ฝันร้าย ฝันหลอน ของ สุจิตต์ วงษ์เทศ ต่อ คอมมิวนิสต์

บทความพิเศษ

 

ฝันร้าย ฝันหลอน

ของ สุจิตต์ วงษ์เทศ

ต่อ คอมมิวนิสต์

 

การปะทะเข้ากับคำประกาศของ ริชาร์ด เอ็ม. นิกสัน จะเดินทางไปเยือน “สาธารณรัฐประชาชนจีน” อย่างเป็นทางการ

ก่อให้เกิด “ปฏิกิริยา” ก่อให้เกิด “คำถาม”

ไม่เพียงแต่จาก “ทหาร เอ.” ซึ่งมีรากฐานการเติบใหญ่มาจากโรงเรียน “เตรียมทหาร” และจากโรงเรียนนายร้อย “พระจุลจอมเกล้า”

หากแม้กระทั่ง “พันธุ์อนันต์” และ “อาจารย์อ่อน”

คนหลังเป็นนักมานุษยวิทยา เคยบวชเรียนจนได้เป็น “เปรียญ” คนหลังเรียนมาทางรัฐศาสตร์และกำลังบ่มเพาะเพื่อเป็น “นักประวัติศาสตร์”

ยิ่งสำหรับ สุจิตต์ วงษ์เทศ ยิ่งเกิดอาการ “ช็อก”

เป็นอาการช็อกยิ่งกว่าเมื่อได้ดูละคร The Hair เป็นอาการช็อกยิ่งกว่าเข้าร่วมรับรู้ในการต่อต้านสงครามเวียดนาม เพราะว่าเป็นเรื่องของ “คอมมิวนิสต์”

มีความจำเป็นต้อง “อ่าน” อาการของ สุจิตต์ วงษ์เทศ

คอมมิวนิสต์ คิดร้าย

ทำลาย บ้านเมือง

สําหรับความรู้สึกของกูนั้นงงงวยยิ่งขึ้น

อะไรคือความเปลี่ยนแปลง อะไรคือความคล่องตัว และอะไรกันคือประเทศมหาอำนาจ

ชีวิตหนึ่งที่เกิดมานั้นพอลืมตาอ้าปากได้ก็พบแต่คำว่า คอมมิวนิสต์คิดร้ายหมายทำลายชาติ คอมมิวนิสต์คือปีศาจ กูเข้าใจดีและรู้เรื่องดีว่าเราจะต้องสู้ ต่อสู้เพื่อไม่ให้คอมมิวนิสต์เข้าบ้านเมืองของเราได้

เมาเซตุงตัวอ้วนๆ ขาวๆ และจูเอนไหลผอมๆ เสี่ยวๆ สองคนนี้แหละคือตัวการสำคัญที่จะต้องเพ่งมองและหาทางกำจัดออกเสียจากโลก

ตั้งแต่เกิดจนบัดนี้ก็ได้แต่ตั้งปัญหาว่าทำไมคอมมิวนิสต์มันจึงไม่ตายไปเสียที เพราะได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของมันตลอดเวลา ดูเหมือนว่าสายตาของมันจ้องมองมาที่เมืองไทยทุกระยะ

ปากของมันแสยะแยกเขี้ยวยิงฟันอย่างมังกรตัวมหึมาที่จะกลืนกินแผ่นดินไทยรูปขวานทองด้ามใหม่เอี่ยมนี้ไปเสียให้หมด

 

เมื่อ คอมมิวนิสต์มา

“ท้องฟ้า” จะมืดมิด

บางครั้งก็หลับและฝันว่าตัวคอมมิวนิสต์ย่างสามขุมเข้ามาทางภาคเหนือ ถือตะบองอย่างยักษ์มักกะสัน มีเลือดเลอะเทอะเต็มตัว

ผู้คนอลหม่าน วิ่งหนีจ้าละหวั่น

ปราสาทราชวังและวัดวาอารามพังทลายเพราะแรงสั่นสะเทือน และพลังที่มันสามารถกระทืบทำลายได้

