ลองมอง

พิชัย แก้ววิชิต

ในวันที่หยิบยื่นเวลาให้กับตัวเองได้ลองมองบางสิ่งบางอย่าง หวังไว้ว่าจะได้เห็นในสิ่งที่หา และมันยังไม่จนสายเกินไปนักกับบรรยากาศในตอนเช้าที่เกือบจะสิบโมงแล้ว

ก้าวเดินที่ไม่ได้เร่งเร้าตามเวลา เดินไปเรื่อย เมื่อยก็หยุด ท่ามกลางแมกไม้ขึ้นหนาแน่นของสวนสาธารณะ และยังคงความสดชื่นร่มรื่น โดยไม่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขเวลาเช่นเดียวกัน

แสงแดดส่องตรงเล็ดลอดผ่านพุ่มไม้มาได้บ้างเป็นบางส่วน แสงแดดส่วนที่เหลือส่องไม่ถึงพื้น เพราะถูกความหนาแน่นของใบไม้บดบังจนแสงไม่อาจทะลุลอดผ่าน

จึงให้เห็นเป็นเพียงเงาของใบไม้ ที่ฉาบทาลงพื้นทางเดินที่ยังดูชุ่มน้ำจากสายฝนที่เพิ่งผ่านพ้นไป แสงเงาและใบไม้ที่ร่วงหล่น ภาพความปกติจนชินตาเมื่อได้มอง

และมันจะยังคงเป็นไปอย่างที่เคยเป็นมา

 

เมื่อ “ความคิดไม่ทำให้เห็น” การได้ “ลองมอง” จากการฟังเสียงความรู้สึกของตัวเอง มันทำให้เห็นภาพที่ต่างออกไป มันอาจเป็นภาพที่ไม่ได้สวยขาดบาดใจของใครต่อใคร และไม่สมบูรณ์แบบเพียงพอต่อคำชื่นชมยินดี

แต่อย่างน้อยนิดหนึ่ง “การเห็นภาพจากการฟังเสียงหัวใจของตัวเอง” ก็ไม่ได้เลวร้ายจนเกินเลย

การให้เวลากับตัวเองได้ “ลองมอง” แม้เพียงน้อยนิด ก็อาจทำให้เห็นอมยิ้ม ในแบบที่หวานเจี๊ยบกับให้ตัวเองในวันที่ได้ “ลองมอง”

“ลองมองให้สนุก” ความล้มเหลว มันอาจมีมุมมองของสำเร็จแอบซ่อนอยู่ ความพ่ายแพ้ที่ฉาบทาด้วยความสนุกอาจไม่ถนัดทุกข์ให้ร้อนใจ การรับได้จากการที่แพ้เป็น จนให้โอกาสตัวเองได้เรียนรู้เพราะชนะใจตัวเอง ให้โอกาสตัวเองอีกครั้งจากการได้ “ลองมองในอีกมุม” จากความสนุกที่ได้เห็น

“ลองมองตัวเอง” ให้ต่างออกไปจากมุมของความเห็นแต่ตัวเอง หรือมุม “ขี้หลัก” ในแบบของไทบ้าน คำเรียบง่ายที่มีความหมายเข้าใจที่ตรงกัน จากมุมมองไม่เห็นใคร อุปสรรคในชีวิตที่บดบังตาจนพร่ามัว อาจมาจากการไม่ได้มองใจผู้อื่นให้ชัดเจน แต่เมื่อให้ “ลองมองเพื่อให้ตัวเองได้เรียนรู้” กับการอยู่ร่วมก็เท่ากับมองหาสิ่งดีๆ ของตัวเองเพื่อผู้อื่น

กับการอยู่ร่วมอย่างเข้าใจ

ถ้าความคิดไม่ทำให้เห็น “ลองมองผ่านการใช้แว่นขยายของความรู้สึกดี” มองหามุมดีๆ มีประโยชน์ และในวันที่ได้ “ลองมองจากการฟังเสียงหัวใจของตัวเอง” ก็อาจทำให้เห็นภาพของตัวเองได้ชัดเจนขึ้น และมันจะเป็นภาพที่งดงามเสมอ เมื่อได้ลองมองผ่านสีสันและแสงเงาของชีวิตในแบบที่เราเป็น / เทคนิค : F 2.8 1/200s ISO200 / สถานที่ : สวนรถไฟ กรุงเทพฯ

“ลองมองมีหลายสิ่งชวนให้ดู” จากหลายแง่หลากเหลี่ยมมุมของชีวิต และมีอีกหลายสิ่งที่ “ผมเองอาจไม่ทันได้ลองมอง” ถึงตอนนี้การแจ้งเตือนของตัวเอง ก็แจ้งให้รู้ว่ามีสิ่งใดอีกบ้างที่ผมเองควรต้องลองมอง และควรระวังให้มากกับการมองโลกผ่าน “สายตาแห่งความเคยชิน” ที่มันมักฝ้าฟางจากมุมที่ควรมอง

อย่างที่เล่าไว้ในตอนต้น เพราะถ้าความคิดไม่ทำให้เห็น “ลองมองผ่านการใช้แว่นขยายของความรู้สึกดี” มองหามุมดีๆ มีประโยชน์

และในวันที่ได้ “ลองมองจากการฟังเสียงหัวใจของตัวเอง” ก็อาจทำเห็นภาพของตัวเองได้ชัดเจนขึ้น และมันจะเป็นภาพที่งดงามเสมอจากมุมเมื่อได้ลองมองผ่านสีสันและแสงเงาของชีวิตในแบบที่เราเป็น

ขอบคุณมากมายครับ •

 

เอกภาพ | พิชัย แก้ววิชิต