สัญญาณก้าวหน้า? เมื่อกัมพูชา-เต็ยวมุข!

อภิญญา ตะวันออก

เรื่องคือ เมื่อกัมพูชาได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ทายาทสมเด็จคนเดิม แต่นั่นก็ยังไม่พ้นเหตุเภทภัยที่เป็นไปไม่ดังคาด

กล่าวคือ ฮุน มาแนต แม้จะไม่มีใครขัดขวาง แต่ดันดีดันร้าย กลายเป็นว่า เขาไม่สามารถจะดันตัวเองขึ้นมาอยู่บนความนิยมทั้งที่ไม่มีคู่ต่อกรในประเทศ

แต่ไหงกลายเป็นว่า ผู้คนกัมพูชาให้ความสนใจพรรค Move Forward Party ซึ่งมีต้นทางจากเมืองไทย!

มีใครแย้งว่า นี่เป็นสัญญาณใหม่ๆ แห่งความก้าวหน้า (เต็ยวมุข)

แต่ใช่ผู้นำทุกคนจะเห็นด้วย โดยเฉพาะผู้นำกัมพูชา ที่เรียกสัญญาณแบบนี้ว่า “ปฏิวัติสี!”

ท่านที่ติดตามอัญเจียฯ คงได้ยินมาบ้างและเห็นได้ชัดจากปฏิกิริยาแรกของสมเด็จฮุน เซน ต่อกรณีที่พรรคก้าวไกลของไทยชนะการเลือกตั้งพฤษภาคมที่ผ่านมา พลัน ไทยกำลังส่งอิทธิพลการเมืองใหม่ให้เขมร?

ต้องยอมรับว่า ปรากฏการณ์ #เลือกตั้ง66 ของไทยนั้น สร้างความสั่นสะเทือนราวกับสึนามิไม่น้อยต่อผู้คนและองค์กรต่างๆ เป็นวงกว้าง

แต่เราคงคาดไม่ถึงว่า มันจะส่งอิทธิพลไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ที่ทราบกันดีว่า ทั้งชาวพม่าในไทยที่นิยมพรรคก้าวไกลด้านนโยบายแรงงาน และกัมพูชาอีกประเทศ ที่หลังการเลือกตั้งของตนจบลง กระแสคลื่นการเมืองไทยก็เริ่มถูกนำไปเปรียบเทียบ

ซึ่งที่ผ่านมา ประชาชนกัมพูชาไม่เคยตื่นตัวขนาดนี้!

และนี่ใช่ไหม ที่สั่นคลอนจิตใจผู้นำเขมร ต่อปฏิกิริยาทางสังคมอันมีต่อการเมืองไทยในหมู่ชาวเขมร?

เรา อัญเจียฯ รับรู้ข่าวสารความเป็นไปในทุกวัน ข้อนี้ ซึ่งไม่มีอะไรมาก นอกจากดูยอดวิวคลิปข่าวชาวกัมพูชาติดตามเรื่อง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

ทำไมคนที่ “ถูกแขวน” ขาลอยไม่มีบทบาททางการเมืองใน 5 เดือนของไทยคนนี้ จึงได้รับความสนใจจากชาวเขมรที่ครั้งหนึ่งถึงกับนับนายพิธาเป็นญาติ! ต๊าชเกินคาด!

สมเด็จฮุน เซน ผู้ได้ชื่อว่าเป็น “จอมสังหาร” ใครก็ตาม นักการเมืองที่ถูกจับตาจากประชาชน ใครก็ตามที่ประเจียเปร็ย กลายเป็นโกลเด้นบอย (หนุ่มเนื้อทอง) เขาส่งเข้าคุกหมด!

มันจึงน่ารำคาญใจไม่น้อย ที่จู่ๆ ก็มีนักการเมืองหนุ่มคนหนึ่งของเมืองเสียม เข้ามาเฉิดฉายแย่งพื้นที่สื่อกัมพูชา ซึ่งในอดีตมีแต่นายสัม รังสี คนที่เขากำจัดทิ้งออกนอกประเทศไปแล้ว

แต่พลัน กระแสความสนใจแบบนั้นก็กลับมาอีกครั้งที่กัมพูชา จนเกิดพิธาฟีเวอร์! ไปถึงประเทศของตน

วลี “กาก้าวไกล-ไม่เหมือนเดิม” จึงไม่ใช่แต่ไทยเท่านั้นที่สั่นสะเทือน แต่ยังส่งอิทธิพลในคลื่นสีส้มของพรรคเต็ยวมุข/ก้าวไกลมีพลังงานส่วนนี้ และมันยังข้ามไปยังเขมร-ประเทศที่มีผู้นำอ่อนไหวเรื่อง “ปฏิวัติสี!” (color revolution)

