ห่างหายกันนานเกือบจะสองปีเต็มกับลำโพงค่ายนี้ เนื่องเพราะจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ได้อยู่ด้วยกันเป็นเรื่องเป็นราว ก็เมื่อช่วงต้นปีก่อน จับพลัดจับผลูย่างเข้าไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ได้มีโอกาสอยู่กับลำโพงค่ายนี้เป็นส่วนตัวอยู่นานพอประมาณอีกหน แต่ถึงแม้จะเป็นต่างวาระ และต่างรุ่น เมื่อถึงบรรทัดสุดท้ายของผลลัพธ์แล้ว ก็กลับลงเอยคล้ายๆ กัน คือทิ้งความประทับใจเอาไว้ให้ก่อนจากกันไป

ลำโพงของค่ายที่ว่าก็คือแบรนด์ Acoustic Energy ที่เพิ่งจะได้ชื่อหรือพูดได้เต็มปากเต็มคำว่ากลับมาเป็น ‘ลำโพงอังกฤษ’ (อีกหน) ก็เมื่อสักห้าหกปีที่ผ่านมานี้เอง

ที่บอกเช่นนั้นก็เป็นเพราะเรื่องของเรื่องมันมีที่มาที่ไปอย่างนี้ครับ…

 

AE หรือ Acoustic Energy แม้อายุงานในวงการอาจไม่เท่าแบรนด์ลายครามหลายๆ แบรนด์ เพราะเพิ่งผ่านร้อนผ่านหนาวมายังไม่ถึงสี่ทศวรรษดี แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์ลำโพงที่โลดแล่นอยู่ในวงการอย่างมีสีสันไม่น้อย และได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตลำโพงระดับ World Class มาตั้งแต่ยุคแรกๆ

โดยลำโพงของค่ายนี้มิเพียงเป็นที่ยอมรับกันมากในสตูดิโอบันทึกเสียงเท่านั้น หากยังเป็นที่แพร่หลายนิยมชมชอบในหมู่คนเล่นเครื่องเสียงอย่างมากอีกด้วย ด้วยความเที่ยงตรงของน้ำเสียงที่กอปรเข้ากับเสน่ห์เสียงอันเป็นบุคลิกเฉพาะตัวอย่างน่าฟังยิ่ง

ทำให้นอกจากจะเป็นที่ชื่นชมของนักวิจารณ์และสื่อทางด้านนี้แล้ว ยังได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งนวัตกรรมเชิงนี้ทั้งในแง่ของการรังสรรค์วัสดุ และการคิดค้นทางด้านการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาประสานใช้ในการออกแบบได้อย่างลงตัว

AE นั้นแต่เดิมชื่อ Eldonfield Limited แจ้งเกิดที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อปี ค.ศ.1987 โดย Phil Jones ผู้หลงใหลในเรื่องของเสียงและดนตรีมาแต่อ้อนแต่ออก เนื่องเพราะมีคุณพ่อเป็นนักดนตรีอยู่ในวง Big Band

ขณะที่ตัวเขาเองนั้นเวลาส่วนใหญ่ก็ง่วนอยู่กับเรื่องพวกนี้ โดยเริ่มลงมือประกอบวิทยุ AM มาตั้งแต่เก้าขวบ หลังจากเริ่มเรียนรู้เรื่องราวทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ได้ไม่นาน

 

หลังจากก่อตั้งบริษัทขึ้นมาได้ไม่นานปี ก็เข้าสู่ยุคทองของวงการเครื่องเสียง Hi-Fi ซึ่งอยู่ในช่วงปลายทศวรรษที่ 80s ไปยันทศวรรษที่ 90s ได้มีทุนนอกเข้ามาร่วมเป็นหุ้นส่วนในบริษัทด้วย ก็เลยย้ายฐานการผลิตออกไปนอกอังกฤษมาทางด้านแถบเอเชียเราในลักษณะ OEM : Original Equipment Manufacturer ด้วย ขณะที่บางส่วนโดยเฉพาะฐานบัญชาการหลักยังคงอยู่ในอังกฤษ