ครั้งใดก็ตามที่คอมมิวนิสต์มันมาท้องฟ้าจะมืดมิด ลมจะพัดเสนาะสนั่น

เหมือนเกิดอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ ภาพหลอนเหล่านั้นเหมือนทศกัณฐ์ยาตราทัพออกจากกรุงลงกา ข้ามมหาสมุทรกระทำยุทธ์กับพระราม พระลักษมณ์

ความรู้สึกรักชาติในหลายครั้งอยากจะให้ตนเองเป็นพระราม พระลักษมณ์ หรือแม้กระทั่งหนุมานที่องอาจ สามารถต่อกรกับยักษ์ร้ายคอมมิวนิสต์ตนนี้ได้

และเอาชนะมันในที่สุด

 

แกว่น แก่นกำจร

นักการเมือง ฝ่ายซ้าย

ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่มาจนบัดนี้ คอมมิวนิสต์คือผู้ร้ายที่จะทำลายโลกตลอดเวลา คอมมิวนิสต์คือราหูที่จะคอยอมจันทร์อันบริสุทธิ์ทุกวินาทีที่เผลอ

ต่อเมื่อเจริญวัยและอ่านหนังสือพิมพ์

พบว่า ประเทศโน้นประเทศนี้เปิดสัมพันธไมตรีกับจีนคอมมิวนิสต์กูเองก็ขยะแขยงต่อประเทศเหล่านั้นที่ติดต่อกับจีนแดง

ถ้อยคำที่ประกาศทางวิทยุกระจายเสียงเป็นระยะๆ แต่ก่อนนี้เพื่อโต้ตอบกับคอมมิวนิสต์มันช่างสะใจกูเหลือกำลัง ความเลวร้ายของคอมมิวนิสต์มันจะต้องโต้กันอย่างนั้น มันจะต้องตอบกันอย่างนั้นจึงจะสม

กูนึกสรรเสริญคนที่คิดค้นถ้อยคำ คนที่สรรหาถ้อยคำมาตอบโต้

กูเกลียดนักการเมืองฝ่ายซ้าย เพราะใครต่อใครพูดกันว่าฝ่ายซ้ายคือคอมมิวนิสต์ แม้ นายแกว่น แก่นกำจร จะเป็นตัวเอกจากความรู้สึกของกูจากเรื่อง “ไผ่แดง”

แต่กูก็เกลียดนายแกว่นที่มันไปเกี่ยวข้องกับคอมมิวนิสต์

 

สงคราม เวียดนาม

สงคราม คอมมิวนิสต์

สงครามเวียดนามระบาดออกเป็นวงกว้าง ผู้คนล้มหายตายกันเป็นเบือ กูด่าทอคอมมิวนิสต์อยู่ในใจด้วยความเคียดแค้นที่ทำให้ผู้คนล้มตายถึงขนาดนั้น

ทำไมคอมมิวนิสต์ถึงกระหายเลือดถึงปานนั้นหนอ

หัวใจของคอมมิวนิสต์สร้างด้วยอะไร มันไม่มีเลือดเนื้อ มันไม่มีหัวใจหรือกระไร

มนุษยชาติจะสงบสุขถ้าหากคอมมิวนิสต์ไม่มีในโลก ผู้คนจะอยู่กันอย่างสันติถ้าหากนายเมาเซตุง นายจูเอนไหล นายครุสเชฟ ตายไปเสียได้

ทำไมคนส่วนหนึ่งของโลกจึงหลงใหลอยู่กับปีศาจคอมมิวนิสต์เหล่านี้ได้

ผู้คนเหล่านี้โฉดช้าหินชาติหรือกระไร

ทำไมมนุษย์เราจึงจะต้องไปเป็นคอมมิวนิสต์ ทำไม นายปรีดี พนมยงค์ จึงจะต้องเป็นคอมมิวนิสต์

