33 ปี ชีวิตสีกากี | การสืบสวนโดยทางลับ ทำอย่างไร

พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์

 

สืบ และ สวน

พ.ต.ท.สำเริง โกมลเสน รอง ผกก.6 กองตำรวจสันติบาล สอนหัวข้อ การเขียนรายงาน

การเขียนรายงาน คือ การบันทึกข่าวสาร

ข่าวสาร (Information) หมายถึง เรื่องราว หรือเหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ หรือสิ่งที่เกิดขึ้น หรือกำลังเกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งเรื่องราวนั้นจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสถานที่ บุคคล วัตถุ และเหตุการณ์ต่างๆ อะไรก็แล้วแต่ หรืออีกนัยหนึ่งที่ชาวบ้านเรียกว่า NEWS (NORTH, EAST, WEST, SOUTH)

วัตถุประสงค์ของการเขียนรายงาน

เพื่อถ่ายทอดข่าวสารต่างๆ ซึ่งผู้เขียนได้ทราบมา เสนอให้ผู้บังคับบัญชา (หรือผู้ตรวจสอบ) ที่มาของข่าว หรือแหล่งข่าว (ลข.) SOURCE คือ ที่หรือสิ่งที่บอกให้เราทราบถึงสิ่งที่เราต้องการทราบ ลข. คือ ที่หรือสิ่งที่บอกให้รู้เรื่องราวที่เราต้องการ อาจเป็นคน, สัตว์, สิ่งของ, ที่บอกให้รู้เรื่อง เมื่อได้รับข่าวสารมาแล้ว ก็จะนำไปทำการกลั่นกรองออกมา จนได้เป็นข่าวกรอง (Intelligence)

 

คุณลักษณะของรายงานที่ดี

1. Clarity มาจาก Clear คือ แจ่มแจ้งชัดเจน รายงานต้องเขียนให้ชัดเจน แจ่มแจ้ง ใช้ถ้อยคำง่ายๆ ไม่คลุมเครือ ไม่วนไปวนมา ถ้อยคำ ต้องเป็นถ้อยคำง่ายๆ แต่ไม่วกไปเวียนมา ศัพท์ตลาดไม่ควรใช้ เว้นแต่เป็นความสำคัญที่จะต้องเขียน คือ ถ้าไม่เขียน จะทำให้ความหมายผิดไป หากข้อเท็จจริงไม่แน่ชัดหรือคลุมเครืออยู่ ก็ต้องรายงานไปด้วยว่า ข้อเท็จจริงไม่แน่ชัด คลุมเครือหรือมีความหมายสองแง่สองมุมสามารถอธิบายเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกต้อง

2. Specification ต้องระบุลงไปให้แน่ชัดว่า Who ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร (ทำไม) การเขียนรายงานจะต้องตอบคำถามทั้ง 5 อย่างให้ได้เสียก่อน

ก. Who คือ บุคคลที่กล่าวถึงในรายงาน

ข. What คือ ทำอะไร

ค. When คือ เมื่อไหร่

ง. Where คือ ที่ไหน

จ. Why (How) คือ ทำไม (อย่างไร)

เพราะฉะนั้น รายงานที่สมบูรณ์ จะต้องมีหัวข้อเหล่านี้ให้ครบ

3. Accuracy การเขียนรายงานจะต้องเขียนขึ้นอย่างเที่ยงตรง ตามข้อเท็จจริงของเรื่องราวที่เกิดขึ้น การกำหนดเวลาต้องให้แน่นอน หากไม่แน่นอนต้องประมาณ บุคคล-สถานที่ ต้องเขียนถูกต้องตามตัวสะกดและการันต์ ระยะทางหรือทิศทาง ภูมิประเทศ ความกว้างยาวของวัตถุ ต้องเขียนให้ตรงกับที่เราได้มา

