หินสุดสุด 11วัน 100 ชีวิตทำงาน 24 ช.ม. เบื้องลึกปฏิบัติการขุดรากถอนโคน ทลาย ‘องค์กร’ ฆ่าทมิฬ น.ศ.อุเทน-ครูเจี๊ยบ

ต้องยอมรับว่ากว่าจะนำไปสู่การทลายองค์กรลับอาชญากรรม ผู้ต้องหาเอี่ยวคดีไล่ฆ่านักศึกษาอุเทนถวาย จนคมกระสุนพลาดมาโดน น.ส.ศิรดา สินประเสริฐ หรือครูเจี๊ยบ ครูสอนคอมพิวเตอร์โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ เสียชีวิต และนายธนสรณ์ หรือหยอด ห้องสวัสดิ์ อายุ 19 ปี นักศึกษาปี 2 อุเทนถวายบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมานั้น

ถือเป็น “งานหิน” ทีมสืบสอบนครบาล ตลอด 11 วันของการทำงาน ต่างทุ่มเทเวลาแต่ละวันทั้ง 24 ชั่วโมง

เหตุเกิดวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่หน้าธนาคารทหารไทยธนชาต สาขาคลองเตย ตำรวจสืบสวนวิเคราะห์ออกทันทีว่า ไม่ใช่ลักษณะคู่อริระหว่างสถาบันศึกษาที่วิวาทกัน แต่เป็นพฤติกรรมมือปืน ที่มีความอุกอาจ ดูจากวงจรปิด นายอนาวิน หรือวิน แก้วเก็บ อายุ 20 ปี ซ้อนท้ายจักรยานยนต์ลงไปยิงหยอดล้มลง กระสุนส่วนหนึ่งพลาดไปถูกครูเจี๊ยบ ต่อมานายอับดุลเลาะ หรือเลาะ ดือราแม อายุ 28 ปี คนขี่จักรยานยนต์สั่งให้ยิงหยอดซ้ำ

แล้วทั้งคู่ได้ซิ่งจักรยานยนต์เล็ดลอดกล้องวงจรปิดหนีไป ตอนนั้นตำรวจมืดแปดด้าน เชื่อว่าน่าจะมีบุคคลมารับช่วยให้หนีไปได้

 

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ หรือ “ผู้การจ๋อ” ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 จึงจัดนักสืบคนที่ช่างสังเกตไล่กล้องวงจรปิด

โจทย์คืออย่าดูแค่จักรยานยนต์และการแต่งกาย แต่ให้ดูรูปลักษณะตำหนิ ซึ่งไม่เหนือบ่ากว่าแรง เพราะนักสืบถูกฝึกมาอยู่แล้วจนพบตำหนิว่ามีเปลี่ยนเสื้อผ้าและสีรถ

ปรากฏมีจุดที่น่าสนใจ ช่วง อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา บริเวณที่เป็นป่า มีทุ่งหญ้า เจอจุดเล็กๆ มีการพ่นสีน้ำเงินกับสีแดง จึงตรงกับที่ตั้งสมมุติฐานไว้

ต่อมา พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เข้ามาดูแฟ้มคดี ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมคนร้ายมีผู้ช่วยเหลือ สนับสนุน ทั้งก่อนเกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ น่าจะไม่ต่ำกว่า 10 คน จึงเรียกชุดสืบสวนที่เคยทำคดียิงลักษณะนี้มาพูดคุยกัน

พร้อมให้กำลังใจตำรวจสืบสวนทำงานอย่างเต็มที่ ท่ามกลางความกดดันของสังคมเป็นอย่างมาก

 

ผู้การจ๋อ จึงร้องขอ “น.1” ขอนักสืบฝีมือดีมาทำคดีนี้ เพราะดูแล้วว่าน่าจะเป็นองค์กรใหญ่ ถึงจะจับคนยิงได้ แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ยั่งยืน

จึงนำมาสู่การระดมนักสืบฝีมือดีกว่า 100 ชีวิต ทั้งสืบสวนนครบาล, สืบสวนนครบาล 5, 6 และสืบสวนทุ่งมหาเมฆ ร่วมทีมทำงานกับนักเรียนสืบสวน “ตัวจี๊ด” ที่จบอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญาไป

แล้วแบ่งหน้าที่ทีมนักสืบดังนี้

1.ก่อนเกิดเหตุยิงกัน มีสืบสวนนครบาล 5 ร่วมกับสืบสวนนครบาล

2. ขณะเกิดเหตุ สืบสวนนครบาล 5 ร่วมกับสืบสวนทุ่งมหาเมฆ

3. หลังเหตุการณ์ มอบสืบสวนนครบาล ส่วนสืบสวนนครบาล 6 ดูฐานข้อมูลบุคคล

ชุดนักสืบนครบาลที่รับดูเหตุการณ์ก่อนวันเกิดเหตุ ได้ไล่กล้องวงจรปิด พบว่ามีการขโมยป้ายทะเบียนจักรยานยนต์ที่ย่านวงศ์สว่าง และที่ดินแดง ก่อนลงมือยิงนักศึกษาอุเทนถวาย เพื่อใช้ในการเปลี่ยนตบตาเจ้าหน้าที่ระหว่างหนี

