33 ปี ชีวิตสีกากี | ตำรวจใช้กลวิธีสะกดรอยรถยังไง?

พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์

ในระหว่างที่เรากำลังติดตามผู้ต้องสงสัย อาจมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น ดังนั้น เมื่อจุดเคลื่อนไหวไป อาจขึ้นรถเมล์ แท็กซี่ ขึ้นเครื่องบิน เราจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร

1. ผู้ถูกติดตามเข้าไปในอาคารร้านโรง (อาจเป็นได้ถึง 3 ลักษณะ คือ อาคารร้านโรงขนาดเล็ก กลาง ใหญ่)

– ถ้าอาคารร้านโรงเป็นขนาดเล็ก หมายถึง ร้านที่ขายของชำ หรือของเบ็ดเตล็ดเล็กๆ น้อยๆ คูหาเดียว สิ่งที่ต้องคำนึง ถ้าหมิ่นเหม่ต่อการรู้ตัวก็ไม่ควรที่จะเข้าไป แต่ควรจะเข้าได้ กรณีที่ไม่รู้ตัว การเข้าก็เข้าไปคนเดียว และอีกคนเฝ้าสังเกตหน้าร้าน คอยสังเกตดูว่า จุดเข้าไปทำอะไรในร้าน และอีกคนอยู่ฝั่งตรงข้ามก็สังเกตว่าจุดจะเข้าไปทำอะไรเช่นกัน เมื่อจุดออก ผู้ติดตามคนตรงข้ามก็เฝ้าติดตาม

– ถ้าอาคารร้านโรงขนาดกลาง เช่น ร้านกาแฟ ร้าน 2 คูหา กรณีเช่นนี้เราเข้าไปในร้าน 1 คน อีกคนคอยข้างนอก

– ถ้าอาคารร้านโรงขนาดใหญ่ เช่น เซ็นทรัลดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ให้เข้าไปทุกคนเลย แล้วสังเกตจุดว่าเข้าไปทำอะไร บางทีจุดอาจจะเอาไมโครฟิล์มเล็กๆ ใส่ลงในสินค้า แล้วให้พรรคพวกมาซื้อเอาไป ซึ่งเป็นรหัส สัญญาณต่างๆ ซ่อนอยู่ภายในนั้น

วิธีมองจุดอย่ามองตรงๆ ให้ชำเลืองมอง หรือมองจากตู้โชว์สินค้า มองจากกระจกภายในร้าน

2. ผู้ที่ถูกติดตามเข้าไปในร้านอาหาร ต้องดูว่า จุดนั่งอยู่ที่ไหน เราก็เลือกจุดที่นั่งที่หลังจุด หรือมุมหนึ่งมุมใด ที่เห็นการเคลื่อนไหวของจุด ต่อจากนั้นก็ดูว่า จุดสั่งอาหารอะไร เราก็สั่งอาหารที่เหมือนๆ กัน โดยให้เร็วพอๆ กัน ไม่สั่งอาหารปริมาณมากกว่าจุด เป็นอาหารที่กินได้เร็ว ระหว่างนั้น สังเกตดูว่า มีใครมาติดต่อกับจุดบ้าง มีใครมาส่งของให้แก่กันบ้าง การจ่ายเงิน ควรจ่ายก่อนจุดเล็กน้อย จ่ายเงินแล้วไม่ต้องรอทอน เดินตามออกไป เปลี่ยนตำแหน่ง ให้คนอื่นเดินตามต่อไป

