‘สตรีมมิ่ง’ ทำให้วัฒนธรรมการ ‘ชม-ผลิตภาพยนตร์’ เสื่อมถอยลง?

คนมองหนัง

“วิลเลม เดโฟ” นักแสดงชายชาวอเมริกันวัย 68 ปี ที่แสดงหนังมาแล้วเกิน 150 เรื่อง เพิ่งออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่าง “เดอะการ์เดียน” ถึงความเปลี่ยนแปลงประการหนึ่งที่เขาสังเกตเห็นได้ ในวัฒนธรรมการชมและสร้างภาพยนตร์ยุคปัจจุบัน

ปัจจัยหลักของความเปลี่ยนแปลงตามทรรศนะของเดโฟ คือ พฤติกรรมของคนดูที่นิยมบริโภคภาพยนตร์ผ่านระบบสตรีมมิ่งกันมากขึ้น

“วิธีการใช้สมาธิของผู้คนขณะอยู่บ้าน มันไม่เหมือนกัน (กับการใช้สมาธิในโรงหนัง) ดังนั้น หนังที่ดูยากๆ หนังที่มุ่งสร้างความท้าทายใหม่ๆ จะทำงานได้ไม่ค่อยดีนัก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ชมที่ไม่ได้ใส่ใจดูมันจริงๆ นั่นคือเรื่องใหญ่

“ผมคิดถึงวิถีทางสังคมที่โลกใบนี้เคยมีที่ทางให้กับภาพยนตร์ คุณออกไปดูหนังนอกบ้าน แล้วไปกินข้าวกันต่อ และคุณก็สนทนากันเรื่องหนังที่เพิ่งได้ดูมา ก่อนที่บทสนทนานั้นจะแพร่กระจายออกไปในวงกว้าง

“แต่ผู้คนในยุคนี้จะกลับไปบ้าน แล้วพวกเขาก็พูดว่า ‘เฮ้ ที่รัก คืนนี้เรามาดูอะไรโง่ๆ กันเถอะ’ จากนั้น พวกเขาก็จะไถหน้าจอ และดูหนังไปสัก 10 เรื่อง แต่ใช้เวลากับมันแค่เรื่องละ 5 นาที ท้ายสุด พวกเขาก็จะบอกว่า เราลืมมันเถอะ เข้านอนกันได้แล้ว

“เมื่อเป็นเสียอย่างนี้ แล้วบทสนทนาเกี่ยวกับภาพยนตร์มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไรล่ะ?”

 

นักแสดงชายมากประสบการณ์วิเคราะห์ต่อว่า วิถีการดูหนังที่เปลี่ยนไป ได้ส่งผลกระทบต่อวิถีการผลิตภาพยนตร์ของสตูดิโอต่างๆ ด้วยเช่นกัน

“พวกเขา (สตูดิโอ) ไม่ได้ทำหนังด้วยวิธีการแบบเดิมกับที่พวกเขาเคยทำในอดีต พวกเขาได้รับเงินทุนจากบริษัทผลิตของเล่นและสินค้าอื่นๆ แล้วพวกเขาก็ลงมือทำหนังเพื่อเป็นสื่อกลางในการขายสินค้าเหล่านั้น เพราะพวกเขารู้ว่ามันมีฮาวทูอย่างไรในการทำงานรูปแบบดังกล่าว

“สตรีมมิ่งน่ะเหรอ มันกลายเป็นเหมือนระบบผูกขาด ซึ่งเป็นผู้ควบคุมทั้งวิถีการผลิตและกระบวนการจัดจำหน่ายหนัง นี่มันเป็นอะไรที่สลับซับซ้อนมากๆ”

 

อย่างไรก็ดี อีกด้านหนึ่ง เดโฟก็ถ่อมตัวว่า หากเทียบกับเพื่อนๆ ที่ทำงานในอุตสากรรมภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดแล้ว เขาอาจเป็นพวกที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรเลย

“ผมเป็นแค่แหล่งข่าวชั้นเลวมากๆ ที่ไม่ได้มีคำอธิบายที่ดีพอจริงๆ ต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น” ก่อนจะออกตัวว่า ตนเองสามารถตั้งข้อสังเกตได้เพียงแค่เรื่อง “ความเปลี่ยนแปลงทางสังคม” เท่านั้น โดยไม่ได้รู้เหตุผลทางด้านธุรกิจภาพยนตร์อย่างถ่องแท้

“ผมแค่สังเกตเห็นว่า วงการนี้มันมีพ่อค้าคนกลางเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้มีพวกโปรดิวเซอร์ใจกล้าเหมือนยุคก่อน แม้ตอนนี้ เรายังพอมีคนทำหนังที่มีความรู้ความสามารถอยู่บ้าง แต่เราไม่ได้มีบุคลากรแบบที่เราเคยมีเมื่อก่อน

“คนทำหนังที่พร้อมจะขายบ้านของตัวเอง เพื่อเอาเงินมาสร้างหนัง กล้าทำเรื่องบ้าๆ บอๆ เพื่อผลักดันให้หนังเรื่องหนึ่งถูกสร้างจนแล้วเสร็จ เราหาคนประเภทนี้ได้ยากขึ้น”

 

นี่คือความคิดเห็นของนักแสดงประสบการณ์สูงคนหนึ่ง ผู้มีงานแสดงมาตั้งแต่ปี 1980 หรือ 44 ปีก่อน เคยปรากฏตัวทั้งในหนังอินดี้ หนังสงคราม หนังบล็อกบัสเตอร์ ตลอดจนหนังซูเปอร์ฮีโร่ และได้รางวัลทางการแสดงมาไม่น้อย รวมถึงเคยเข้าชิงออสการ์มาแล้วสี่หน

บางคนอาจมองว่า นี่เป็นเพียงคำบ่นของคนแก่โหยหาอดีตรายหนึ่ง

แต่บางคนก็อาจเห็นว่า นี่เป็นมุมมองเชิงวิพากษ์ต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์-ความบันเทิงระดับโลกร่วมสมัย ที่ชวนคิดต่อและน่าสนใจไม่น้อย •

 

ข้อมูลจาก https://www.theguardian.com/film/2024/jan/07/im-never-bored-willem-dafoe-on-art-yoga-and-alpacas

https://www.nme.com/en_asia/news/film/willem-dafoe-says-challenging-movies-arent-popular-thanks-to-streaming-3567513

 

| คนมองหนัง