4. Completely ต้องเขียนให้สมบูรณ์ครบถ้วน คือ มีรายละเอียด สมบูรณ์ในเนื้อหา โดยเฉพาะรายละเอียด ที่เป็นสาระสำคัญของข่าว

5. Objectivity เขียนให้ตรงตามกิจกรรมที่แท้จริงของข่าว (วัตถุประสงค์) เขียนขึ้นโดยปราศจากความโน้มเอียงจากอารมณ์ หรือความนึกคิดของเราเอง หรือการเข้าข้างใดข้างหนึ่ง หรือเกิดจากอคติทั้ง 4

– ความลำเอียง เกิดจากความรักใคร่ชอบพอ (ฉันทคติ)

– ความลำเอียง เกิดจากความโกรธ, ไม่ชอบ (โทสคติ)

– ความลำเอียง เกิดจากความกลัว (ภยาคติ)

– ความลำเอียงเกิดจากความโลภ (โลภคติ)

เช่น ทหารสหประชาชาติจับทหารเวียดนาม และเปลี่ยนเสื้อผ้าจากขาดๆ เป็นเสื้อผ้าที่ดีเพื่อแสดงว่า สหประชาชาติมีคุณธรรม แต่เวียดนามปล่อยข่าวว่า สหประชาชาติเอาของมีค่าของทหารไป ซึ่งเป็นการโน้มเอียง ไม่ตรงตามกิจกรรมของข่าว

 

พ.ต.อ.เกษม แสงมิตร รอง ผบก.สันติบาล มาเป็นอาจารย์สอนในตอนเรียน

การสืบสวน มีคำจำกัดความตามความเห็นของ พ.ต.อ.เกษม ในทางสันติบาล

การสืบสวนมี 2 ตัว คือ สืบ กับ สวน

สืบ นั้นมีความหมายถึง คืบหน้าไปเรื่อยๆ มีการรับช่วงต่อๆ ไป เช่น การสืบทอดมรดก เป็นการได้มาเรื่อย ๆ หรือการทำอะไรที่ก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ เมื่อเราเริ่มทำการสืบสวนใหม่ๆ ยังห่างจากเป้าหมายมาก เมื่อสืบแล้วก็เข้าไปใกล้ชิดเป้าหมายมากขึ้น ลักษณะนี้เป็นลักษณะของคำว่า “สืบ”

และในระหว่างการสืบ จากจุดๆ หนึ่งไปสู่อีกจุดๆ หนึ่ง วนไปวนมา จุดนี้ไปจุดนั้น จุดโน้นมาจุดนี้ บางทีใช้เวลานานเป็นเดือนๆ บางทีจุดนี้ไปจุดโน้น สำเร็จภายใน 3 วัน บางทีก็ไม่ถูกต้องเลย ไปหลงเข้ารกเข้าพง และทำอย่างไรเราจึงจะไปสู่จุดที่ถูกต้อง อาการที่จากเล็กไปหาใหญ่ ก็เป็นสืบ จากสิ่งที่เราไม่มีเลย กำลังไปสู่การมีกำลัง หรือจากสิ่งๆ เดียวไปสู่หลายๆ สิ่ง

อย่างไรก็ตาม คำ สืบ คำเดียวยังไม่เหมาะ ไม่ได้ผล จะต้องมีคำว่า สวน เข้ามาแทน จึงจะทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพ

สวน คือ การทบทวน การตรวจสอบ จากสิ่งมากๆ ซึ่งอาจจะถูกหลอกให้หลงทาง เพื่อเราจะได้นำไปทำร้ายฝ่ายตรงข้าม อย่านึกว่าได้มากๆ แล้วจะดี ดังนั้น จึงต้องนำมาทบทวน ไตร่ตรอง ตรวจสอบ นอกจากนั้น ยังหมายถึง การนำเอามาเปรียบเทียบ ดังนั้น จึงเป็นการแปรความหมายตัดต่อ สนธิกันให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้น

 

