กวนเกษียรสมุทร (2) : บนปากเหวระบอบฮุน

อภิญญา ตะวันออก

อัญเจียแขฺมร์ | อภิญญา ตะวันออก

 

กวนเกษียรสมุทร (2)

: บนปากเหวระบอบฮุน

 

ช่างเป็น “ภาวะ” แห่งการทดลองของการเมืองกัมพูชา ที่ดูนิ่ง แต่กลับเหมือนคลื่นพายุแห่งความวิบัติ อย่างเห็นได้ชัด นายกฯ มือใหม่ ฮุน มาแนต นั้นเผชิญกับบททดสอบนี้ที่เขาไม่คาดคิด

ตัวอย่าง ตอนที่เขาบินไปประชุมองค์การสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เมืองที่พ่อของตนโดนปาเกือกเมื่อปีกลาย รอบนี้ ทีมมาแนตออร์แกนไนเซอร์จึงระแวดระวังกันมาก ถึงขนาดไปขนหัวคะแนน 3 พันชีวิต ทั้งแคนาดา-สหรัฐ ผลาญเงินไปไม่น้อย เพื่อให้พิธีต้อนรับฮุน มาแนต เป็นไปอย่างอบอุ่น นั่นคือสิ่งที่ทีมควบคุมได้

เว้นแต่สื่อต่างประเทศที่ “เมิน” ผู้นำกัมพูชาอย่างจงใจ ไม่ให้ตัวและพื้นที่แก่เขาเลย แม้ว่าสำหรับลูกชายเตโชเซน อย่างที่ฮุน มาแนต ต้องการให้ภาพลักษณ์ออกมาสง่ามากเพียงใดในสหรัฐก็ตาม

ทำให้องคาพยพของเขายิ่งทำงานหนักมากขึ้น เพราะไม่ใช่การล่าแต้มเพื่อป้องกันสร้างความอับอายต่อสาธารณะที่ฮุน มาแนต เจอมาแล้วที่สหรัฐเท่านั้น

แต่ได้ทำให้เกิดภาพฮุน มาแนต บนโฆษณาในจอ LED ขนาดใหญ่กลางสี่แยกกรุงนิวยอร์ก “ไทม์สแควร์” เป็นที่ฮือฮา นัยว่าตะวันตกยอมรับผู้นำกัมพูชา กระทั่งพบว่าเป็นภาพตัดต่อเพื่อทำให้ “นาย” ประทับใจ

แต่พอจะเห็นว่า ฮุน มาแนต นั้นมีตัวช่วยมากมาย

แต่เขากลับไม่ส่องแสงประกายในความเป็นดาวฤกษ์!

หลายทศวรรษการเมืองเขมร มีดาวฤกษ์อย่างนโรดม สีหนุ อดีตพระมหากษัตริย์ 2 วาระ

ไม่มีอะไรจะสกัดกั้นความโชติช่วงนั้นได้โดยเฉพาะเมื่อแรกสร้างแปงเมืองกรุงพนมเปญในทศรรษ ’60 ที่ผู้นำท่านใดมาเยือนก็ล้วนแต่ยกย่อง อาทิ ท่านลี กวน ยู ที่นำไอเดียพระองค์ไปสร้างประเทศ

“แล้วดูสิงคโปร์ทุกวันนี้สิ มีความยิ่งใหญ่ไพบูลย์ ขณะกัมพูชามีแต่จะล้าหลัง” พระมหาวีรกษัตรียานโรดมมุนีนาถสีหนุ ตรัสไว้ด้วยพระสุรเสียงเรียบๆ พอสรุปว่า พระบาทนโรดม สีหนุ เป็นดาวฤกษ์ผู้จุดประกายการเมืองกัมพูชาในระดับภูมิภาค แล้วแต่นั้นมา กัมพูชาก็ไม่เคยได้รับเกียรติยศเป็นดาวฤกษ์จากภูมิภาคอีกเลย?

ไม่จริงทีเดียวนัก เมื่อเราได้เห็นว่า ระบอบฮุนเซนได้พยายามทำมันเวลานี้ มีโปรเจ็กต์ใหญ่ๆ ในการสร้างบ้านแปงเมืองผุดขึ้นมามากมาย รวมทั้งการอวยชั้นยศชั้น “สมเด็จ” แก่ตนเองและลูกชาย

แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้ความพยายามเข็ญสร้างฮุน มาแนต เป็นดาวฤกษ์ส่องแสงประกาย

อย่างเห็นได้ ไม่ว่าจะเร็วหรือช้า ฮุน มาแนต นั้นต่างจากบิดา กล่าวคือ เขาไม่สามารถจะเทียบรัศมีฮุน เซน ได้ ประเทศนี้ไม่มีฮุน เซน 2 เป็นดาวฤกษ์แบบสืบทอดสายเลือดได้อีก!