3. ผู้ถูกติดตาม ขึ้นรถประจำทาง รถเมล์ ระวังผู้ถูกติดตามเช็กการเดินตาม โดยการแกล้งเดินขึ้นไปยืนบนบันไดรถ เวลาผู้ติดตามเดินขึ้นไป จุดก็กระโดดลงทันที ต้องแน่ใจว่า จุดขึ้นรถไปเรียบร้อยแล้ว จึงค่อยตามขึ้นไป ถ้าเราก้าวขึ้นรถไม่ทัน ให้จดเบอร์หมายเลขรถ สายไหน แล้วเรียกแท็กซี่ขับไปรอดักป้ายหน้าก่อน 2-3 ป้าย การขึ้นไปบนรถเมล์ ควรสังเกตถ้ามีที่นั่งว่าง ไปนั่งทางเบื้องหลังหรือแถวเดียวกับจุดก็ได้ ถ้ามีคนตามหลายคน ไม่ต้องตามขึ้นไปหมด ที่เหลืออาจขึ้นรถแท็กซี่ตามไปก็ได้

4. ผู้ถูกติดตามขึ้นรถแท็กซี่ ถ้าเห็นจุดขึ้นรถแท็กซี่ ถ้าบริเวณนั้นมีรถแท็กซี่ ก็ขึ้นแท็กซี่ตามไป ถ้ามีรถส่วนตัวก็ขับตามไป แล้วรีบจดวัน วันที่ เวลา สถานที่ที่จุดขึ้นรถแท็กซี่ไป พร้อมกับหมายเลขทะเบียนรถแท็กซี่นั้น เพื่อกันผิดพลาด จะได้ติดตามคนขับแท็กซี่คันนั้นมาสอบถามว่า ไปส่งจุดคนนั้นที่ไหน ส่วนสีสัน ชนิด ยี่ห้อรถ บริษัท สหกรณ์ใด ถ้าจำได้ก็จดไว้ด้วย

5. ผู้ถูกติดตามไปพูดโทรศัพท์ในห้องพูดโทรศัพท์สาธารณะ เดินทางเข้าไปทำทีจะพูดโทรศัพท์ด้วยเหมือนกัน สังเกตว่าจุดหมุนหมายเลขอะไร หูฟังด้วยว่าพูดอะไรบ้าง จับใจความ จับประเด็นให้ได้

 

6. ถ้าผู้ถูกติดตามโดยสารรถไฟ เรือ เครื่องบิน หรือรถประจำทางสายไกล ขั้นแรกเราจะต้องสังเกตให้รู้ว่า จุดที่มาส่งมีใครมาส่งกันบ้าง นอกจากพวกที่มาส่งกันแล้ว ยังมีพวกมารับกันด้วย ว่ามีการให้สัญญาณกันด้วย ต่อไปดูสัมภาระหีบห่อที่เอามา มีมากน้อยเพียงใด สังเกตดูการถือ การแบก การหาม การยึดของสัมภาระ

ต้องให้รู้ว่า จุดจะเดินทางไปที่ใด จุดก็ไปตีตั๋วโดยฟังดูว่า จะเดินทางไปปลายทางที่ไหน ถ้าฟังไม่ถนัด ก็ชำเลืองดูว่าที่นั่งเลขที่อะไร เท่าไหร่ หรือรู้แน่นอนแล้วก็รายงานให้กองบัญชาการทราบว่าจุดจะไปที่ใด แล้วต้องการทราบว่า จุดจะไปที่ใด จะให้ติดตามหรือไม่

การที่จุดไปเครื่องบิน ก็รายงานให้ทราบว่า จุดจะไปที่หมายใด และรอคำสั่งว่าจะให้ติดตามหรือไม่

7. ถ้าผู้ถูกติดตามเข้าไปในโรงภาพยนตร์ สนามม้า หรือสนามมวย การตามก็ตามเข้าไปทุกคน โดยให้ซื้อบัตรเช่นคนธรรมดา ห้ามใช้บัตรตำรวจ เมื่อเข้าไปก็แยกย้ายกันนั่ง เวลาไฟดับอาจส่งข่าวกัน กรณีที่ตั๋วหมด ก็ยืนคอยจนกว่าหนังหรือม้าจะเลิก ถ้ามีการตีตั๋วล่วงหน้า ก็ต้องยืนคอย

