เผยแพร่ |
---|
พลันที่คำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 53/2560 ประกาศออกมาก็ก่อให้ เกิดเสียงร้องเอะอะดังมาจาก “นักการเมือง”
ไม่ว่าจะเป็น นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ
ไม่ว่าจะเป็น นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ไม่ว่าจะเป็น นาย
นพดล ปัทมะ
น่าสนใจที่เป็นเสียงเดียวกัน
ไม่บ่งบอกว่าเป็นคีย์อันมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่บ่งบอกว่าเป็นคีย์อันมาจากพรรคเพื่อไทย ไม่บ่งบอกว่าเป็นคีย์อันมาจาก พรรคชาติไทยพัฒนา
เพราะเป็นคีย์อันสะท้อนบทสรุป”รีเซ็ต”พรรคการเมือง
เป็นเสียงร้องเจ็บปวด โหยหวนเหมือนกับกำลังถูกเชือดด้วยดาบอันแหลมคม
ต้องชมว่ามาตรการอันออกมาจากคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับนี้มากด้วยพลานุภาพในทางการเมือง
อย่างน้อยก็สร้าง”ความปรองดอง”
เป็นความรู้สึก “ร่วม” ของพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคการเมืองเก่า
พรรคประชาธิปัตย์มีรากฐานตั้งแต่ปี 2489
พรรคชาติไทยพัฒนามีรากฐานตั้งแต่ปี 2518 พรรคเพื่อไทยมีรากฐานตั้งแต่ปี 2541
แล้วก็ต้องเปะปะเป๋ไป๋ แทบไปไม่ถูก
บรรดามวลมหาประชาชนที่เคยเปล่งคำขวัญ”ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง”อาจบังเกิดความสะใจที่เห็นรูปธรรมและฤทธิ์เดชจาก”ลุง กำนัน”
เพราะ 2.8 ล้านของพรรคประชาธิปัตย์ พังครืนราวปราสาททรายต้องคลื่น
พลันที่คำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 53/2560 ปรากฏคำอันเฉียบขาด ของท่าน “ซุนวู”ก็โดดเด่น
นั่นก็คือ การศึกมิหน่ายเล่ห์
การศึกเป็นเช่นนี้ การเมืองเป็นเช่นนี้ เพราะว่าเป้าหมายย่อมดำเนินไปตามหลักการ
1 สงวนกำลัง 1 บดขยี้ศัตรู
ประเด็นอยู่ที่ว่า รู้กันหรือยังว่าเป้าหมายของคสช.มิได้อยู่ที่พรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียว