แจกเงินหมื่น-หมูเถื่อน หมูเถื่อน-ส่วยรถบรรทุก-ตำรวจจีน ดราม่ารุมเร้า นายกฯ ‘เศรษฐา’ เหนื่อย

(Photo by TINGSHU WANG / POOL / AFP)

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดประเด็นดราม่าร้อนรอบตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” ให้ต้องเคลียร์รัวๆ ก่อนจะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 12-19 พฤศจิกายน ณ นครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา

ไล่เรียงมาตั้งแต่ส่วยสติ๊กเกอร์ทางหลวง ที่กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง หลังเกิดกรณีรถบรรทุกตกหลุมบริเวณหน้าปากซอยสุขุมวิท 64/1 ปรากฏว่าหลายคนสังเกตเห็นสติ๊กเกอร์รูปดาวสีเขียว ตัวอักษร B ติดหน้ารถ ทำให้ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเชื่อมโยงกับส่วยสติ๊กเกอร์อีกครั้งหรือไม่ เพราะรถบรรทุกน่าจะบรรทุกน้ำหนักเกินจึงทำให้เกิดเหตุป่วนจราจร กทม.

ตามมาด้วยหมูเถื่อน ที่นายเศรษฐาได้หารือกับอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว ดูจะทำให้นายกฯ มีน้ำโหอย่างหนัก จนเกิดการตำหนิด้วยอารมณ์และแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างชัดเจน ว่าได้สั่งการในการแก้ปัญหาไปแล้ว เหตุใดไม่มีความคืบหน้า

ภาพดังกล่าวทำให้นายกฯ ถูกวิจารณ์ถึงการเรียกลูกน้องมาตำหนิออกสื่ออีกครั้ง

และล่าสุดกับประเด็นจะให้ตำรวจจีนมาลาดตระเวนในเมืองท่องเที่ยว เพื่อรักษาความปลอดภัยและกระตุ้นความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวจีน

โดยประเด็นนี้เกิดขึ้นหลัง “น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้ว่าการ ททท. ได้แถลงผลการประชุมร่วมกับนายกฯ ว่าด้วยเรื่องความปลอดภัย คุณภาพสินค้า การบริการนักท่องเที่ยว รวมถึงการสร้างประสบการณ์ให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย

ช่วงหนึ่งได้พูดถึงเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งทางการไทยมีแนวคิดทำโครงการลาดตระเวนที่จะนำเจ้าหน้าที่ตำรวจจากประเทศจีนมาลาดตระเวนในเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ของประเทศไทย เพราะคนจีนกลัวตำรวจไทย หากมีตำรวจจีนมาอยู่ ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนมีความมั่นใจในเมืองไทยมากขึ้น

ทำให้คนในสังคมประสานเสียงวิจารณ์และคัดค้านอย่างพร้อมเพรียง

ก่อนที่ “นายชัย วัชรงค์” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะออกมาชี้แจงถึงประเด็นร้อนเรื่องนี้ ระบุว่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน พร้อมยกเรื่องกลุ่มคนจีนสีเทาที่มีความเกรงกลัวตำรวจจีนด้วยกันเอง และนักท่องเที่ยวจีนจะรู้สึกปลอดภัยหากมีตำรวจจีนมาช่วยดูแล

พร้อมย้ำว่าข่าวที่จะให้ตำรวจจีนมาตระเวนดูแลความปลอดภัยไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะความจริงเป็นเพียงการมาทำงานร่วมกันและให้ข้อมูลเบาะแส เพื่อให้ตำรวจไทยทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

พร้อมขออย่าเล่นเกมวาทกรรมทางการเมืองจนเกินกว่าเหตุ

 

ก่อนที่ทาง “รังสิมันต์ โรม” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร พาคณะเข้าประชุมร่วมกับ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” ผบ.ตร. เพื่อสอบถามกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการประสานงานให้ตำรวจจีนเข้ามาดูแลนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทย

และได้ให้สัมภาษณ์โดยระบุว่า แนวคิดที่จะนำตำรวจจีนมาลาดตระเวนในประเทศไทย ไม่มีทางเกิดขึ้น และได้รับการยืนยันแล้วว่าทุกฝ่ายไม่เห็นด้วย เนื่องจากมีผลกระทบในหลายมิติ

ขณะที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ก็ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการเอาตำรวจจีนเข้ามาดูแลนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทย เพราะเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของไทย และตำรวจไทยก็มีศักยภาพในการดูแลประชาชนและนักท่องเที่ยว

รวมถึง “ปารีณา ไกรคุปต์” อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงประเด็นนี้ โดยระบุว่า

“#นายกฯ คิดการใหญ่ ทุกวันนี้จีนกำลังจะยึดครองไทย และมีการเข้ามาทำธุรกิจสีเทา โดยมียิ่งลักษณ์ ทักกี้ ป้อมมี้ หนุนหลัง เปิดทางสะดวกด้วยอำนาจรัฐที่สั่งสมมาหลายสมัย ลูกน้องบริวารพร้อมรับใบสั่งคือนายทุนใหญ่และลูกค้าซื้อบ้านหรูนักการเมือง