และเป็นช่วงนั้นเองที่เสมือนเป็นการ ‘ติดปีก’ ให้กับ Acoustic Energy เพราะมีเงินทุนมาสนับสนุนทำให้สามารถออกแบบและผลิตนานาผลิตภัณฑ์ออกมาได้มากมาย ด้วยมีความเชี่ยวชาญและช่ำชองทางด้านวิทยาการเชิงนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตบางสินค้าออกมาแบบเป็นครั้งแรกของโลกอีกด้วย อาทิ ลำโพง Bluetooth และเครื่องรับวิทยุ Wi-Fi Internet เป็นต้น

เมื่อธุรกิจอุตสาหกรรมขยายตัว ก็ต้องขยับขยายไปสู่ที่ทางใหม่ที่กว้างขวางกว่าเดิม เลยย้ายถิ่นฐานออกจากกรุงลอนดอน ไปยังเขตแถบเมืองเก่าที่รู้จักกันในชื่อ Cotswold Town ที่ปัจจุบันได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มเมืองทางด้านการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งของสหราชอาณาจักร โดยอยู่ที่ Cirencester ซึ่งเป็นเมืองหลักของย่านนี้

หลังจากออกไปโลดแล่นท่องยุทธจักรอยู่ในมือของทุนใหม่ (ซึ่งเป็นบรรษัทข้ามชาติจากแถบอุษาคเนย์นี่ละ) มาตั้งแต่ทศวรรษที่ 90s ปัจจุบันลำโพงแบรนด์นี้ได้กลับมาอยู่ในมือของคนอังกฤษล้วนๆ อีกหน เป็นการคืนกลับสู่มาตุภูมิเมื่อเกือบหกปีที่ผ่านมานี้เอง คือตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ.2017 เป็นต้นมา

โดยการกลับมาครั้งนี้เกิดจากบรรดาฝ่ายบริหารของบริษัทกลุ่มหนึ่งที่เป็นชาวสหราชอาณาจักรทั้งหมด ได้ร่วมกันลงขันซื้อหุ้นส่วนใหญ่คืนมาครับ

กล่าวให้รู้จักกันพอเป็นสังเขปได้ว่าลำโพงรุ่นแรกที่เมื่อเปิดตัวออกมา และทำให้ชื่อของ Acoustic Energy กระฉ่อนวงการในทันทีก็คือ Model AE1 เพราะได้รับการกล่าวขานถึงอย่างมาก ว่าเป็นลำโพงแบบวางหิ้งซึ่งใช้งานประกอบขาตั้งที่สามารถให้น้ำเสียงออกมาได้อย่างเลอเลิศในระดับต้นๆ ของลำโพงยุคนั้น ได้รับการยกย่องว่า – เป็นลำโพงที่ทำลายทุกกฎเกณฑ์ซึ่งเคยเป็นข้อจำกัดของลำโพงเล็กให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง และได้กลายเป็นลำโพงระดับตำนานของวงการมาจนทุกวันนี้

Acoustic Energy AE1 นอกจากจะได้รับรางวัลจากสื่อต่างๆ มากกว่ามากแล้ว ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน Best British Speakers of All Time อีกด้วย และเมื่อคราวครบรอบสามทศวรรษของแบรนด์ในปี ค.ศ.2016 ได้มีการผลิตลำโพงรุ่นพิเศษออกมา คือ AE1 Classic Limited Edition โดยผลิตออกมาเพียง 100 คู่ เพื่อเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของ AE1

และวางจำหน่ายในราคาคู่ละ 1,295 ปอนด์

 