8. ผู้ถูกติดตามหรือจุดมีการพบปะ หรือติดต่อกับบุคคลอื่น วิธีปฏิบัติก็คือเราสังเกตตั้งแต่ศีรษะจนถึงเท้า ดูใบหน้า ดูคิ้ว ดูปาก ฯลฯ คือ ดูตำหนิรูปพรรณ ดูเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัว ถ้าจะจดไว้เพื่อกันลืม แล้วดูท่าที ที่ทักทายปราศรัยกัน แต่ถ้าสมมุติว่าเราเข้าไปใกล้ๆ ได้ โดยทำทีเป็นซื้อของแถวนั้น แล้วฟังดูว่า เขาคุยสนทนากันเกี่ยวกับเรื่องอะไร และถ้าเราจะสามารถถ่ายรูปได้ก็ยิ่งดี เราจะต้องจดวันเวลา สถานที่ ที่จุดนัดพบ เมื่อแยกกัน ก็ให้คนใดคนหนึ่งติดตามจุดต่อไป

9. ผู้ถูกติดตามเข้าพักโรงแรม ก็ควรจะตามเข้าไปถามเสมียนโรงแรมหรือผู้จัดการว่า เขาพักห้องเบอร์อะไร ชั้นอะไร และเข้าไปทำความสนิทสนมกับผู้จัดการ เพื่อที่เราจะได้ห้องพักที่ใกล้กับจุด ตรงข้ามกับจุด หรือขออนุญาตดักฟังการสนทนาของจุดกับตคนภายนอก ที่เคาน์เตอร์ หรืออาจจะขอกุญแจห้องของจุดจากผู้จัดการ ไว้สำหรับเปิดเข้าไปค้นห้องของจุด เมื่อจุดออกไปข้างนอก เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ที่ใช้ในทางจารกรรม อาจจะใช้ไมโครโฟนไปติดตั้งในห้องของจุดพักอยู่ ซึ่งมีความไวมาก และซ่อนไว้มิดชิด

10. เมื่อหลงหรือพลาดจากผู้ติดตาม คือ จุดหลุดจากสายตาเราไป เมื่อจุดอาจรู้ตัวว่าถูกติดตาม หรืออาจเกิดจากความเหม่อของเรา ต้องระงับใจไม่ตื่นเต้น ลุกลี้ลุกลน คอยเหล่สายตามอง แล้วจดบันทึกไว้ แล้วแจ้งผู้บังคับบัญชาให้ทราบว่าจุดหลุดการติดตาม ไปที่ตำแหน่งไหน แล้วรอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาอีกทีทิ้งคนไว้หนึ่งคนตรงตำแหน่งนั้น แล้วค่อยติดตามไปที่อื่น

 

11. ผู้ถูกติดตามเข้าไปในบ้านพักเป็นที่ส่วนตัวของบุคคล กรณีนี้เราอย่ายืนอยู่หน้าบ้าน ให้เดินผ่านไปเลย อย่าเดินเร็วให้เดินช้าๆ สังเกตมองดูว่า บ้านเลขที่เท่าไหร่ ชื่อบ้านอะไร แล้วไปสืบสวน หาข่าวเพิ่มเติมว่า บ้านนั้น เลขที่ แขวง อำเภอ ตำบลอะไร จากสำมะโนครัวที่อำเภอ การห้ามไปยืนอยู่บริเวณหน้าบ้านนั้นเพราะอาจถูกจุดรู้ตัว หรือแอบมองออกมาจากภายในบ้าน

