ฮามาส-อิสราเอล ความขัดแย้งครั้งที่ 5 (5) | จรัญ มะลูลีม

จรัญ มะลูลีม

ทำความรู้จักกับกลุ่มฮามาส

ฮามาส (อาหรับ : حماس, hamas) ย่อมาจากฮะเราะกะฮ์ อัลมุกอวะมะฮ์ อัลอิสลามียะฮ์ (حركة المقاومة الاسلامية, Harakat al-Muqawamah al-?Islamiyah) เป็นพรรคการเมืองหนึ่งของปาเลสไตน์ที่นับถือศาสนาอิสลามซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1987 โดยชัยค์ อะห์มัด ยาซีน

อุดมการณ์ของขบวนการฮามาสมีรากฐานมาจากกลุ่มภราดรภาพมุสลิมในอียิปต์ ในปี 1973 ยาซีน ได้ก่อตั้ง “อัลญะมาอะตุลอิสลามี” ขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อร่วมมือกันทำกิจกรรมทางการเมืองของกลุ่มภราดรภาพมุสลิมในฉนวนกาซา

จากนั้นเขาได้ก่อตั้งขบวนการยืนหยัดต่อสู้เพื่ออิสลาม (ฮามาส) ในฐานะหน่วยงานทางการเมืองระดับภูมิภาคของกลุ่มภราดรภาพมุสลิมในเดือนธันวาคม ปี 1987 และได้ประกาศเป้าหมายอย่างชัดเจนว่าจะต่อสู้เพื่อ “อิสรภาพของดินแดนปาเลสไตน์ทั้งหมด”

หลังจากการเริ่มต้นอินติฟาเฎาะฮ์ (Intifada) หรือการลุกฮือครั้งแรกในดินแดนที่ถูกยึดครอง ขบวนการฮามาสเป็นที่รู้จักอันเนื่องมาจากการโจมตีเป้าหมายและกองกำลังของอิสราเอล

ขบวนการนี้เริ่มต้นขึ้นจากโมเดลภราดรภาพมุสลิม ในฐานะของการทำหน้าที่เป็นสถาบันสวัสดิการสังคม

 

โลโก้ของขบวนการฮามาสประกอบด้วยรูปโดมแห่งศิลา (Dome of the Rock) พร้อมแผนที่ขนาดเล็กที่ประกอบด้วยดินแดนปาเลสไตน์และอิสราเอลทั้งหมดอยู่ด้านบน และธงปาเลสไตน์รูปโค้งปกคลุมโดม

ทางด้านขวาของธงเขียนคำว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์”

และทางด้านซ้ายของธงเขียนคำว่า “มุฮัมมัด ศาสนทูตของอัลลอฮ์”

ในส่วนล่างของโดมมีดาบอาหรับสองเล่มไขว้กัน และคำว่า “ปาเลสไตน์” สลักอยู่ที่ส่วนล่างของจุดตัดของดาบสองเล่มดังกล่าว และประโยค (حرکة المقاومة الاسلامیة) เขียนไว้ที่ส่วนล่างของโลโก้

ก่อนการปะทุของสงครามในครั้งนี้วารสารวอลล์สตรีตได้รายงานว่า เจ้าหน้าที่จากกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ได้ประชุมร่วมกับขบวนการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยปาเลสไตน์ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อวางแผนปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ทางบก และทางทะเลต่ออิสราเอล

การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นในกรุงเบรุตเมืองหลวงของเลบานอน โดยมีเจ้าหน้าที่ IRGC และตัวแทนของกองกำลังทหารทั้งสี่ของปาเลสไตน์ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน รวมถึงขบวนการฮามาสและฮิสบุลลอฮ์เข้าร่วมด้วย

 

ก่อนสงครามฮามาส-อิสราเอล รัฐบาลของนายเนทันยาฮู กำลังตกที่นั่งลำบาก เนื่องจากชาวอิสราเอลกว่าแสนคนลงเดินขบวนประท้วงเรื่องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และการเข้าไปแทรกแซงอำนาจศาล

นอกจากนี้ อิสราเอลกำลังเผชิญกับปัญหาหลายด้านไม่ว่าจะเป็นการสู้รบในเขตเวสต์แบงก์ที่ยืดเยื้อมานาน

และความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน รวมถึงปัญหาด้านอื่นๆ อีก เช่น การสั่งปลดนายกัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลออกจากตำแหน่ง ฯลฯ

อย่างน้อยสงครามระหว่างฮามาสกับอิสราเอล ก็ทำให้ชาวอิสราเอลรวมตัวกันอย่างแน่นแฟ้น ลืมเรื่องการต่อต้านรัฐบาลไปก่อน

มุสซา อาบู มัรซุก เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของขบวนฮามาส ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์ว่าขบวนการฮามาสพร้อมเปิดเจรจากับรัฐบาลอิสราเอล เพื่อสงบศึก

หลังถูกถล่มจากฮามาส เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ประกาศว่า อิสราเอลจะเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของตะวันออกกลาง ด้วยการตอบโต้กลุ่มฮามาสอย่างสาสม

“สิ่งที่ฮามาสจะเผชิญ จะเป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวและยากลำบาก” นายเนทันยาฮูกล่าว

โยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ประกาศปิดล้อมฉนวนกาซาอย่างสมบูรณ์ โดยตัดขาดการส่งกระแสไฟฟ้า พลังงาน อาหารและน้ำจากอิสราเอลเข้าไปในดินแดนดังกล่าว

 

เมื่อระยะเวลาหนึ่งผ่านไป อิสราเอลเปิดเผยว่า กองทัพของอิสราเอลสามารถเข้าควบคุมสถานการณ์ในบริเวณด้านนอกของฉนวนกาซาได้แล้ว และการสู้รบระหว่างทหารอิสราเอลและกลุ่มฮามาสภายในดินแดนอิสราเอลได้ยุติลงแล้ว

นอกจากนี้ ทางการอิสราเอลปฏิเสธรายงานข่าวเกี่ยวกับการเจรจาแลกเปลี่ยนตัวประกันในฉนวนกาซากับกลุ่มฮามาส

“ไม่มีการเจรจาเกิดขึ้นแต่อย่างใด” เจ้าหน้าที่อิสราเอลกล่าว

เจ้าหน้าที่ฮามาสรายหนึ่งเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่าขบวนการฮามาสได้เจรจากับกาตาร์ ซึ่งเป็นคนกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยเกี่ยวกับการปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอลที่เป็นผู้หญิงเพื่อแลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัวนักโทษหญิงชาวปาเลสไตน์ที่ถูกคุมขังอยู่ในอิสราเอล

ขบวนการฮามาสอ้างว่าได้จับตัวประกันจากอิสราเอลราว 130 คนจากการโจมตีเมื่อวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา

 

แถลงการณ์ร่วมสนับสนุนอิสราเอล
ของประเทศตะวันตก

ผู้นำฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ได้มีแถลงการณ์ร่วมดังต่อไปนี้

วันนี้ พวกเรา-ประธานาธิบดีมาครงแห่งฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรีชอลซ์แห่งเยอรมนี นายกรัฐมนตรีเมโลนีแห่งอิตาลี นายกรัฐมนตรีซูนักแห่งสหราชอาณาจักร และประธานาธิบดีไบเดนแห่งสหรัฐอเมริกา ต่างแสดงการสนับสนุนอย่างแน่วแน่และเป็นหนึ่งเดียวกันต่อรัฐอิสราเอล และการประณามกลุ่มฮามาส และการก่อการร้ายที่น่าตกใจ

กาตาร์ซึ่งเป็นเจ้าภาพสำนักงานทางการเมืองของขบวนการฮามาสมานานกว่าทศวรรษได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินหลายล้านดอลลาร์แก่ฉนวนกาซา

เมื่อปลายเดือนกันยายน 2023 กาตาร์และอียิปต์ได้ทำข้อตกลงระหว่างฮามาสและอิสราเอล ซึ่งทำให้การข้ามพรมแดนระหว่าฉนวนกาซาและอิสราเอลได้เปิดขึ้นอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม กาตาร์ชี้ยังเร็วเกินไปสำหรับการเจรจาระหว่างนักโทษอิสราเอล-ฮามาส หลังจากที่ขบวนการฮามาสจับตัวประกันได้ราว 150 คนในเหตุโจมตีสุดช็อกเมื่อวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม 2023