ฮุน เซน กลัวนักต่อเรื่องนี้มาดีดัก ใน 10 ปีที่ผ่านมา

เขากวาดล้างเด็กหนุ่มเขมรเข้าคุกเข้าตะรางมานักต่อนัก หมายเพื่อตัดไฟต้นลม

จนขณะนี้แม้แต่อดีตนักโทษที่โดนข้อหาปฏิวัติสีคนสุดท้ายเมื่อสมัยเป็นเยาวชน จนเมื่อเข้าร่วมพรรคแสงเทียนแต่พรรคถูกแขวนทิ้งไม่สามารถลงเลือกตั้ง ฮุน เซน เสนอบางตำแหน่งให้เข้าร่วมรัฐบาล

นี่คือตัวอย่างของการ “สกัด” บทบาทกลุ่มต่อต้านกับฝ่ายตน

 

แต่ใครจะนึกว่าบัดนี้ “หัวเชื้อ” ที่ถูกกำจัดจมหายไปหมดแล้วเบ็ดเสร็จนั้น ทว่า มันกลับกลายเป็นเชื้อไฟอีกฟากหนึ่งของประเทศ ฤๅกระนั้น?

และแน่ล่ะ “กบาลแมชีน” อย่างสมเด็จฮุน เซน ย่อมมิอาจทนได้ ก้าวไกลคือ “ของยาก” มากที่สุดของ “ระบอบพนมเปญ” ที่ผ่านมา

สำหรับพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เห็นได้ว่า กองฝ่ายความมั่นคงกัมพูชาที่ก่อตั้งสถาบันมาแต่ครั้งสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ บัดนี้ต้องถึงกับติดธงสีส้ม-สัญญาณที่ส่อไปในทางน่าเป็นห่วงพอๆ กับความทะลักทลายในสื่อออนไลน์ของไทย!

แล้วจะทำอย่างไร?

หากพลังงานส้มของพรรคเต็ยวมุขยังคงร้อนแรงในเขมรแบบนี้ ซึ่งเดิมสมเด็จหมายใจว่าพรรคเพื่อไทยที่ขึ้นมาเป็นรัฐบาลจะสามารถควบคุมทุกอย่างได้

แต่มันไม่ใช่เช่นนั้น เมื่อ “พรรคเต็ยวมุข” ที่ว่า ยังคงเดินหน้าทำการเมืองอย่างแข็งขันจนก่ออิทธิพลบางอย่างต่อหนุ่มสาวชาวเขมร โดยปราศจากการชักจูงใดๆ และเครื่องมือแห่งการ “ผสบผสาย” เผยแพร่ข่าวสารก็คือสื่ออิสระบางสำนักของเขมร ซ้ำมันคือเรื่องที่พนมเปญไม่เคยประสบพบพานมาก่อน สำหรับ “อำนาจอ่อน” หรือ “ปฏิวัติสี” ในนิยามของฮุน เซน

ซึ่งเราเองก็ไม่รู้มาก่อน ว่าสมเด็จฮุน เซน เขามี “จุดอ่อน” อยู่ที่พรรคก้าวไกล!

คนส่วนใหญ่กัมพูชา น่าจะรู้ดีนะ? ในจุดอ่อนข้อนี้ เนื่องจากที่ผ่านมา สมเด็จฮุน เซน ก็ไม่ชื่นชอบ “เต็ยวมุข” หรือไปข้างหน้าสักเท่าไหร่?

“แม่นเฮย…บองไม่รู้มาก่อนเลยนะ?” อดีตนักแสดงละครบาสักเก่า ตาช เวียสะนาสารภาพ

“นับว่าเป็นข่าวดี แล้วตอนนี้งานใหญ่ก็กำลังจะมา…” สม วิสิต นักข่าววีโอดีที่ถูกปิดสำนักงาน และตอนนี้เขามีอาชีพลับๆ คือทำข่าวใต้ดินออนไลน์ บางทีเขาก็ปั่นยอดไลก์ สม วิสิต จึงเป็นคนที่มีไอเดียเจิดๆ เสมอ

“บอง ฉันนึกไม่ออกเลยว่าตอนฉันตะโกน มิสแกรนด์…กระแจะ…” ไท สี เริ่มคร่ำครวญ เร็วๆ นี้ เธอจะขึ้นเวทีประกวดมิสแกรนด์แคมโบเดีย แต่คราวนี้ ทำไมเนียงไท สี จึงร้องไห้อย่างสกรรม?