12. ผู้ถูกติดตามทิ้งจดหมายลงในตู้ไปรษณีย์ ปกติในตู้ไปรษณีย์ จะมีจดหมายคนอื่นๆ มากมาย หรือในปัจจุบันอาจมีถุงพลาสติกเพื่อสะดวกในการขนย้าย แต่ของจุดนั้นจะอยู่ด้านบน เมื่อเป็นดังนั้น ให้เราทิ้งกระดาษหนังสือพิมพ์ หรือกระดาษแข็งทิ้งลงไป กระดาษหนังสือพิมพ์จะคลุมจดหมายนั้นไว้ แล้วให้เราจดว่าตู้ไปรษณีย์นี้ตู้เท่าไหร่ จับวันเวลาสถานที่ อยู่ตรงไหน และให้เรารายงานให้ศูนย์ทราบ ศูนย์จะติดต่อเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์มายังเราและเราก็เอาจดหมายนั้นมาได้ เมื่อเราใช้วิธีการเปิดซองนั้นออก และถ่ายภาพสำเนาไว้ เมื่อเรารู้ข้อความในจดหมายนี้แล้ว เราจะเอาข้อความนี้มาใช้ยันศาลไม่ได้ เพราะเราได้มาโดยวิธีการไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นการหาข่าวเท่านั้น

13. ผู้ถูกติดตามทิ้งเศษกระดาษหรือสิ่งของ และการกระทำนั้นอาจจะเป็นการเช็กเราก็ได้ว่า ถ้าเราผลีผลามเข้าไปเห็น เราก็อาจถูกมองได้จากเพื่อนที่ตามเรามาด้วย หรือการทิ้งแบบนี้อาจเป็นการให้สัญญาณพวกเดียวกันกับจุดรู้ก็ได้ หรือเป็นการทิ้ง เพื่อให้พวกมันมาเก็บซึ่งในกระดาษนั้นอาจจะมีข้อความต่างๆ ได้ เราต้องดูว่ามันทิ้งเพื่อวัตถุประสงค์อะไร และต้องดูว่าไม่มีใครมองดูเรา เราก็ต้องทำทีว่าของหล่นลงไปและเก็บเอากระดาษนั้นขึ้นมาด้วย ถ้าเป็นหีบห่อต้องระวังให้มาก เพราะอาจเป็นระเบิดก็ได้

14. ผู้ถูกติดตามรู้ตัวผู้ติดตาม ถ้าระหว่างติดตามจุดรู้ตัวโดยการเช็กบ่อยๆ เราจะต้องหาทางหลีกเลี่ยง หรือหลอกให้เราไปยังพรรคพวกของจุด ทำร้ายเราได้ เราต้องระมัดระวังติดตามห่างๆ หรือเลิกติดตามในวันนั้น หรือให้คนอื่นแทนเรา

15. ผู้ถูกติดตามหรือเป้าหมายที่ฉลาด อาจจะแกล้งส่งกระเป๋าเอกสารมอบไว้กับพรรคพวก เพื่อเบนความสนใจของเรา ทำให้จุดสามารถหลีกหนีไปได้ ซึ่งเราจะต้องไม่ละทิ้งจากเป้าหมายโดยเด็ดขาด

ให้ดูทั้ง 15 ข้อนี้อย่างดี กับการเขียนรายงาน การสะกดรอยติดตาม

 

วิธีป้องกันไม่ให้ผู้ถูกติดตามหรือจุดรู้ตัว หรือสังเกต จดจำ ตัวผู้สะกดรอยติดตามได้ ให้ปฏิบัติ ดังนี้

1. อย่าแสดงอาการตื่นเต้น ลุกลี้ลุกลน หรือสนใจเคร่งเครียดจนเกินไป เพราะกิริยาอาการเหล่านี้จะทำให้ เป็นที่เพ่งเล็งแก่พรรคพวกของจุดหรือคนอื่นที่พบเห็น

2. เมื่อจุดหรือผู้ถูกติดตามหยุดแล้วเหลียวมองมาเบื้องหลัง หรือมองมารอบๆ ตัว เราจะต้องไม่หยุดชะงัก ขณะนั้นเรากำลังเดิน เมื่อทำอะไรอยู่ ก็ทำต่อไปตามปกติอย่าหันหลังกลับ หรือเดินย้อนกลับมาเป็นอันขาด จนกว่าจุดจะหายสงสัย

