ขอเสียงปรบมือต้อนรับ ‘ยุคทอง’ ของ Generation AI | จักรกฤษณ์ สิริริน

ดร.จักรกฤษณ์ สิริริน

ทุกวันนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า เรากำลังเข้าสู่ “ยุคทอง” ของ Generation AI

ที่มาหนึ่งของคำว่า Generation AI มาจากบทความ The Age of AI has Begun ของ Bill Gates ผู้ก่อตั้ง Microsoft

Bill Gates เชื่อว่า การเกิดขึ้นของ AI จะเปลี่ยนวิธีทำงาน การเรียนรู้ การท่องเที่ยว การดูแลสุขภาพ และการติดต่อสื่อสารระหว่างมนุษย์ไปตลอดกาล!

อีกที่มาหนึ่งของคำว่า Generation AI มาจากหนังสือ The AI Generation ผลงานการเขียนของศาสตราจารย์ ดร. Olaf Groth ผู้อำนวยการโครงการ Digital Futures แห่ง Hult International Business School

ที่เขียนร่วมกับศาสตราจารย์ ดร. Mark Nitzberg ผู้อำนวยการ Center for Human Compatible Artificial Intelligence แห่ง University of California, Berkeley

หนังสือ The AI Generation พูดถึงยุคสมัยปัจจุบัน ที่เรียกกันว่าเป็น “ยุคทอง” ของ AI ซึ่งเป็นยุคที่มนุษยชาติได้ถูกปรับเปลี่ยนค่านิยม ความไว้วางใจ และอำนาจของมนุษย์ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในด้านการแพทย์ การเงิน แม้กระทั่งความรัก!

เหตุผลก็คือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ Artificial Intelligence (AI) ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้นเรื่อยๆ ทุกเมื่อเชื่อวัน

เพราะ AI สามารถขับรถยนต์ให้เราได้ ช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้เรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระตุ้นพวกเราทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มิฉะนั้น เราก็จะถูก AI แย่งงานไป!

นี่คือยุคสมัยแห่งความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ ที่แซงหน้าวิกฤตอาหาร โรคอุบัติใหม่ ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก

 

อย่างไรก็ดี เมื่อมนุษย์เรายอมให้เครื่องจักรคิด และตัดสินใจแทนเรามากขึ้น เราก็ย่อมต้องเผชิญหน้ากับคำถามใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตัดสินใจต่างๆ หรือเรื่องของความปลอดภัย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาชีพการงานของมวลมนุษยชาติ ที่ต้องเผชิญหน้ากับความเสี่ยงที่ยิ่งยวด!

ก่อนไปถึงเรื่องราวของ Generation AI เราไปทบทวนกันสักหน่อย ว่า Generation อะไร เกิดปีไหน และเราอยู่ Generation ใดกันแน่

เริ่มที่เก่าที่สุดก่อน นั่นคือ Silent Gen หมายถึงผู้ที่เกิดปี พ.ศ.2468-2488

Baby Boomer หมายถึงผู้ที่เกิดปี พ.ศ.2489-2507

Generation X หมายถึงผู้ที่เกิดปี พ.ศ.2508-2523

Generation Y หมายถึงผู้ที่เกิดปี พ.ศ.2524-2539

Generation Z หมายถึงผู้ที่เกิดปี พ.ศ.2540-2555

Generation Alpha หมายถึงผู้ที่เกิดตั้งแต่ปี พ.ศ.2556 เป็นต้นมา ซึ่งปีนี้จะมีอายุ 10 ขวบ

และแน่นอน Generation AI

เพราะในยุคปัจจุบัน คงไม่มีใครที่สามารถปฏิเสธว่า โลกของเราได้ก้าวสู่ “ยุคทอง” ของ AI เพราะ AI ได้เข้ามาในชีวิตประจำวันของเรา ทั้งโดยรู้ตัว และไม่รู้ตัว ตั้งแต่ตื่นนอน ยันเข้านอน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง AI ได้แทรกซึมอยู่ในกิจกรรมระหว่างวันของเรา ไม่ว่าจะเรื่องเรียน การประกอบอาชีพการงาน การพักผ่อน ช้อปปิ้ง เดินห้าง รับประทานอาหาร ไปโรงพยาบาล ฯลฯ

ดังนั้น เราจึงต้องพูดถึง Generation AI กันสักตอนครับ

 

ในบทความของ Bill Gates และในหนังสือ The AI Generation นั้น Bill Gates และศาสตราจารย์ ดร. Olaf Groth รวมถึงศาสตราจารย์ ดร. Mark Nitzberg บอกตรงกันว่า Generation AI คือ Gen Z + Gen Alpha

ความหมายก็คือ Gen Z + Gen Alpha เป็นกลุ่มประชากรที่เติบโตมากับ AI โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Gen Z + Gen Alpha มีปริมาณรวมกันเกือบ 4,000 ล้านคน จากจำนวนประชากรโลก 8,000 ล้านคน

พูดอีกแบบก็คือ Generation AI มีจำนวนพลเมืองเกือบครึ่งโลก!