ไม่งั้นอภิเษก คงโด่งดัง 5 ทศวรรษ! เหมือนอมิตาบ บัจจัน ผู้พ่อ!

อย่างมากก็แค่กินบุญเก่า กรณีฮุน มาแนต ก็เช่นกัน แม้จะเต็มไปด้วยองคาพยพที่ปกป้องปานนั้น แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร วิถีการเมืองไม่อาจลอกคราบมาจากแบบเดียวกับผู้ให้กำเนิด

และนั่นจึงว่า ทำไมฮุน มาแนต จึงมีสัญญาณไปในทางดาวเคราะห์แคระ?

หลายปีก่อน ซุน จันบุต : ผู้อำนวยการข่าววิทยุเอเชียเสรี RFA/Khmer (ในทุนรัฐบาลสหรัฐ) ได้เผยว่าเคยถูกเกลี้ยกล่อมให้แปรพักตร์มาทำงานกับฝ่ายรัฐบาลกัมพูชาด้วยวิธี “สนทนา” แบบพรรคคอมมิวนิสต์ โดยมีฮุน มาแนต อยู่เบื้องหลัง!

ตั้งแต่ส่งคนสนิทของตนมาโน้มน้าว ตลอดจนเสนอข้อแลกเปลี่ยนจนถึงขั้นการสร้างเงื่อนไขในการ “แบล็กเมล์” ซึ่งซุน จันบุต กล่าวว่าทั้งหมดเป็นอุบายวิธีที่ระบอบคอมมิวนิสต์ใช้กัน

อดีตข้าราชการสมัยฮุน เซน ยุคคอมมิวนิสต์ ที่กบฏแปรพักตร์ไปเป็นคีย์แมนด้านสื่อฝ่ายโลกเสรี นี่คือข้อหาที่ซุน จันบุต เผชิญ แต่โชคดีที่เขาไม่มีอะไรผูกมัดเหมือนมิตรสหายของเขาบางคน ที่ต้องทนสมยอมรับใช้ระบอบแห่งนี้

“นี่คือสัญญาณที่ไม่ปกติของฮุน มาแนต ตอนนั้น” ทว่า ไม่มีใครเชื่อซุน จันบุต เหมือนที่เขาปรักปรำ

ฮุน มาแนต ไม่ใช่คนไม่มีหลักเหลี่ยมเหมือนฮุน เซน บิดา ทว่า เพียงไม่นานที่เถลิงผู้นำ ฮุน มาแนต กลับถูกเปรียบเทียบไม่ต่างจากคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ?

ไม่น่าแปลกใจ ทันทีที่เสร็จภารกิจยูเอ็น ฮุน มาแนต ส่ง “เนตร เพียะตรา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงข่าวสาร เพื่อหารือกับตัวแทนรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ของไทย ต่อความร่วมมือด้าน “ไอโอ” หรือเฟกนิวส์!

ต้องไม่ลืมนะว่า ก่อนหน้านี้ ข่าวลวง/เฟกนิวส์ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อโจมตีไทยในนามพรรคการเมืองขณะนั้น ซึ่งบังเอิญว่าถูกแฉกลับ สร้างความอับอายเจ้าของบัญชีสมเด็จฮุน เซน

สู้กับสงครามสื่อสารพัดรูปแบบ แต่แล้วสมรภูมิที่ไร้รูปแบบสงครามสื่อก็ตามมา?

นั่นจึงเป็นคำตอบว่า ทำไม ฮุน มาแนต จึงส่งตัวแทนมาเจรจากับไทย ในสิ่งที่ตนถือเป็นภัยคุกคามโดยรัฐบาลกัมพูชาไม่ต้องการจะตั้งรับอีกต่อไป นัยทีกัมพูชารู้ดีถึงวิธีการไอโอมาตลอดโดยเฉพาะก่อนเลือกตั้ง กระนั้นก็พบว่า ทั้งปริมาณและจำนวนสื่อพลเมืองของไทยได้กลายเป็นปัญหาที่เกินกว่าจะรับมือ!

ตลกร้ายกว่านั้น ต่อความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของรัฐบาลแห่ง 2 ประเทศที่น่ายินดีนั้น กลับกลายเป็นว่า พลเมืองไทย-เขมรกลับหวาดระแวงซึ่งกันและกันขึ้นไปอีก!

