พายุแห่งอารมณ์ ‘ต้องเต’ สัปเหร่อ วิวาทะ ‘ซอฟต์เพาเวอร์’ อิหยังวะ ดราม่าการเมืองแบบไทยๆ

เป็นหนังไทยที่มาแรงแบบไม่คาดคิด แถมยังกวาดรายได้ไปกว่า 800 ล้าน สำหรับ “สัปเหร่อ” ภาคแยกจากไทบ้านเดอะซีรีส์ ผลงานการกำกับการแสดงโดย “ต้องเต-ธิติ ศรีนวล” ที่พาหนังอีสานขึ้นแท่นเป็นภาพยนตร์ที่กวาดรายได้มากที่สุดของวงการหนังไทยในตอนนี้

ที่น่าเซอร์ไพรส์คือหนังเรื่องนี้สร้างด้วยทุนเพียง 15 ล้านบาท แต่สามารถทลายกรอบผู้ชมที่เคยอยู่แค่ในกลุ่มคนอีสานออกมาสู่ชุมชนเมือง ไปจนถึงกระแสฟีเวอร์ทั่วประเทศได้สำเร็จ และยังมีคิวฉายในประเทศกลุ่มอาเซียนอีก 9 ประเทศ

ในช่วงที่หนังกำลังขึ้นหิ้งก้าวเข้าสู่ความสำเร็จรายได้ 500 ล้าน นายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” พร้อมด้วย “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ได้นำคณะรัฐบาลไปร่วมชม พร้อมยกให้เป็นซอฟต์เพาเวอร์ที่รัฐบาลจะสนับสนุน

ก่อนจะเกิดประเด็นดราม่าร้อนระอุ หลัง “ต้องเต ธิติ” ผู้กำกับฯ ได้มาร่วมงานเสวนา “จากจักรวาลไทบ้านสู่พลังอีสานสร้างสรรค์” พูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมอง การต่อยอด และส่งต่อพลังอีสานจากท้องถิ่นสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งจัดโดย ไทยพีบีเอส

โดยจุดที่เกิดดราม่านั้น มาจากคำตอบที่พูดคุยประเด็นเกี่ยวกับซอฟต์เพาเวอร์ช่วงหนึ่ง

ใจความว่า

 

“จริงๆ หนังของผมมันน่าจะเดินสุดได้แค่ประมาณนี้แหละครับ แต่ผมคาดหวังว่าเรื่องต่อๆ ไป ไม่ใช่เรื่องของผมนะครับ แต่หมายถึงเรื่องต่อๆ ไปในวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เพราะว่าเหมือนเราอาจสร้างปรากฏการณ์หรือเป็นกระแส จากกระแสที่ไม่มีคนพูดถึงกลายเป็นกระแสหลัก แล้วทำให้วงการภาพยนตร์ รู้สึกเอ๊ะ! และวงการอื่นๆ อย่างรัฐบาล เข้ามาเห็นเข้ามามองเห็นอย่างนี้”

“ซึ่งผมว่าถ้ามันมีเรื่องอื่นที่มันดี ที่มันมาพาเขาไป คือให้มาซัพพอร์ตจริงๆ หน่อย ไม่ใช่แค่มาถ่ายรูป คุณอาจจะไม่ได้เข้าใจหนังสัปเหร่อจริงๆ เลยก็ได้ แค่มาถ่ายรูปแล้วก็บอกว่า เอ้ย หนังสัปเหร่อเป็นซอฟต์เพาเวอร์อย่างนี้ อย่างตัวผมเองยังไม่รู้เลยว่า ซอฟต์เพาเวอร์มันคืออะไร ตอนผมทำนะครับ เอ้า มันเป็นซอฟต์เพาเวอร์ใช่หรอ ผมยังไม่รู้เลย ถ้าผมได้รู้หรือทำความเข้าใจว่า ซอฟต์เพาเวอร์มันคืออะไร หนังมันไปไกลกว่านี้”

“หนังมันมีซอฟต์เพาเวอร์จริงๆ แน่นอน ดังนั้นเลย ถ้ามันมีการพูดคุยหรือเสวนาในวงการที่คุณต้องการจะเอาซอฟต์เพาเวอร์ให้เผยแพร่ต่อต่างประเทศ จะพาเขาไปแบบนี้ ให้พาไปจริงๆ ไม่ใช่แค่หนังเรื่องนี้โกอินเตอร์ อย่างเช่น ไป 9 ประเทศนี้ก็ไม่ใช่เขาพาไปนะครับ ก็คือหนังมันไปเอง แล้วเราก็ไปขายเอง มันไม่ใช่รัฐบาลทำไง”

