เมื่อ ‘เด็ก-โรงพยาบาล’ ยังคงต้องตกเป็นเหยื่อของสงคราม

This handout satellite picture released by Maxar Technologies on November 12, 2023, shows the Karama Hospital in the northern Gaza Strip. More than 10,000 people have been killed in relentless Israeli bombardment of the Gaza Strip, according to the Hamas-run health ministry, since the war erupted after Palestinian militants raided southern Israel on October 7 killing at least 1200 people, according to official Israeli figures. (Photo by Satellite image ©2023 Maxar Technologies / AFP) / RESTRICTED TO EDITORIAL USE - MANDATORY CREDIT "AFP PHOTO / Satellite image ©2023 Maxar Technologies" - NO MARKETING NO ADVERTISING CAMPAIGNS - DISTRIBUTED AS A SERVICE TO CLIENTS - THE WATERMARK MAY NOT BE REMOVED/CROPPED -

สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ในฉนวนกาซา ยังคงยืดเยื้อต่อไป สร้างความเสียหายอย่างมาก รวมไปถึงการสูญเสียชีวิตผู้คน ที่ตอนนี้ทะลุกว่า 11,000 รายแล้ว และมีผู้ที่ยังสูญหายอีกกว่า 2,700 คน

และที่น่าสลดใจมากคือ ในจำนวนผู้เสียชีวิตเหล่านี้ เป็นเด็กถึง 40 เปอร์เซ็นต์

โดยนายเท็ดรอส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (ฮู) ได้กล่าวต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ว่า โดยเฉลี่ยทุกๆ 10 นาที จะมีเด็กในฉนวนกาซาเสียชีวิต 1 คน

และยังได้เตือนว่า ไม่มีที่ใดและผู้ใดปลอดภัย สำหรับสงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาสครั้งนี้

กีบรีเยซุสได้ให้ข้อมูลว่า โรงพยาบาลในฉนวนกาซา ซึ่งมีทั้งหมด 36 แห่ง ตอนนี้ไม่สามารถใช้งานได้แล้วครึ่งหนึ่ง ในขณะที่ 2 ใน 3 ของศูนย์ดูแลสุขภาพเบื้องต้นในพื้นที่กาซา ไม่สามารถใช้การได้เช่นกัน

ในส่วนของโรงพยาบาลที่ยังคงเปิดให้บริการอยู่ ก็กำลังดำเนินงานเกินกว่าขีดความสามารถของตนเองอยู่มาก และระบบสาธารณสุขในฉนวนกาซากำลังอยู่ในขั้นเลวร้าย

นายกีบรีเยซุสบอกด้วยว่า “ทางเดินของโรงพยาบาลอัดแน่นไปด้วยผู้บาดเจ็บ ผู้ป่วย และผู้ที่กำลังเสียชีวิต ศพล้นออกมาจากห้องเก็บ แพทย์ต้องทำการผ่าตัดโดยไม่มียาสลบ ผู้พลัดถิ่นหลายหมื่นคนต้องใช้โรงพยาบาลเป็นที่พักพิง”

และว่า หนทางที่ดีที่สุดที่จะสนับสนุนเจ้าหน้าที่การแพทย์และคนไข้คือการมอบเครื่องมือที่จำเป็นต่อการรักษา อาทิ ยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ และเชื้อเพลิงสำหรับโรงพยาบาล และเรียกร้องให้มีการส่งความช่วยเหลือเข้าไปในฉนวนกาซาผ่านจุดผ่านแดนราฟาห์ของประเทศอียิปต์มากขึ้น รวมถึงเน้นย้ำคำขอของสหประชาชาติให้มีการหยุดยิง

นายกีบรีเยซุสได้ประณามการโจมตีที่น่ากลัวและป่าเถื่อนของนักรบฮามาส พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวประกันที่ถูกฮามาสจับตัวไป

 

นับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลกพบการโจมตีใส่สถานพยาบาลในฉนวนกาซาและเขตเวสต์แบงก์ไปแล้วมากกว่า 250 ครั้ง ขณะที่มีการโจมตีใส่สถานพยาบาลในอิสราเอลไปแล้ว 25 ครั้ง ซึ่งทางอิสราเอลอ้างว่ากลุ่มฮามาสใช้อุโมงค์ใต้โรงพยาบาลในฉนวนกาซาเป็นแหล่งเก็บอาวุธ แต่กลุ่มฮามาสได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าของอิสราเอล