นี่เราอยู่ในโลกยุคไหนกันแน่? มันจึงแปรเปลี่ยนไปหมด เพราะตั้งแต่ฮุน มาแนต เมื่อรับตำแหน่งใหม่ๆ ผู้คนพากันเข้าใจว่า ทีมคนหนุ่มและโฆษกกองงานของเขาจะทำให้กัมพูชาเปลี่ยนไปอย่างน้อยก็ต่างสิ้นจากบิดา

แต่กลับตรงข้าม ฮุน มาแนต กลับอ่อนไหวต่อสื่ออิสระทั้งในและนอกคูหาองคาพยพ!

จึงไม่แปลกที่ความวิตกจริตของเขาจะนำพาให้ทีมผู้พิทักษ์ต้องทำอะไรแปลกๆ เช่น การขับช่างภาพวีโอเอ/Voice of America ออกจากพื้นที่ในวันเปิดประชุมรัฐสภาที่ไม่สร้างความสง่างามแก่เขาเลย

ซุน จันบุต ไม่ได้ป้ายยาใส่ร้าย แต่ความจริงคือ ฮุน มาแนต นั้นเปราะบางเกินกว่าจะเผชิญหน้ากับของโลกเสรีที่เป็นคตินิยม ทั้งที่ตนเองนั้นก็ผ่านการศึกษาจากประเทศแม่แบบ

แล้วตอนนี้ ความวิตกต่อสื่อเพื่อนบ้านว่าจะนำไปสู่ ขบวนการของ “ปฏิวัติสี” ที่ประเทศของตนในอนาคต นี่คือสิ่งที่หลายคนไม่เคยสังเกตว่า อนุสัญญาปารีสที่เขมรถือมาตั้งแต่ ค.ศ.1993 นั้น มันได้สิ้นสุดลงแล้ว เช่นเดียวกับระบอบฮุนเซนที่เผยตนความรุ่งโรจน์

ทว่า กระแสเสรีนิยมใหม่ที่ผุดพรายเหมือนผีเสื้อกระพือปีกอยู่ในประเทศไทย อาจจะเป็นอุปสรรคขัดขวางในองคาพยพของตน ซึ่งเห็นได้ว่า ทำไมรัฐบาลมาแนตจึงว้าวุ่นกับเรื่องนี้?

สำหรับดินแดนที่มีพลวัตนับล้าน ประชาชนเขมรทำงานอาศัยและรับเอาวัฒนธรรมมากมายที่คล้ายกันนั้นไป ซึ่งกันสู้กับอัตลักษณ์เรื่องนี้ ทศวรรษที่ผ่าน ระบอบฮุนเซนดูจะเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบและสามารถรุกคืบเรื่อยๆ ในซอฟต์เพาเวอร์บางเรื่อง กระทั่งมาถึงเรื่องนี้ ที่พวกเขายอมไม่ได้ นั่นคือ

พลเมืองอภิวัฒน์-พลังเสรีนิยมใหม่ในคนหนุ่มสาวของไทย!

 

หลายปีมานี้ เรารู้สึกประหลาดใจในความพยายาม “ถอดรหัส” ของระบอบฮุนเซนที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และน่าขนหัวลุก สำหรับ สิ่งที่ระบอบฮุนเซนพยายามจะกำจัด และสิ่งที่พวกเขาสรรค์สร้าง เพื่อหนุนนำระบอบของตนอย่างประสบความสำเร็จตลอดกาลที่ผ่านมา

แต่แล้ว ฮุน มาแนต-บิดาก็กลับตื่นขึ้นด้วยฝันร้ายในปีศาจตัวใหม่ที่ผุดขึ้นมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ปีศาจในภาพผีเสื้อกระพือปีกที่ตนไม่อาจหากลวิธีรับมือ เช่นที่ตนเคยกวาดทิ้งไปได้ในกัมพูชา

เป็น invisible enemy : สำหรับศัตรูที่มองไม่เห็นในผลไม้พิษที่คุกคามและยากต่อการรับมือ นั่นคือ วิถีพลเมืองที่ขับเคลื่อนล้อไปกับการเมืองด้วยภูมิพลังปัญญาและซอฟต์เพาเวอร์ ซึ่งโน้มไปในทาง “ไม่ประนีประนอม” ต่อระเบียบโลกเดิมที่ปกครองมายาวนาน

ซึ่งหากบ้าจี้ เห็นดีเห็นงามกับข้อเสนอของเพื่อนบ้าน เท่ากับกำลังขุดหลุมฝังกลบความนิยมตนเองและเสถียรภาพของรัฐบาล ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่มีอยู่ในต้นทุนใดๆ ในรัฐบาลกัมพูชา!

และคนเปราะบาง…อย่างฮุน มาแนต!