อีกทั้งวันนี้นายกฯ กำลังจะหนุนตำรวจจีนเข้ามาดูแลคนไทยและนักท่องเที่ยว โดยอ้างการสร้างความเชื่อมั่น ส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่วนตัวรู้สึก…กลัว ตำรวจจีนน่ากลัว และนายกฯ น่ากลัว เพราะนายกฯ กำลังคิดการใหญ่ จึงขอค้านหัวชนฝาไม่เอาตำรวจจีน”

กระแสสังคมที่วิจารณ์อย่างหนักหน่วงนี้เองทำให้ “น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ออกมายืนยันว่ากระทรวงไม่มีนโยบายและแนวคิดจะให้ตำรวจจีนมาร่วมลาดตระเวนกับตำรวจไทย ททท.มีหลายแนวคิดที่จะสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว

และเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบกับการมาเที่ยวไทยของนักท่องเที่ยว เพราะตำรวจไทยมีศักยภาพที่ดีมากอยู่แล้ว

 

ฟากนายกฯ เศรษฐาก็ได้โพสต์ข้อความผ่านทาง X ชี้แจงต่อประชาชนว่าได้ประชุมและสั่งการให้แต่ละหน่วยงานรับผิดชอบ ก่อนเดินทางไปสหรัฐอเมริกา ดังนี้

“ก่อนขึ้นเครื่องเดินทางไปประชุม APEC ผมเชิญหน่วยงานที่รับผิดชอบใน 3 ประเด็นมาประชุมเพื่อติดตามการทำงาน คือ

1. เรื่องหมูเถื่อน ผมติดตามปัญหาที่ได้ให้ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึง DSI เร่งรัดดำเนินการจับกุมผู้นำเข้าและเผาหมูเถื่อน พร้อมให้ ปปง.เร่งดำเนินการอายัดทรัพย์ผู้ประกอบการที่กระทำผิดโดยด่วน ซึ่งคาดว่าน่าจะทำการจับกุมผู้ประกอบการหมูเถื่อนรายใหญ่ได้อีกภายในเดือนนี้ครับ

2. เรื่องปัญหาส่วยทางหลวง ผมย้ำว่าต้องหาแนวทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน ซึ่งส่วนมากปัญหาเกิดจากการหนีไม่ยอมเข้าด่าน การขาดตาชั่งในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน และการตรวจสอบที่เป็นระบบ ไปจนถึงอัตราค่าปรับที่ไม่เข้มงวดเท่าที่ควร ผมให้ทาง กทม. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงคมนาคม ร่วมมือกันทั้งเรื่องของข้อมูล และการติดตามเอาผิดครับ

3. ผมสั่งการให้ตำรวจท่องเที่ยว และ ททท. เร่งสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเที่ยวที่ประเทศไทยในช่วงสิ้นปีนี้ โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งว่าได้มีการปราบปรามอาวุธปืน ยึดปืนที่ไม่ถูกกฎหมาย ตลอดจนปัญหาเรื่องกลุ่มทุนจีนสีเทา และ fake news ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาด้วย”

“ผมมั่นใจว่า ประเทศไทยมีความพร้อมและมีความปลอดภัยในการต้อนรับนักท่องเที่ยวครับ”

 

ทันทีที่ถึงซานฟรานซิสโก สหรัฐ นายกฯ ก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน โดยระบุว่า เรื่องส่วยและส่วยทางหลวง ได้คุยกับ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทราบว่าที่จริงหายไปแล้วประมาณ 80% แต่ยังมีบางส่วนที่เหลืออยู่บ้าง ในกรุงเทพฯ ยอมรับว่ายังมีอยู่บ้าง แต่เนื่องด้วยด่านชั่งน้ำหนักในกรุงเทพฯ มีน้อย ต้องมีการจัดการกันไป พร้อมยืนยันว่าเรื่องนี้ต้องดีขึ้นแน่นอน

ส่วนกรณีที่ผู้ว่าการ ททท.ระบุถึงรัฐบาลมีแนวคิดให้ตำรวจจีนลาดตระเวนเมืองท่องเที่ยวหลักและเมืองรอง นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ถึงอย่างไรตำรวจไทยต้องเป็นคนดูแล แต่ถ้ามีความร่วมมือเกิดขึ้นในแง่ของการประสานข้อมูลกับทางตำรวจจีนเชื่อว่าจะให้ความมั่นใจกับนักท่องเที่ยวจีนมากขึ้น ไม่ได้หมายความว่ามีตำรวจจีนมาเดินบนถนนเมืองไทย คงเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาด ยืนยันไม่มีการสั่งการ เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย

ปัญหาดังกล่าวเหล่านี้ ย่อมทำให้นายกฯ เศรษฐา เหนื่อยเป็นธรรมดา เพราะต้องแบกปัญหามากมายสารพัด ตั้งแต่เรื่องส่วยรถบรรทุก หมูเถื่อนที่แก้ไม่เคยสำเร็จ รวมถึงดราม่าตำรวจจีน

เมื่อนายกฯ เริ่มหลงรักการเมืองแล้ว จำเป็นที่จะต้องอดทนและแก้ปัญหาบนเงื่อนไขเวลาที่เหลืออยู่ไม่มาก