เห็นไฟไหม้บ้านจริง

ที่ผ่านมาเคยเห็นแต่ในหนัง หรือคลิปข่าว

แต่ครั้งนี้เห็นกับตา

ต่อไปทำซีนไฟไหม้บ้านเมื่อไร เขารู้แล้วว่าภาพจริงๆ เป็นอย่างไร

ข้อที่สอง เขาเห็นเรือนไม้โดนไฟไหม้เป็นถ่าน

ถ่านเป็นปุ๋ยให้ต้นไม้ได้

ข้อที่สาม เขาได้ไอเดียใหม่

จากเดิมที่ปลูกบ้านแบบ “บ้านพร้อมอยู่”

เขาจะสร้างใหม่

เป็น “บ้านพร้อมไหม้”

สร้างแบบประหยัด ไม่แพง

ถ้าครั้งหน้าอยู่ญี่ปุ่น ใครโทร.มาบอกว่า “ไฟไหม้บ้าน” เขาจะเฉยๆ มาก

“ไหม้ไปเลยยย…”

แล้วก็ไปเที่ยวต่อ

“พี่ต่อ” บอกว่าถ้าทำ “บ้านพร้อมไหม้” เขาจะประหยัดได้เยอะเลย

ประหยัดค่าก่อสร้าง

ตามปกติคนเราจะสะสมทองคำ หรือสิ่งมีค่าในบ้าน

“กูไม่สะสมแล้ว”

แค่ทำ “บ้านพร้อมไหม้”

รวยขึ้นทันที

ตอนที่ไฟยังไม่ทันมอดดี

“พี่ต่อ” ก็เกิดไอเดียใหม่ขึ้นมา

เขาโทร.ไปหา “เท่ง” สถาปนิกที่ออกแบบบ้านหลังนี้

ครั้งนั้น “เท่ง” ต้องรีโนเวตบ้านเก่าให้เป็นเรือนครัว

การรีโนเวตนั้นทำให้เขาไม่ได้ทำอย่างที่ใจคิด

เคยบ่นกับ “พี่ต่อ” เรื่องนี้

“พี่ต่อ” บอกสถาปนิกคู่ใจว่ายังคาใจเรื่องรีโนเวตเรือนครัวใช่ไหม ครั้งนี้ “เท่ง” ได้สิทธิ์สร้างใหม่

“ตอนนี้พี่เคลียร์พื้นที่ให้แล้ว”

เพราะไฟไหม้เรือนนั้นจนไม่เหลืออะไรเลย

วันนี้อยากทำอะไร ทำได้เลย

ขออย่างเดียว คือ อีก 2 วันส่งแบบ

แต่เรือนหลังนี้ต้องราคาไม่แพง

เพราะนี่คือ “บ้านพร้อมไหม้”

ไม่ใช่ “บ้านพร้อมอยู่”

 

อีกเรื่องหนึ่งที่ผมชอบมาก

“พี่ต่อ” นอนมุ้ง รับลมธรรมชาติอยู่ที่ป่าในซอยอ่อนนุช

แต่มีปัญหาใหญ่เรื่องหนึ่ง คือ ข้างบ้านชอบทำกับข้าวตอนเช้า

และเป็นแกงแบบมุสลิม ที่กลิ่นสมุนไพรแรงมาก

ทุกเช้าเขาต้องตื่นเพราะกลิ่นแกง

อยากนอนตื่นสายก็ไม่ได้

ต้องตื่น

วันหนึ่ง เขาสะดุ้งตื่นเพราะกลิ่นแกง

โมโหมาก แต่ทำอะไรไม่ได้

ตัดสินใจเปลี่ยนชุด รีบขับรถไปที่สวนสาธารณะแถวบ้าน

ไปวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า

แวบนั้นเอง เขาเปลี่ยนความคิดใหม่

กลายเป็นขอบคุณเพื่อนบ้าน

“พี่ต่อ” บอกว่าตามปกติถ้าจะตื่นเช้าเพื่อไปออกกำลังกาย

เราต้องตั้งนาฬิกาปลุก

แต่พอนาฬิกาปลุกดัง

ถ้าเราขี้เกียจ เราก็จะปิดเสียง

แต่ถ้าแม่หรือภรรยามาปลุก ตะโกนเรียกเป็นระยะ

เราอาจต้องตื่น ก็แต่ยื้อกินกาแฟ อ่านหนังสือ หรือเข้าห้องน้ำก่อน

เสียเวลาตั้งนาน

หรือบางทียื้อไปยื้อมาก็หาเหตุไม่ไปออกกำลังกาย

แต่ “กลิ่นแกง” คือ นาฬิกาปลุกที่ดีที่สุด

คุณไม่มีทางนอนพร้อมกลิ่นแกงได้

ต้องเด้งตัวขึ้นทันที

และถ้าอยู่ในบ้านต่อไป คุณก็ยังได้กลิ่นนั้นอยู่

มีทางเดียว คือ ต้องออกนอกบ้าน

ได้ไปวิ่งออกกำลังกายตั้งแต่เช้า

นี่คือ “ข้อดี” ของการทำแกงตอนเช้าของเพื่อนบ้าน

คนอื่นใช้ “นาฬิกาปลุก”

แต่ “พี่ต่อ” ใช้ “นาฬิกากลิ่น” ครับ •

 

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ | หนุ่มเมืองจันท์