ทำไม ทำไม และทำไมกันโว้ย

ทำไมไม่มีใครตอบกูบ้างโว้ย

หลายครั้งที่กูสับสนอย่างนั้น จนหาความสุขใจไม่ได้

แรงปรารถนาที่จะรู้ แรงปรารถนาที่จะเข้าใจ และไต่ถามตลอดร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำในเมืองไทย

แต่ไม่มีใครตอบให้กูเข้าใจได้

อย่างดีที่สุดเขาก็บอกว่า อย่ารู้เลย อันตราย-อันตราย-อันตราย กูไม่เข้าใจ อันตรายอย่างไร

 

คอมมิวนิสต์ กดหัว

กดขี่ ประชาชน

ในความสงสัย ในความต้องการที่จะเข้าใจ ก็เกิดกังวานเหมือนกับเป็น “เสียงก้อง” ดังขึ้นในความรู้สึกของ สุจิตต์ วงษ์เทศ

“ทำไมคุณจะต้องไปรู้จักกับไอ้ลัทธิเลวๆ พรรค์อย่างคอมมิวนิสต์นั่น

ประเทศคอมมิวนิสต์ทุกประเทศกดหัวประชาชน กดขี่ข่มเหงประชาชน จีนเองมีแต่คนอมโรคเพราะไอ้พวกคอมมิวนิสต์มันกดกบาลใช้งาน

คนแก่ก็ตายไปอย่างไม่มีการเหลียวแล คนแก่บางคนถูกจับใส่เครื่องบดขยี้จนตัวเละเพื่อเอามาทำปุ๋ยรดต้นไม้ ทั้งนี้ เพราะมันไม่มีอะไรจะกิน แผ่นดินมันไม่มีอะไรจะกิน ผู้คนอดอยาก

อย่าพูดถึงมันเลย รัฐบาลเราไม่อยากให้สนใจความเลวร้ายอย่างนี้”

ตามมาด้วยอีก 1 เสียงดังกังวาน “เราควรจะต้องศึกษา เราควรจะต้องรู้ว่าคอมมิวนิสต์คืออะไร เป็นอย่างไร ชีวิตจิตใจเขาเป็นอย่างไร การเมืองเขาเป็นอย่างไร สังคมเขาเป็นอย่างไร เศรษฐกิจ วัฒนธรรมเขามีมาอย่างไร

ถึงแม้เขาจะเป็นศัตรูของเรา เราก็จำเป็นจะต้องรู้ ต้องศึกษา เพราะการที่เราไม่ศึกษาศัตรูก็เท่ากับว่าเราแพ้ศัตรู”

ตามมาด้วยอีก 1 เสียงดังกังวาน “คอมมิวนิสต์มันก็คน ประชาธิปไตยมันก็คน อย่าพูดเลยว่าคอมมิวนิสต์ดีกว่าประชาธิปไตย หรือประชาธิปไตยดีกว่าคอมมิวนิสต์ มันก็ไอ้เลวพอกัน ถ้าหากชนชั้นปกครองมันเลว”

แล้วความรู้สึกของ สุจิตต์ วงษ์เทศ เป็นอย่างไร

 

คอมมิวนิสต์ มา

เราต้องสู้ตาย

กูจะฟังใครดีโว้ย กูจะฟังใครดี และจะเชื่อใครดี

นอนเอามือก่ายหน้าผากคิดถึงตอนแก้ผ้าวิ่งวุ่นอยู่กลางนากลางดงโน่น งานวัดทุกคราวจะต้องมีลิเกคณะสายพิณ วัฒนา เป็นประจำ และกูยังจำได้ว่าก่อนลิเกจะเล่นนั้นเพลงออกแขกแม่นอยู่ในรูหู

เห่ เฮ เฮ เฮ้ -เฮ้ เห-เฮ้ เห

คอมมิวนิสต์จะคิดดูหมิ่น คณะสายพิณ จะขอตามติด

ชาติไทยมิใช่ทาส กล้าหาญ องอาจ ไปทั้งสิบทิศ

คอมมูนิด คิดย่ำยี พวกเรานี้ ถวายชีวิต

ฮัลเล้วังกา คอมมูนิดมา เราต้องสู้ตาย