การสืบสวน คือมี 2 วิธีใหญ่ๆ คือ

1. การแสวงหา เพื่อให้รู้ว่า สิ่งนี้คืออะไร โดยอาจใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ คน ดังนั้น จึงต้องรู้วิธีที่จะไปแสวงหาอีกด้านหนึ่ง คือ ไม่ต้องไปหา แต่มันมีอยู่แล้ว เพียงแต่เราไปรวบรวมเอาไว้ ปัญหาจึงอยู่ที่ว่า มันอยู่ที่ไหน เช่น การไปแสวงหาที่

– สมุดโทรศัพท์ มีชื่อที่อยู่

– แขวง ไปขอคัดทะเบียนสำมะโนครัว

2. สิ่งที่ต้องการมีอยู่แล้ว แต่ต้องรวบรวมสิ่งนั้นๆ มา ประเด็นสำคัญคือ สิ่งนั้นๆ อยู่ที่ไหน? เท่านั้น ซึ่งมีอยู่ 2 ที่

2.1 อยู่ในรูปของการบันทึกไว้ เช่น สถิติที่กรมที่ดิน, ร้านถ่ายรูป, กองตรวจคนเข้าเมือง, กองทะเบียน, รัฐวิสาหกิจ, บันทึกภาพ

2.2 บันทึกแล้วแต่ไม่เป็นรูปเป็นร่างหรือเป็นเสียง การไปหามาค่อนข้างยาก ได้แก่ การบันทึกไว้ในสมองคน เราต้องรู้ว่า ใครเป็นผู้บันทึกสิ่งเหล่านั้น

ข้อควรพิจารณา ในการสืบสวนบางครั้ง ถ้าทำตรงๆ ก็ได้ผล แต่ก็มีบ่อยครั้งที่ไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะฉะนั้น ข้อพิจารณาในที่นี้ คือ เรื่องใดควรกระทำตรงๆ เรื่องใดควรจะกระทำโดยทางอ้อม และในบางครั้งการไปสืบสวนโดยอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ก็ได้ผลดี บางครั้งก็ไม่ได้ผล หรือบางครั้งเราแต่งเครื่องแบบไปก็ได้รับความร่วมมือดี แต่บางครั้งก็ไม่ได้ผล

ความสัมพันธ์ส่วนตัวนั้น เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง ที่จะช่วยให้ได้มาซึ่งการสืบสวนที่ดี และการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลนี้ เราก็สามารถพึงทำได้กับประชาชนทั่วไป ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา และเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของผู้ที่จะเป็นนักสืบที่ดี

 

การสืบสวนโดยทางลับมีลักษณะพิเศษแตกต่างจากการสืบสวนในทางธรรมดาอย่างไร

ลักษณะทั่วไป หลักการพื้นฐานเหมือนกัน

แต่ลักษณะพิเศษในทางลับ คือ

1. ลักษณะของการปกปิด การซ่อนเร้น การอำพราง ปลอมแปลง ตกแต่งเกี่ยวกับสิ่งต่อไปนี้ คือ

1.1 ตัวบุคคลหรือหน่วยงานที่ทำการสอบสวน มักจะปกปิดว่าใครเป็นคนสอบสวน ซ่อนเร้น พูดอำพราง ทำการอำพรางต่างๆ บ้าง หรือบางทีปลอมแปลงตัวไปเลย เช่น ปลอมแปลงเป็นชาวนา บุรุษไปรษณีย์ หรือการตกแต่ง เช่น ใส่วิก หรือปลอมเป็นผู้หญิง แต่ทำเพื่อการสังเกตการณ์เคลื่อนไหว หรือหน่วยงานโดยการปิดไม่ให้รู้ว่ามาจากสันติบาล หรือทำงานที่ไหน