“อันนี้ก็พูดตรงๆ ครับ”

 

จากคำตอบดังกล่าว ทำให้กลายเป็นกระแสฮือฮาอย่างหนักในสังคมและในโลกออนไลน์ มีการวิพากษ์วิจารณ์ทั้งมุมที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะจากฝั่งสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าวอย่างร้อนแรง ไม่ว่าจะเป็น “หมออั้ม-อิราวัต อารีกิจ” ที่ออกมาโพสต์ข้อความท้วงติงคำพูดของต้องเตผ่านทางเฟซบุ๊กในทันที โดยระบุว่า

“ข้อแรก เพื่อไทย เขาเพิ่งเป็นรัฐบาลครับ ต้องเต

ข้อสอง ถ้าไม่ให้เขาถ่ายรูป หรือร่วมยินดีด้วย จะให้เขาเพิกเฉย หรือไม่สนใจเหรอ? ในฐานะรัฐบาล

ข้อสุดท้าย เออ ฟังบทสัมภาษณ์แล้ว สรุปว่าไม่เข้าใจคำว่าซอฟต์เพาเวอร์จริงๆ นั่นแหละ จะโกอินเตอร์ รู้ไหมต้องประสานกับอะไร จะไประดับนานาชาติ รู้ไหมว่าต้องผ่านหน่วยงานไหน ต้องผ่านกรมกองระหว่างประเทศ+งบสนับสนุนอย่างไร รัฐบาล+คณะรัฐมนตรี กระทรวงต่างๆ เขากำลังช่วย แล้วมาให้สัมภาษณ์แบบนี้ มันไม่ดีต่อภาพรวมเลย แต่ก็ตามสบายเลยครับ ถ้าคิดว่าดี”

ขณะที่รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี “นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ” ก็ได้ออกมากล่าวถึงประเด็นนี้ผ่านทาง X โดยทวีตข้อความระบุ “รัฐบาลเพิ่งได้เข้ามาเริ่มผลักดันนโยบาย #SoftPower และไม่ได้คิดจะเคลมผลงานใดๆ จากความสำเร็จของภาพยนตร์ #สัปเหร่อ ครับ แต่มีเจตนาที่จะสนับสนุน และชี้ให้เห็นตัวอย่างหนึ่งของผลงานที่มีคุณภาพ

ในฐานะคอหนัง ผมเป็นคนหนึ่งที่เข้าชมภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยความตั้งใจ และประทับใจผลงานด้วยใจจริง หวังอย่างยิ่งว่าในเร็วๆ นี้ ความสนใจและตั้งใจจริงของรัฐบาลชุดนี้ ที่จะสนับสนุนธุรกิจสร้างสรรค์แขนงต่างๆ ให้เติบโตและเป็นที่ยอมรับในวงกว้างขึ้น จะเห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วครับ”

และได้โพสต์เพิ่มเติมอีกว่า “การสนับสนุนอุตสาหกรรมโดยภาครัฐ ไม่ได้มีเพียงกลไกเอาเงินทุนไปให้ หรือไปช่วยประชาสัมพันธ์ แต่สิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ คือการดึงภาคเอกชนมาร่วมกันให้ข้อมูล ว่าการทำงานที่เป็นอยู่ ติดขัดปัญหาหรือข้อกฎหมายอย่างไร แล้วรัฐในฐานะผู้สนับสนุน จึงจะช่วยปลดล็อกข้อจำกัดต่างๆ เพื่อให้เอกชนได้ขยายศักยภาพของตนเองได้เต็มที่มากขึ้นครับ”

พร้อมโพสต์ภาพอินโฟกราฟิก นโยบาย THACCA หรือ Thailand Creative Content Agency ของพรรคเพื่อไทย ที่ผุดขึ้นมาเพื่อดูแลซอฟต์เพาเวอร์ของไทยโดยเฉพาะ

 

ด้าน “คำ ผกา” คอลัมนิสต์ชื่อดัง และผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยตัวยง ก็ได้แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน โดยเจ้าตัวได้โพสต์ข้อความระบุว่า