ยังไม่นับ Generation อื่นๆ ที่สนใจ ศึกษา ค้นคว้า เรียนรู้ และใช้งาน AI อีกนับพันล้านคน

แต่หากพูดถึงเฉพาะ Generation AI แล้ว ประชากรโลก 2 กลุ่ม คือ Gen Z + Gen Alpha เติบโตมาในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทในชีวิตเป็นอย่างมาก ทำให้ Generation AI เรียนรู้ เปิดรับ และปรับตัวกับ AI ได้อย่างรวดเร็วกว่า Generation อื่นๆ

สอดคล้องกับผลการสำรวจของ Common Sense Media ที่พบว่าผู้ปกครองจำนวน 77% และเยาวชนอายุระหว่าง 12-18 ปี มากถึง 92% ให้ความสนใจเครื่องไม้เครื่องมือทางด้านการศึกษาที่ประยุกต์ขึ้นจาก AI

เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่า สื่อการเรียนการสอนแบบ AI สามารถช่วยเสริมทักษะ และการเรียนรู้ได้มากกว่าสื่ออื่นๆ

 

เช่นเดียวกับนักการศึกษา ที่พากันออกมายอมรับว่า AI มีส่วนช่วยพัฒนาด้านการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นิตยสาร MIT Technology Review ที่ได้เคยนำเสนอมุมมองเกี่ยวกับ ChatGPT ว่าเกิดขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนโลกการศึกษาในทิศทางที่ดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงแรกที่ ChatGPT เปิดตัว แล้วมีนักเรียน นิสิต นักศึกษา นำ ChatGPT มาช่วยทำการบ้าน ทำรายงาน เขียนบทความ ไปจนถึงเขียนวิทยานิพนธ์

ทำให้ในตอนนั้น องค์กรด้านการศึกษามีความกังวล ว่า ChatGPT จะส่งผลกระทบในด้านลบต่อการจัดการเรียนการสอน

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา บรรดาครูผู้สอน และนักการศึกษา ได้มองว่า ChatGPT สามารถช่วยปรับปรุงกระบวนการจัดการเรียนการสอนได้ ดีกว่าจะกังวลว่าจะช่วยให้เกิดการโกง หรือเรียนลัด

เพราะ ChatGPT เป็นตัวช่วยให้มีการโต้ตอบกันในห้องเรียนมากขึ้น ช่วยออกแบบแผนการเรียนการสอนเฉพาะบุคคล ช่วยครูประหยัดเวลาในการบริหารจัดการห้องเรียน และทำให้กระบวนการจัดการการเรียนรู้ราบรื่นขึ้น

ดังที่ Walton Family Foundation ได้ทำการสำรวจครูในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานของสหรัฐอเมริกาจำนวน 1,000 คน และนักเรียนอายุ 12-17 ปี จำนวน 1,000 คนเช่นกัน

ผลการสำรวจพบว่า มีครูใช้ ChatGPT มากถึง 88% โดยในจำนวนนี้มีครูมากถึง 10% ที่ใช้ ChatGPT ทุกวัน และมีนักเรียนใช้ ChatGPT มากถึง 79%

โดยครูและนักเรียนที่ร่วมในการทำการสำรวจ ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการนำ ChatGPT มาใช้ในการเรียนการสอน

จะเห็นได้ว่า การนำ ChatGPT มาใช้ในโรงเรียน เป็นตัวอย่างที่ดี ที่ชี้ให้เห็นว่า เหตุใดสถานศึกษาไม่ควรทำแต่สิ่งเดิมๆ หรือมีวิธีการเรียนการสอนแบบเดิมๆ ท่ามกลาง ความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในโลกสมัยใหม่

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุค Generation AI นี้!

 

การให้ความหมายของคำว่า Generation AI นอกจากจะเป็นการหลอมรวม 2 Generation คือ Gen Z + Gen Alpha เข้าด้วยกันแล้ว ต้องยอมรับว่า Gen Alpha นั้น เป็นคนรุ่นลูกของ Gen Y ซึ่งเป็นพ่อแม่ที่มีลูกแค่คนเดียว หรือไม่เกิน 2 คน

ดังนั้น พ่อแม่ที่เป็น Gen Y จึงทุ่มเทด้านการศึกษาให้กับลูกของตนเองคือ Gen Alpha อย่างเต็มที่

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในปัจจุบันมีการพัฒนาหุ่นยนต์ AI เพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็ก ไม่ว่าจะเป็น Miko 3 Roybi โดยเฉพาะอย่างยิ่ง TeddyGPT ของ OpenAI เจ้าของ ChatGPT

เช่นเดียวกับ Goldman Sachs ที่ระบุว่า AI กำลังจะเข้ามาแทนที่มนุษย์มากกว่า 300 ล้านตำแหน่งงาน ท่ามกลางการพูดถึงข้อดีของ AI ในมุมมองนายจ้าง ว่า AI จะช่วยเพิ่ม Productivity ได้ดีกว่ามนุษย์

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำกล่าวอ้างว่า AI จะช่วยสร้างโอกาสในตำแหน่งงานใหม่ๆ ให้แก่มนุษย์ และสามารถเพิ่ม GDP ให้โลกมากถึง 7%

ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางข้อกังวลเกี่ยวกับจริยธรรม AI ที่ยังคลุมเครือ และยังเป็นคำถามตัวโตๆ

แต่สิ่งที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุดในเวลานี้ก็คืออัตราการขยายตัวด้านการวิจัยและพัฒนา AI

การประยุกต์ใช้ AI ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานของมนุษย์ในอุตสาหกรรมต่างๆ ในฐานะตัวช่วยในการขจัดอุปสรรคบางอย่าง หรือเพิ่มความสะดวกบางอย่าง

โดยมี Generation AI คนรุ่นที่เกิดและเติบโตมากับ AI ที่จะนำ AI ไปต่อยอดต่อไปในอนาคต