นับแต่ออกสู่ตลาด, ลำโพงของ AE มีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง และได้รับเสียงชื่นชมตามมาไม่ขาดสายเช่นกัน โดยเฉพาะกับสื่อชั้นนำของสหราชอาณาจักรทั้ง What Hi-Fi?, Hi-Fi Choice และ Home Cinema Choice ต่างชื่นชอบและยอมรับในคุณภาพเสียงของลำโพงค่ายนี้มาโดยตลอด

รวมทั้งรุ่นหลังๆ อย่าง Model AE100 ที่เป็นลำโพงเล็กแบบ Compact Bookshelf Speaker ซึ่งให้น้ำเสียงที่มีความยอดเยี่ยมและโดดเด่นอย่างมาก ทำให้ได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะในแง่ของลำโพงที่มีความคุ้มค่าสูง

ปัจจุบันเมื่อสักปีสองปีที่ผ่านมาได้พัฒนาเป็น Model AE100 Mk2 ขายในบ้านเราราคาประมาณหมื่นหนึ่งเท่านั้นเอง ซึ่งยังคงให้ความคุ้มค่าสูงเช่นเดิม

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Acoustic Energy จะมีชื่อ ชั้น จัดอยู่แถวหน้าๆ ของยุทธจักรลำโพง โดยเฉพาะทางแถบยุโรปมาเกือบสี่ทศวรรษ

ทว่า กับในบ้านเราแล้ว ก่อนนี้ไม่เป็นที่รู้จักกันสักกี่มากน้อย เนื่องเพราะไม่ได้มีการทำตลาดมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยมีการเปลี่ยนมือตัวแทนผู้นำเข้าเป็นช่วงๆ ก็เลยไม่มีขาประจำสักเท่าไรนัก

ด้วยเหตุไม่มั่นใจในการยืนระยะของผู้นำเข้า อันนำไปสู่เรื่องสำคัญของผู้บริโภคซึ่งก็คือบริการหลังการขายนั่นเอง

 

แต่เวลานี้นักเล่นบ้านเราวางใจกับแบรนด์นี้มาได้สักระยะแล้วล่ะครับ

สักระยะที่ว่าก็น่าจะร่วมห้าปีเห็นจะได้ ที่ลำโพงค่ายนี้กลับมาในตลาดบ้านเราอีกครั้ง

ซึ่งการมาหนนี้เป็นการนำเข้าโดยมือเก่าระดับเก๋าของวงการ เพราะทำการค้าโลดแล่นอยู่ในยุทธจักรนี้มากว่าสี่ทศวรรษแล้ว

และกำลังเดินหน้าสู่หลักไมล์ครึ่งศตวรรษของธุรกิจแขนงนี้อย่างมาดมั่น ทั้งยังไม่ได้ผลัดใบแบบส่งไม้ต่อกันอย่างเต็มไม้เต็มมือแต่อย่างใด

เพราะหนึ่งในสองของหัวเรือใหญ่ยังคงคัดท้ายองค์กรอยู่อย่างมั่นคง ซึ่งเป็นจักรกลสำคัญที่ทำให้ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำเข้าที่มีความรับผิดชอบในเชิง After Sale Service ระดับเบอร์ต้นๆ ของวงการบ้านเรามาตั้งแต่ยุคแรกๆ ที่เริ่มต้นกิจการแล้ว

จนตราบถึงทุกวันนี้ก็ยังคงได้รับความเชื่อมั่นในการที่ว่านั้นจากลูกค้าในระดับสูงเช่นเดิม

ก็เลยทำให้มั่นใจได้ล่ะครับ ว่ากลับเข้ามาบ้านเราเที่ยวนี้ AE น่าจะยืนระยะอยู่ได้อีกนับนานเลยทีเดียว

ส่วนที่มาขลุกอยู่กับผมหนล่าสุดเป็นรุ่นไหน น่าสนใจอย่างไร เที่ยวหน้าว่ากันต่อครับ •

 

เครื่องเสียง | พิพัฒน์ คคะนาท

[email protected]

สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj

— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022