อิสราเอลต้องเผชิญกับความปั่นป่วนจากการโจมตีทั้งทางบก อากาศ และทางทะเลจากฉนวนกาซา ซึ่งทำให้กลุ่มติดอาวุธหลายร้อยคนบุกโจมตีชายแดนในดินแดนเล็กๆ ที่ถูกปิดสนิท ขณะที่อิสรเอลให้คำมั่นว่าจะตอบโต้การโจมตีอย่างไม่คาดคิดของกลุ่มฮามาสในช่วงสุดสัปดาห์ที่จะ “ส่งเสียงสะท้อนจากรุ่นสู่รุ่น”

สงครามเริ่มต้นขึ้นหลังจากกลุ่มติดอาวุธของขบวนการฮามาสบุกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม ทำให้เกิดการปะทะกันตามท้องถนนเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1,600 รายจากทั้งสองฝ่าย และอาจมีอีกหลายร้อยชีวิต ฮามาสและกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ ในฉนวนกาซาจับทหารและพลเรือนมากกว่า 150 คนเป็นตัวประกันตามการระบุของอิสราเอล

องค์กรบรรเทาทุกข์ร้องขอให้มีการสร้างทางเดินเพื่อมนุษยธรรมเพื่อขอความช่วยเหลือในฉนวนกาซา พร้อมเตือนว่าโรงพยาบาลที่มีผู้บาดเจ็บล้นหลามกำลังขาดแคลนสิ่งของ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออิสราเอลได้หยุดการเข้าถึงอาหาร เชื้อเพลิง และยารักษาโรคในฉนวนกาซาทั้งหมด และการเข้าถึงจากอียิปต์เพียงแห่งเดียวได้ปิดตัวลงชั่วคราว หลังจากการโจมตีทางอากาศเกิดขึ้นใกล้จุดผ่านแดน

 

นักข่าวปาเลสไตน์สี่คน
ถูกสังหารในการโจมตีฉนวนกาซา
ของอิสราเอล

มาญิด บิน มุฮัมมัด อัล-อันศอรี โฆษกกระทรวงต่างประเทศกาตาร์ กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปสำหรับการไกล่เกลี่ย เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ในการแลกเปลี่ยนนักโทษ

“ในขณะนี้ถือเป็นจุดที่ยากมากที่จะกล่าวว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถเริ่มต้นด้วยการไกล่เกลี่ย ผมคิดว่าเราจำเป็นต้องเห็นการพัฒนาในพื้นที่” เขากล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้ถูกพาตัวไปยังฉนวนกาซาซึ่งยิ่งทวีความเร่งด่วนเพิ่มเติม

ขณะที่ขบวนการฮามาสขู่ที่จะเริ่มประหารชีวิตนักโทษหากอิสราเอลโจมตีทางอากาศต่อฉนวนกาซาโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า

 

กาตาร์กำลังเป็นหัวหอก
ในความพยายามเจรจา
แลกเปลี่ยนนักโทษ

การใช้กำลังหรือการลงโทษโดยรวมเพื่อควบคุมกลุ่มชาวปาเลสไตน์ภายใต้การควบคุมและสภาพที่เป็นอยู่นี้มีแต่ทำให้ชาวปาเลสไตน์หัวรุนแรงมากขึ้น และกลุ่มฮามาสก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก การรุกรานภาคพื้นดินและการโจมตีทางอากาศ ไม่ได้ช่วยทำให้กลุ่มฮามาสอ่อนแอลงเลยแม้แต่น้อย

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ขัดขวางการยึดครองปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นบาปดั้งเดิมของเอเชียตะวันตกอย่างสะดวก

หากอิสราเอลและผู้มีบทบาทระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติต้องการสันติภาพและเสถียรภาพที่ยั่งยืนในภูมิภาค พวกเขาจะต้องหันไปหาวิธีแก้ปัญหา

สำหรับคำถามเกี่ยวกับปาเลสไตน์ การปฏิบัติการทางทหารโดยไม่จัดการประเด็นหลักจะเป็นเพียงการแทรกแซงเพื่อความสวยงามเท่านั้น