ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 8 - 14 ธันวาคม 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | จดหมาย |
เผยแพร่ |
จดหมาย | ประจำวันที่ 8-14 ธันวาคม 2566
• ปัญหา “รัฐธรรมนูญ”
ปัญหาใหญ่ของกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญของไทย ทุกสมัยที่ผ่านมา
ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 จนถึงปัจจุบัน
มีปัญหาใหญ่สองประการในการร่างรัฐธรรมนูญทุกครั้งของไทย
ดังนี้
ประการแรก
คือปัญหาการสร้างสมดุลระหว่างความคิดเห็นของประชาชนกับความต้องการของชนชั้นนำ
หลักสากลยอมรับว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน
ประชาชนจึงเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลและเป็นผู้จำกัดอำนาจของรัฐบาล
แต่ในความเป็นจริงแล้ว
ในประเทศไทย ผู้ครองอำนาจชั้นนำต่างหากที่เป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญ
โดยมีการอ้างสาเหตุสามข้อ
ข้อแรกคือ การอ้างว่ามีแต่เพียงผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่เข้าใจในการร่างรัฐธรรมนูญ ประชาชนไม่ได้เข้าใจเรื่องรัฐธรรมนูญเพียงพอ
ข้อที่สองคือ การกล่าวอ้างว่ามีประเด็นละเอียดอ่อน ที่จำเป็นต้องควบคุมในการร่างรัฐธรรมนูญ
ข้อที่สามคือ การปกป้องสิ่งที่ชนชั้นนำต้องการ ด้วยการควบคุมกระบวนการการร่างรัฐธรรมนูญและเนื้อหาของรัฐธรรมนูญตั้งแต่ต้นจนจบ
ในข้อสุดท้ายนี้ ประกอบกับแนวโน้มการเติบโตของพรรคการเมืองฝ่ายเสรีนิยม ทำให้กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะเกิดขึ้นอาจนำมาซึ่งความพยายามครอบงำของคนชั้นนำยิ่งกว่าที่ผ่านมา
จนอาจจะเกิดความขัดแย้งในประเทศไทยมากขึ้น
ประการที่สอง
ในการร่างรัฐธรรมนูญทุกครั้งของไทย มีปัญหาคือ ความยากยิ่งในการเห็นพ้องถึงหลักการพื้นฐานที่สังคมจำเป็นต้องยอมรับร่วมกัน
ซึ่งหลักการพื้นฐานเหล่านี้ก็คือ
การมีพรรคการเมืองที่หลากหลาย
การตรวจสอบถ่วงดุลอันโปร่งใส
การยึดหลักนิติรัฐนิติธรรม
และการพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของปัจเจกบุคคล
เมื่อกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญให้ความสำคัญแก่สี่หลักการนี้แล้ว ไม่เพียงจะเกิดข้อดีในเชิงระบบรัฐธรรมนูญ แต่ยังเป็นประโยชน์แก่ประชาชนมากที่สุด
แต่หากเมื่อการร่างรัฐธรรมนูญถูกครอบงำโดยชนชั้นนำแล้ว การยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรมก็จะล้มเหลว การพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชนก็จะถูกกำหนดโดยคำสั่งของชนชั้นนำ
ดังนั้น ชนชั้นนำไทยจึงมักจะขัดขวางการที่จะมีสภาร่างรัฐธรรมนูญทั้งหมดที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน
เพราะหากสภาร่างรัฐธรรมนูญทั้งหมดที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน
ชนชั้นนำจะขาดการควบคุมกระบวนการร่างและเนื้อหาของรัฐธรรมนูญรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่กำลังจะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ 20 ของประเทศไทย
ประเทศไทยเราเป็นประเทศที่ 4 ที่มีจำนวนรัฐธรรมนูญมากที่สุดในโลก
สถิตินี้เป็นสถิติที่ไม่น่าภาคภูมิใจอะไรเลย
นักวิชาการทางรัฐธรมนูญได้เขียนไว้ว่ารัฐธรรมนูญคือการจัดความสัมพันธ์ระหว่างคนในชาติ ระหว่างชนชั้นปกครองกับคนใต้ปกครอง
การที่ประเทศไทยเรามีรัฐธรรมนูญมาแล้วถึง 20 ฉบับ ย่อมสะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์ที่ไม่ปกติของชนชั้นปกครองกับคนใต้ปกครองคือประชาชน
ปีนี้ ปี พ.ศ.2566 และกำลังจะก้าวเข้าไปใน พ.ศ.2567 ในขณะที่ประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลกหรือใกล้เข้ามาคือประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่างต้องแข่งขันกันไม่ว่าจะด้านการค้า เศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์
ประชาชนในประเทศอื่นๆ นั้น ต้องทุ่มเทกำลังกายกำลังจิตใจของคนในชาติในเรื่องดังกล่าว
แต่ประเทศไทยของเรา กลับต้องมาติดกับกับการถกเถียงกันในเรื่องรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เหมือนตลอด 91 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ.2475
และก็ไม่อาจคาดหวังว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะเป็นฉบับที่ 21 ว่าจะมีการออกมาบังคับใช้เมื่อใด
หรือหากจะมีการการบังคับใช้แล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะโดนฉีกทิ้งโดยการรัฐประหารอีกเมื่อใด
ดังนั้น กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญของไทยนั้น
นอกจากจะเต็มไปด้วยขวากหนามและปัญหาการสร้างสมดุลระหว่างความคิดเห็นของประชาชนกับความต้องการของชนชั้นนำอยู่แล้ว
การออกเสียงประชามติที่จะถึงก่อนการเริ่มต้นของการร่างรัฐธรรมนูญก็ยังเต็มไปด้วยขวากหนามเช่นกันเพื่อสกัดไม่ให้มีการแก้รัฐธรรมนูญโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน เพราะชนชั้นนำไทยจะไม่สามารถครอบงำกระบวนการการร่างและเนื้อหาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้นั่นเอง
ที่น่าเสียดายคือพรรคการเมืองบางพรรคกลับยอมรับการถูกครอบงำเสียเอง
จุลพงศ์ อยู่เกษ
ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
อีเมลของ “จุลพงศ์ อยู่เกษ”
ส่งมาถึง “มติชนสุดสัปดาห์” ระยะหนึ่งแล้ว
และเมื่อ 10 ธันวาคม “วันรัฐธรรมนูญ”
เวียนมาถึงอีกครั้ง
จึงถึงกาละ ที่อีเมลฉบับนี้สมควรจะได้ถูกนำเสนอ
เพื่อชี้ว่า รัฐธรรมนูญของไทยมีปัญหา
จะแก้อย่างไร นี่คือ วาระร่วมของทุกคน
ไม่ติดพรรค กลุ่ม หรือบุคคลใดๆ •
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022