1.2 เครื่องมือ เครื่องใช้ หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการสืบสวน มีมากมาย เช่น สมุดดินสอ กล้องส่องทางไกล กล้องถ่ายรูป เทปใช้อัดเสียง รถยนต์ ยานพาหนะ มีการปกปิดซ่อนเร้น เช่น กล้องถ่ายรูป ซ่อนไว้ในกระเป๋า หรือสมุด แล้วใช้บีบหรือกดก็ถ่ายรูปได้ เป็นการต่อสายเข้าไปที่หูหิ้ว เรียกว่า บุมฟา วาย แองเกิล ยี่ห้อที่มีชื่อเสียง คือ มูฟเวมเดอร์ ของเยอรมัน การทำรถตู้เป็นรถบรรทุกแล้วคนเข้าไปอยู่สังเกตการณ์ หรือการทำรถเสีย เพื่อทำการอำพราง โดยรถเป็นตัวบังตา และบังพฤติการณ์ของเรา

1.3 วิธีการที่ใช้ดำเนินงาน หรือวิธีการที่ใช้ดำเนินการสอบสวน สามารถตบแต่งได้

1.4 จุดหรือสถานที่ที่ใช้ในการสืบสวน อาจใช้ศาลเจ้าเป็นสถานที่ หรือบนเพดาน บนต้นไม้ บ้านฝั่งตรงข้าม จุดที่ใช้ในการสืบสวน จะต้องทำการปกปิดซ่อนเร้น

1.5 วัตถุประสงค์หรือเป้าหมาย มักจะปกปิด แม้แต่ภรรยาที่บ้านก็ไม่บอกให้รู้

1.6 พวกแนวทาง เส้นทาง ทิศทาง จะต้องปกปิดซ่อนเร้น ถ้าฝ่ายตรงข้ามรู้ จะอ่านเราออกหมด ฉะนั้น จึงต้องปกปิด

1.7 การปกปิดผู้สนับสนุนและผู้ช่วยเหลือเรา จะต้องปกปิด และเมื่อเสร็จงานแล้วจะนำไปใช้ได้อีก ดังนั้น จึงควรปกปิดไว้ ทั้งก่อนและหลังทำงานเสร็จแล้ว ฯลฯ

2. มักจะมีการสร้างเงื่อนขึ้นปกปิดตนเองในการทำงานหรือหน่วยงาน cover story เพื่อให้สามารถทำงานได้

3. มีการกำหนดวิธีการที่จะเสแสร้งแกล้งทำต่างๆ หรือการทำเพทุบายต่างๆ เพื่อให้ตัวเองสามารถทำงานได้ เช่น ทำเป็นคนตาบอดบ้าง เรียกว่า Alibi คือ การเสแสร้งแกล้งทำ หรือการแกล้งทำเป็นคนหลงทาง

4. มักจะมีการใช้ code ใช้รหัส หรืออาณัติสัญญาณในการปฏิบัติงาน เช่น ล้วงกระเป๋า หมายความว่าอย่างไร ก้มลงผูกเชือกรองเท้า หมายความว่าอย่างไร หยิบแว่นตาออกมาเป่า หมายความว่าอย่างไร เป็นต้น

5. มีการใช้ตัวกลาง หรือ cut out มาก ในการปฏิบัติงาน เพราะคนหนึ่งทำเสีย คนอื่นๆ ที่เหลืออาจจะเสียหมดก็ได้ ดังนั้น จึงต้องใช้ cut out คือ ตัวกลาง ถ้าเกิดผิดพลาดไปคนหนึ่ง ที่เหลือก็ยังคงทำงานได้

6. มักจะต้องมีการตัดตอนของงาน ออกเป็นส่วนๆ หรือคนทำงาน แบ่งออกเป็นกลุ่มๆ แต่ละกลุ่มไม่รู้กัน เวลาเสียจะได้ไม่เสียทั้งหมด

7. มักจะต้องมีการใช้แหล่งข่าวหรือสายลับ เป็นศิลปะแขนงหนึ่ง