“ทำไมน่ะหรือ? ก็จังหวัดกระแจะที่เนียงลงประกวดน่ะสิ” มัน “เฮียน” มาก กล้ามากว่างั้น ก็จังหวัดนี้แหละ ที่ชาวบ้านมักจะพากันลุกฮือรวมตัวประท้วง แล้วตอนนี้ไท สีก็จะขึ้นเวทีในฐานะ “มิสแกรนด์กระแจะ” (ส่งเสียงแอ็กโค่) นับเป็นเวลาที่ดี

“โอว…ไม่นะ ฉันไม่อยากจะโด่งดังแบบมิสแกรนด์คนก่อน”

“เอาน่า…อย่ากลัวไปเลยแม่ไทสี” ฉันปลอบ

“บองก็พูดได้สิ” ก็มิสแกรนด์เมืองไทยของนายณวัตน์ อิสรไกรศีล ที่เขมรซื้อลิขสิทธิ์เอามาทำมิสแกรนด์แคมโบเดีย และได้รับความนิยม “บองก็รู้นี่นาว่า อาญาทอร์เขมรไม่ชอบให้ใครพูดเรื่องปากท้อง เรื่องผู้คน!”

“ทำไมล่ะ! จำได้มั้ย ตอนมิสแกรนด์ปีที่แล้ว มีสาวโรงงานประกวดมิสแกรนด์ แล้วไง? ตั้งแต่นั้นมา ชีวิตสาวโรงงานก็มีคนสนใจ ได้ค่าแรงเพิ่ม ถ้าเนียงอยากจะดังปังๆ เนียงต้องพูดเรื่องคนกระแจะ!” สม วิสิต คนทำเขียนสคริปต์ ได้ทีบิวต์อารมณ์

“อัญด้วย อัญรอมานานแล้ว” นี่ล่ะสิ่งที่ตาช เวียสะนาพรั่งพรู ตอนที่เขาเข้าร่วมประท้วงที่กระแจะเมื่อ 17 ปีก่อนและถูกซิวเข้าตะรางพร้อมๆ กับโลกกึม สกขา กับนายสมบกขมมเจ้าของวิทยุรังผึ้ง เวียสะนารำพึงคราวที่เขาติดร่างแห และตอนนี้ หลานสาวของตนที่ประกวดมิสแกรนด์กำลังถูกเขาอบรมในฐานะคนกระแจะ “เอาน่า…ไท สี ฉะนั้น เนียงต้องมีจิตวิญญาณการต่อสู้!”

“ดังนั้น โอน ต้องเอาโพยแบบนี้ไปประกาศหน้าไมค์ ครั้งเดียวจริงๆ ครั้งเดียวเท่านั้น เนียงจะดังไปทั้งสร๊ก” สม วิสิต จินตนาการ

“โอย หนูไม่เอากับน้า หนูอยากเป็นนางงาม อยากทำงานวงการ อยากดัง แต่นี่อะไร? น้าจะยุยงให้หนูพูดหักหน้าอำนาจพวก ‘อาญาทอ’ หนูแบกไม่ไหว”

“ไท สี เนียง ก็รู้ดีว่าเวทีมิสแกรนด์มันเป็นเรื่องการล่ารางวัลคุณค่าสังคมสร๊กเรากับผู้หญิงเขมรรุ่นใหม่ โอนควรจะสนใจโอกาสมากกว่าความสำเร็จ เพราะถึงอย่างไรเนียงก็ไม่ชนะพวกเขตทมๆ จังหวัดดังๆ”

ให้ตายเถอะ! ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า มิสแกรนด์ไทยแลนด์ที่กัมพูชาซื้อลิขสิทธิ์ไปทำ จะปังมากที่นั่น มันยังแฝงเร้นไปด้วยอำนาจอ่อนอันเปลี่ยนแปลงค่านิยมของชุมชนเขมร ทั้งสิทธิสตรี วิถีสังคมและการต่อสู้ในเรื่องอื่นๆ

ทั้งหมดทั้งปวง ตั้งแต่ก้าวไกลในนามพรรคเต็ยวมุข-มิสแกรนด์แคมโบเดีย หรือที่เรียกกันว่า “soft power” สินะ?

จริงดิ?

ฮูเร! มิสแกรนด์แคมโบเดีย-ปฏิวัติสี!! ได้โปรดเถิดจง-เต็ยวมุข!?