3. การดูรูปผู้ถูกติดตาม ควรใช้วิธีลอบชำเลืองมอง อย่าไปใช้วิธีเพ่งจ้องมองหน้า ให้เขารู้ตัว หรือวิธีดูอย่างอื่น เช่น ให้ดูจากภาพสะท้อนกระจกตามร้านค้า เจาะรูหนังสือพิมพ์ หรือก้มลงผูกเชือกรองเท้าแล้วมองรอดใต้แขน

4. เมื่อบังเอิญคลาดสายตาไปจากผู้ถูกติดตามชั่วขณะ การสอดส่ายสายตาเพื่อมองหานั้น อย่าสอดส่ายสายตาอย่างมีพิรุธ ต้องกระทำอย่างธรรมดา

 

วิธีตรวจสอบของผู้ถูกติดตาม จุดที่ฉลาดต้องหวาดระแวง สงสัย อยู่ตลอดเวลา เมื่อเดินไปไหนมาไหน ต้องมีการตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา วิธีการตรวจสอบมีดังนี้

1. ขณะเดินอยู่ หยุดลง แล้วรีบมองดูคนที่เดินมาเบื้องหลังทันที

2. รีบมองไปรอบๆ ตัวบางโอกาส

3. ทำขึ้นรถประจำทาง แล้วรีบโดดลงมาเวลารถจะออก

4. ทำเป็นเดินย้อนทางแล้วกลับทางเดินต่อไป

5. ขึ้นไปนั่งในรถประจำทาง ชั่วเดี๋ยวเดียวแล้วรีบลงมา

6. ขึ้นรถแท็กซี่วนเวียนตามถนนบางตอน

7. เข้าไปในอาคารร้านโรง แล้วตรงออกไปทางประตูอื่นจากอาคารนั้นทันที

8. แกล้งหยุดชะงักทันที เมื่อเลี้ยวมุมถนน

9. ใช้พวกคนคอยติดตามสังเกต

10. แอบมองที่ภาพสะท้อนในกระจกหน้าร้านต่างๆ

11. ทำเป็นเดินช้าๆ บ้าง เร็วบ้าง สลับกัน

12. แกล้งทำเศษกระดาษให้หล่นลง แล้วหยุดดูผู้หยิบขึ้น

13. ทำเป็นหยุดก้มลงผูกเชือกรองเท้า แล้วกวาดตาโดยรอบเบื้องหลัง

14. จัดให้พรรคพวกของตนเข้าไปอยู่ในร้านโรง อาคารร้านค้า ร้านเหล้า หรืออื่นๆ เพื่อคอยแอบดูผู้ติดตาม

 

การติดตามสังเกตด้วยยานพาหนะ จะมีประสิทธิภาพหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ

1. ชนิดของยานพาหนะที่นำมาใช้ คือ มีประสิทธิภาพเหนือกว่าผู้ถูกติดตาม

2. มีความคล่องตัว กับพื้นผิวจราจรบริเวณนั้น

3. ความแนบเนียนปกปิดไม่ให้ผู้ถูกติดตามรู้ตัว คือ ไม่เป็นที่สะดุดตา ปกปิดเครื่องอุปกรณ์ต่างๆ

4. ความสามารถในการตรวจสอบของผู้ถูกติดตาม ถ้าสูง การติดตามของเราก็ไม่ได้ผล คือ ได้ผลน้อย

5. ถ้ารถเรามีคุณภาพดี รูปร่างหน้าตาของคนติดตาม ที่นั่งมาในรถต้องเหมาะสมกับรถ

การเตรียมการ

1. ยานพาหนะที่นำมาใช้ ควรเป็นแบบธรรมดา ที่ประชาชนทั่วไปนิยมใช้

2. สีของรถ ควรเป็นสีธรรมดาๆ ไม่สะดุดตา

3. อุปกรณ์เบ็ดเตล็ดภายนอก ไม่ควรจะให้สะดุดตา

4. พวกรูปลอกที่ติดตัวรถ ไม่ควรจะติดให้สะดุดตา หรือเป็นสัญลักษณ์ของหน่วยงานของราชการ