นอกจากนี้ ยังพบพฤติกรรมที่เรียกว่า “ต่อต้านการสืบสวน” นั่นคือ ผู้ลงมือทั้งคู่ได้ขับจักรยานยนต์วนเวียนย่านที่เกิดเหตุเพื่อลวงพรางตำรวจด้วย

 

และเมื่อย้อนกล้องวงจรปิดไปลึกๆ พบว่า เข้า-ออกเซฟเฮาส์ในซอยวงศ์สว่าง 19 จนไปสืบเจอผู้ต้องหาสำคัญ คือ นายพฤติพล หรือเอย ราชญาณ ที่กราดยิงนักศึกษาอุเทนถวายเมื่อ 14 มกราคมที่ผ่านมา

จากการเฝ้าติดตามได้รับทราบว่ากลางคืนบ้านหลังนี้กลายเป็นศูนย์รวมพลไม่ต่ำกว่า 20-30 คน มีการเปิดเพลง และบางครั้งท่องคำปฏิญาณปลุกใจสร้างความฮึกเหิม

คนเหล่านี้ล้วนเป็นอดีตนักศึกษาไม่มีงาน คล้ายกับการสร้างโลกเสมือนจริงขึ้นมา แล้วหานักศึกษาที่เคยเป็นสถาบันเดียวกับตัวเองเอามาเข้ากลุ่ม แล้วไปก่อเหตุทำร้ายนักศึกษาสถาบันคู่อริ ถ้าทำสำเร็จจะได้รับการยอมรับจากหัวหน้ากลุ่ม มีการประทับฟันเฟืองที่แขนซ้ายว่าก่อเหตุมากี่ครั้งแล้ว

น่าตะลึงไปกว่านั้น จากการสืบสวนสอบสวน พบว่ากลุ่มคนร้ายมีการพัฒนาจนเกินกว่า “องค์กรอาชญากรรม” มีการวางแผนกันเป็น 10 คน “ยิ่งกว่าในภาพยนตร์” มีรุ่นพี่ผู้ผ่านประสบการณ์เป็นพี่เลี้ยง มีกองทุนหาอุปกรณ์ก่อเหตุ กองทุนประกันตัว จ้างทนายต่อสู้คดี

ที่เห็นจะเลวร้ายที่สุดคือเมื่อมีคนถูกจับได้ พอถึงชั้นเบิกความจะตามพรรคพวกมานั่งฟังการไต่สวนของชุดสืบสวนเอาไปพัฒนารูปแบบการก่อเหตุไม่ให้โดนจับได้อีก จึงไม่ใช่เรื่องที่จะมองข้ามกันได้แล้ว

นอกจากนี้ มีเบาะแสว่าโยงคดีทะเลาะวิวาทตีรันฟันแทงย้อนหลังไปอีกหลายปี

 

เมื่อเรื่องรายงานถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้สั่งจัดการให้เด็ดขาดอย่าให้มี “องค์กรอาชญากรรมแบบมือปืน” ในสังคมไทย

จนนำมาสู่การปฏิบัติการ “ปิดเมืองล่ามือยิงครูเจี๊ยบและน้องหยอด” ทลายองค์กรลับ จับผู้ที่เกี่ยวข้องได้ 9 คน ในวันที่ 22 พฤศจิกายน

2 ใน 9 ผู้ต้องหาสำคัญคือ นายพฤติพล หรือเอย สืบสวนพบว่าเป็นผู้ช่วยวางแผนและช่วยเหลือกลุ่มคนร้าย โดยเป็นเหรัญญิกรวบรวมเงินของกลุ่มขบวนการ และนายวรงชัย กัณฑ์ศรี เป็นคนร้ายที่ร่วมวางแผนและขี่จักรยานยนต์พามือปืนไปยิงน้องหยอดจนกระสุนถูกครูเจี๊ยบเสียชีวิต ส่วนอีก 6 คนในบ้านนั้น โดนข้อหาซ่องโจร

วันแห่งการทลายองค์กรลับนั้นมีการเก็บพยานหลักฐานหลายอย่าง แล้วใช้เจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์เข้ามาร่วมเก็บข้อมูลเพื่อโยงให้ถึงตัวคนร้ายเป็นพยานหลักฐานที่มัดแน่น

ถึงตอนนี้ นายอนาวิน หรือ “วิน” มือยิง และนายอับดุลเลาะ หรือ “เลาะ” จะหนีสุดชีวิต ชุดไล่ล่าก็ยังทำงานหนักอยู่ และมั่นใจว่าจะจับได้ในที่สุด

จากนั้นทีมสืบสวน บช.น.จะรื้อแฟ้มคดีเดิมนักเรียนนักเลงตีกันขึ้นมาปัดฝุ่นเพื่อดำเนินการอย่างขุดรากถอนโคนต่อไป