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เกี่ยวกับสถานพยาบาลในฉนวนกาซา ยังคงไม่ดีขึ้น โดยล่าสุด โรงพยาบาลอัล-ชิฟา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลใหญ่สุดในฉนวนกาซา ต้องหยุดการดำเนินงานลงเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน หลังจากเชื้อเพลิงของโรงพยาบาลหมดลง เนื่องจากตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์การสู้รบรุนแรง และตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีจากอิสราเอล ที่เชื่อว่ากลุ่มฮามาสสร้างศูนย์บัญชาการไว้ที่โรงพยาบาลแห่งนี้

นายอัชราฟ อัล-กีดรา โฆษกกระทรวงสาธารณสุขกาซา เปิดเผยว่า การที่โรงพยาบาลต้องหยุดดำเนินงาน เพราะเชื้อเพลิงหมด ทำให้เด็กทารกแรกเกิดคนหนึ่ง ต้องเสียชีวิตในตู้อบทารก และยังทำให้เด็กแรกเกิดอีก 39 คน เสี่ยงที่จะเสียชีวิตเนื่องจากโรงพยาบาลไม่มีไฟฟ้าใช้ ทำให้ขาดออกซิเจน และยารักษาโรค

“สถานการณ์ในตอนนี้เลวร้ายกว่าที่ใครจะจินตนาการได้ เราถูกปิดล้อมอยู่ภายในโรงพยาบาลอัล-ชิฟา และอิสราเอลได้พุ่งเป้าโจมตีอาคารส่วนใหญ่ของโรงพยาบาล” อัล-กีดรากล่าว

 

ในขณะที่นายเท็ดรอส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ออกมาเตือนว่าสถานการณ์ที่โรงพยาบาลอัล-ชิฟา ตอนนี้ถือว่าเลวร้ายและอันตรายอย่างยิ่ง เพราะไม่มีไฟฟ้าใช้ ขาดแคลนทั้งน้ำและอาหาร อีกทั้งยังกลายเป็นเป้าหมายในการโจมตีของกองกำลังป้องกันอิสราเอล (ไอดีเอฟ) ที่กล่าวหาว่า กลุ่มฮามาสได้สร้างศูนย์บัญชาการทั้งในและใต้โรงพยาบาลดังกล่าว

นอกเหนือจากโรงพยาบาลอัล-ชิฟา แล้ว ก็ยังมีโรงพยาบาลใหญ่อันดับ 2 คือ อัล-กุดส์ ที่ต้องหยุดการให้บริการเช่นกัน อันเป็นผลเนื่องจากสงครามที่เกิดขึ้นในตอนนี้

อย่างไรก็ตาม ไอดีเอฟระบุว่า พวกเขาได้เสนอที่จะอพยพทารกแรกเกิดออกจากโรงพยาบาล และได้วางเชื้อเพลิง 300 ลิตรไว้ที่ทางเข้าโรงพยาบาลอัล-ชิฟา ในวันที่ 11 พฤศจิกายน แต่ความพยายามทั้งสองถูกฮามาสขัดขวาง

แต่ฝ่ายฮามาสเองก็ออกมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าว และว่า ปริมาณเชื้อเพลิงที่อิสราเอลให้มานั้น ไม่เพียงพอที่จะใช้ปั่นไฟจากเครื่องปั่นไฟของโรงพยาบาลได้นานกว่าครึ่งชั่วโมง

เช่นเดียวกับนายมูฮัมหมัด อาบู ซัลมิยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอัล-ชิฟา ระบุว่า ข่าวที่ว่าโรงพยาบาลปฏิเสธที่จะรับน้ำมันที่ถูกทิ้งไว้เป็นเรื่องโกหกและใส่ร้าย

ขณะที่สองฝ่ายยังคงสู้รบกันต่อ ณ ตอนนี้ โรงพยาบาลอัล-ชิฟา ก็กำลังจะกลายสภาพเป็นสุสานไปแล้ว