5. ถ้ามีรถใช้ตั้งแต่ 2 คันขึ้นไป ต้องใช้ต่างชนิดกัน และเบอร์อย่าให้เรียงกัน อาจใช้เบอร์ปลอมได้

6. ยานพาหนะไม่ควรเข้าไปในสถานที่ราชการ และเวลาจอดไว้ ก็เอาผ้าคลุม

7. ยานพาหนะของเราควรมีประสิทธิภาพสูงกว่าผู้ถูกติดตาม และจะต้องมีกล้องส่องทางไกล หรือกล้องถ่ายภาพยนตร์

8. เครื่องรับเครื่องส่งวิทยุประจำรถ ควรเป็นชนิดที่นอกจากติดต่อศูนย์บัญชาการได้แล้ว ควรติดต่อระหว่างรถต่อรถได้ด้วย สายอากาศก็ปิดหรือซ่อน ทำให้เหมือนเสาวิทยุทั่วๆ ไป

9. การติดตามควรใช้เจ้าหน้าที่อย่างน้อย 2 คน คือ ทำหน้าที่ขับรถอย่างเดียว อีกคนคอยสังเกต บันทึก

 

วิธีการติดตามด้วยยานพาหนะมี 5 วิธี

1. ติดตามสังเกตด้วยยานพาหนะคันเดียว ระยะห่างกันมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับความคับคั่งของยวดยานในถนนนั้น ถ้าคับคั่งอย่าปล่อยให้รถอื่นมาคั่นระหว่างรถจุดกับของเราเกินกว่า 2 คัน ระหว่างที่ขับ ควรจะเยื้องมาทางหลังด้านซ้าย เพื่อไม่ให้มองเห็นจากกระจกหลัง ถ้าอยู่ตามชนบท ก็ควรปล่อยให้เขาไปไกล แล้วสังเกตจากกล้องส่อง ข้อระวังเมื่อถึงทางเลี้ยว จุดเลี้ยวเข้าซอย และไฟที่ใช้ควรใช้ไฟต่ำ ไม่ควรใช้ไฟสูง

2. การติดตามด้วยยานพาหนะ 2 คัน ทำให้ปลอดภัยต่อการที่จุดจะรู้ตัว ทำให้เราสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกันได้ บางถนนที่มีทางขนานกัน เราก็แยกกันไม่ได้

3. การติดตามด้วยรถ 3 คัน ควรใช้มาก เพราะในถนนที่มีเส้นทางขนานกันหลายสาย และในกรณีที่รถคับคั่ง หรือป้องกันการที่ รถติดไฟแดง

4. การแอบแกล้งผู้ถูกติดตาม ในกรณีที่เราไม่แน่ใจว่ารถเราจะติดตามรถจุดได้ทัน เราต้องวิธีแอบแกล้ง ทำให้รถของจุดมีความเร็วลดลง โดยการก่อวินาศกรรมสถานเบา เราต้องรู้ว่า รถจุดไปอัดฉีดที่ไหน เราต้องติดสินบนให้กับเด็กที่ปั๊ม เพื่อทำให้รถวิ่งช้าลง โดยการไขหัวเทียน หรือทำให้น้ำมันเข้าคาร์บิวเรเตอร์น้อย หาอะไรไปอุดท่อไอเสีย หรือมองเห็นไม่ชัดในเวลากลางคืน เราก็เปลี่ยนไฟท้ายของจุดให้สว่างขึ้น

5. การใช้อุปกรณ์ทางเทคนิคในการติดตาม ควรใช้กล้องส่องทางไกล หรือกล้องถ่ายภาพเร็ว (Snap short) หรือใช้กล้องถ่ายภาพยนตร์ช่วย โดยปกติจะติดไว้หน้ารถคล้ายสปอตไลต์ และหน้ากล้องให้หมุนได้โดยรอบ และวิทยุเพื่อบอกตำแหน่งให้ทราบ และควรมีวิทยุกระเป๋า หรือวิทยุติดตัว ซึ่งสามารถติดต่อกันได้ หรือสามารถบันทึกเทปได้ด้วย