มองบ้านมองเมืองฝรั่งเศส (1)

ปริญญา ตรีน้อยใส

เมื่อปลายปีที่แล้วมีโอกาสร่วมขบวนคณาจารย์ จากคณะสถาปัตย์ จุฬาฯ ไปประชุมวิชาการที่ฝรั่งเศส เลยเป็นโอกาสออกไปมองบ้านมองเมืองอื่นบ้าง

ยิ่งสถานที่ไปเที่ยวชมไม่ใช่ในปารีส แต่เป็นสถานที่ไกลในชนบท ยิ่งที่พักค้างคืนไม่ใช่โรงแรม แต่เป็นบ้านชาวบ้าน ที่ให้บริการโฮมสเตย์ เลยได้เห็นสภาพบ้านเมืองที่ต่างออกไป

ทั้งหมู่บ้านที่แวะพัก ทั้งหมู่บ้านที่แวะเที่ยวและกินอาหาร ได้พบเห็นแต่ผู้สูงวัยที่ไม่ได้ทำอะไร หรือไม่สามารถทำอะไร น่าจะอยู่ยังชีพด้วยเบี้ยบำนาญ วันๆ คงนั่งจมในหมู่คนวัยเดียวกัน ในร้านกาแฟบ้าง ลานกลางหมู่บ้านบ้าง อีกส่วนคงอยู่ในบ้าน ด้วยวัยหรือโรคภัยรุกราน

ผู้ใหญ่วัยทำงานพอมีอยู่บ้าง ต่างทำงานบริการร้านอาหาร ขายขนมปัง และอื่นๆ ส่วนหนึ่งทำงานอิสระหรืองานศิลปะ ส่วนงานในภาคเกษตรและการผลิต คงไม่สามารถทำหรือเลือกไม่ทำงานหนัก เพราะไม่มีแรงงานช่วย

ส่วนบุตรหลานก็ย้ายออกไปศึกษา และทำงานในเมือง

เมื่อไม่มีบุตรหลานเป็นภาระ จึงเลี้ยงสุนัขเป็นเพื่อน

หนุ่มสาวนั้นพบน้อยมาก คงเป็นเพราะในหมู่บ้านไม่มีงานที่น่าสนใจ และไม่มีอะไรตื่นเต้นเร้าใจ โดยเฉพาะคนวัยเดียวกัน ส่วนใหญ่คงย้ายไปอยู่ในเมือง เท่าที่พบเห็นบ้างตอนวิ่งออกกำลังกาย จากรูปร่าง เดาว่าคงกินมังสวิรัติ คุมโซเดียม แต่ที่แน่ๆ เลี้ยงสุนัขหรือแมว

ที่น่าสนใจคือ ไม่เห็นเด็กเล็ก ไม่เห็นมีใครอุ้มลูกจูงหลานมาเดินเล่น เห็นแต่คนพาหมาเดิน หรือเดินตามหมาเก็บขี้

สภาพที่เห็นในวันนี้ ดูจะบ่งชี้ว่าอีกไม่กี่ปีอาจไม่มีชนบทอีกต่อไป

การเกษตรแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะไร่องุ่นทำไวน์ คงหมดไป แปรเปลี่ยนเป็นอุตสาหกรรมเกษตร ที่มีระบบและเครื่องจักรกลรองรับ อาศัยสารเคมีเป็นปุ๋ยบำรุง ป้องกันหรือรักษาโรค หรือผลผลิต ดำเนินการในโรงงาน เป็นอาหารสังเคราะห์ เนื้อเทียม หรือแม้แต่ผักผลไม้

หากภาพที่เห็น ที่เข้าใจ เป็นเรื่องจริง สภาพชนบทนั้นได้แปรเปลี่ยนไปจากวันวาน เป็นชนบทที่เงียบเหงาไร้ผู้คนในวันนี้ ก็ไม่รู้ว่าในวันหน้า จะยังมีคนอยู่ในชนบทอีกหรือไม่

หรือชนบทจะกลายเป็นเพียงซากอารยธรรม ยุคสมัยหนึ่งของมนุษย์ •

 

มองบ้านมองเมือง | ปริญญา ตรีน้อยใส