“ว่าด้วย soft power การที่ ผกก. สัปเหร่อบอกว่า ไม่รู้ ไม่ตั้งใจทำหนังเป็น soft power น้องเขาพูดถูกแล้วนะ พลังของ soft power คือถ้าเราตั้งใจจะทำมันจะไม่ใช่ มันจะไม่เป็น เรื่องของเรื่องคือ คนทำงาน ไม่ว่าจะแขนงไหน ก็ทำไปตาม passion ตามรสนิยมตัวเอง ส่วนมันจะมี power ขึ้นมาอย่างไร มันอยู่ที่ผู้บริโภค เสน่ห์ของ soft power คือ คนตกหลุมรักสิ่งนั้นๆ ด้วยองค์ประกอบที่ไม่สมบูรณ์แบบด้วย ส่วนการที่รัฐบาลจะ endorses การสร้างเศรษฐกิจจาก soft power คือเป็นการ endorses ด้วย เครื่องมือหรือกลไกรัฐที่จะสร้างเศรษฐกิจจากสิ่งเหล่านี้ โดยไม่เข้าไปครอบงำทางเนื้อหา แต่ facilitates สิ่งที่ขาด เช่น ทุน หรือโอกาส #สัปเหร่อ”

ขณะที่ “แมว-ประกิต กอบกิจวัฒนา” ครีเอทีฟชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก Prakit Kobkijwattana แสดงความคิดเห็นถึงประเด็นร้อนดังกล่าว กล่าวว่า

“นั่งดูอยู่ ต้องเตก็พูดถูกในงานสัมมนา ไม่เห็นมีอะไรเลย เขาอาจจะเรียบเรียงไม่ค่อยดี อาจมีถ้อยคำที่ไม่ถูกหูคนแก่ในพรรค ที่เขาพูดมันเป็นมุมมองจากคนทำงาน ผมแปลกใจนะพวกเพื่อไทยจะเต้นแร้งเต้นกา มองต้องเตเป็นศัตรูทำไม ทำให้นโยบายนี้เป็นนโยบายเทวดา คนห้ามพูดถึงห้ามวิจารณ์ แล้วในระยะยาวมันจะรอดเหรอ ทำไมไม่ฟังและก็เปิดกว้างให้เขาเข้ามาคุยดิ อยู่ดีๆ ก็ทำตัวเองเสียแนวร่วมทางวัฒนธรรมในอีสานไป ใจใหญ่ๆ ใจกว้างๆ ใจร่มๆ สิ”

“ส่วนนายแบกนางแบกที่ไปตามด่าต้องเต ยิ่งแย่ เฮ้อหนึ่ง พูดขนาดนี้ด่าเฮียซ้มได้เลยฮะ เฮ้อสอง ได้เวลาไปสอนหนังสือเด็กแล้ว”

 

ฝั่ง “ต้องเต ธิติ” ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ ทางช่องยูทูบของ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” โดยระบุว่าช่วงนี้ตนออกสื่อบ่อย อาจจะเรียบเรียงคำพูดไม่ค่อยถูก ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรยังไง อันนี้รุนแรงไม่รุนแรง แค่พูดจากใจจริงและความรู้สึกจริงๆ แต่บางคำพูดมันอาจดูรุนแรงไป อยากจะขอโทษ ไม่อยากให้เกิดดราม่าและไม่อยากให้เกิดการขัดแย้งใดๆ

มองมาที่ผู้คนในโลกออนไลน์ ฝั่งที่เห็นด้วยกับคำพูดของต้องเต ก็ออกมาสนับสนุนพร้อมตั้งคำถามกลับว่าสิ่งที่พูดนั้นผิดตรงไหน หากรัฐบาลจะผลักดันเป็นซอฟต์เพาเวอร์จริงก็ต้องเข้าใจในซอฟต์เพาเวอร์อย่างถ่องแท้ให้ได้ก่อน

พร้อมยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างประเทศเกาหลีใต้ ที่มีอุตสาหกรรมความบันเทิงทั้งซีรีส์และ K-Pop เป็นจุดแข็งอยู่แล้ว แต่เขายังสอดแทรกสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศ อาหาร เครื่องดื่ม เข้าไปในซีรีส์ จนทำให้คนดูทั่วโลกสนใจ แห่ไปเที่ยวและกินอาหารอย่างกิมจิ โซจู มักกอลลี จนกลายเป็นซอฟต์เพาเวอร์ที่แข็งแกร่งของประเทศ สอดแทรกอยู่ภายใต้สื่อความบันเทิง

ดราม่าครั้งนี้สะท้อนให้เห็นความจริงที่ว่า ประเทศไทยยังขาดความเข้าใจในเรื่องซอฟต์เพาเวอร์อย่างมาก และการจะไปถึงจุดนั้นได้ต้องใช้ทั้งเวลาและความเข้าใจที่ถูกต้อง หรือจะสะดุด หยุดอยู่ที่มายาคติ ใส่แว่นตาการเมือง