‘ฟื้นศรัทธา-สร้างสามัคคี’ สยบตั๋วช้าง-ลบรอยร้าวสีกากี ภารกิจบนบ่า ผบ.ตร.คนที่ 14

เป็นความพยายามแก้ภาพลักษณ์ บิ๊กสีกากีกินเกาเหลา ของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หลังได้รับเลือกจากที่ประชุม ก.ตร. เป็น ผบ.ตร.คนที่ 14

ตั้งแต่อยู่ระหว่างขั้นตอนการโปรดเกล้าฯ ตำแหน่ง ได้รับนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน ก.ตร. ให้หย่าศึกภายในองค์กรสีกากี

“ผมรับทราบนโยบายของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน มาด้วย ว่าอยากให้แก้ปัญหาภาพรวมขององค์กรตำรวจ ถ้าตำรวจทะเลาะกัน เด็กๆ จะมองเราอย่างไร ผมบอกน้องๆ ว่าเราอย่าทะเลาะกัน นายกฯ บอกถ้าไม่ได้ทะเลาะกันก็ไปแก้ปัญหา เป็น ผบ.ตร.แล้ว ไปแก้ปัญหา”

ต่อมา ผบ.ตร.คนใหม่ แสดงความเป็นพี่ใหญ่ ในฐานะผู้นำองค์กรกับน้องๆ สีแดงเลือดหมูด้วยกันว่า “เรา” อยู่ภายในชายคาเดียวกัน

ยกคำว่า Home (โฮม) แปลว่า “บ้าน” House (เฮาส์) ก็แปลว่า “บ้าน” เช่นเดียวกัน

แต่อีกความหมายหนึ่งของคำว่า Home นั้นมีความหมายที่ลึกซึ้งมากกว่าคำว่า House

เพราะ Home นั้นมีความรักความความผูกพัน ในที่นี้คือ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

 

แน่นอนสังคมจับตาไปที่คู่กรณี คือ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล แคนดิเดต ผบ.ตร.

ผบ.ต่อศักดิ์ได้มีการต่อสายถึง “รอง ผบ.ตร.คนดัง” มารับประทานอาหาร เพื่อเคลียร์ใจกันที่ห้องทำงานกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ หรือคอมมานโด เมืองทองธานี

จนเป็นที่มาของภาพถ่ายแนบชิด ‘น้องโจ๊ก’ โอบเอว ‘พี่ต่อ’

ขนาดสื่อมวลชนเกาะติดข่าวยังไม่เชื่อสายตาตัวเอง สับสนว่าเป็นภาพเก่าที่ถูกปล่อยออกมาเมื่อครั้งสัมพันธ์ยังไม่ร้าวลึกหรือไม่

ตามด้วยบรรยากาศร่วมโต๊ะอาหารชื่นมื่นพร้อมหน้ากับเหล่าบรรดารอง ผบ.ตร. และผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่รักษาการรอง ผบ.ตร. ก่อน “พิทักษ์ 1” ป้ายแดง จะประชุมมอบแนวทางบริหารราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)

นอกจากนี้ ยังแบ่งงานรอง ผบ.ตร. ให้อาวุโสสูงสุดเลือกก่อน

พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ คุมงานกฎหมายและคดี

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รับผิดชอบงานความมั่นคง

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ดูหน้างานป้องกันและปราบปราม

พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทนรอง ผบ.ตร. คุมสืบสวนสอบสวน

พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทนรอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานบริหาร

และ พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทน จตช. รับผิดชอบงานจเรตำรวจ

 

ขณะที่ปฏิกิริยา “บิ๊กโจ๊ก” จับท่าทีจากทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ที่ได้หงายไพ่ส่งสัญญาณลดดีกรีปะฉะดะเหมือนว่าจะถอย

พร้อมออกมาปฏิเสธว่าตัวเองยังไม่ได้มีการเซ็นตั้งทนายใดๆ เป็นเรื่องการแก้ต่างคดีให้ลูกน้องทั้ง 8 นายที่ถูกกล่าวหาเชื่อมโยงเว็บพนันออนไลน์ และยังไม่ทราบบิ๊กเซอร์ไพรส์ เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว ที่ทนายกระดูกเหล็กจะแถลงข่าว

แตกต่างกับบุคลิกก่อนหน้านี้ที่เปิดตัวทนายอนันต์ชัย ทั้งคู่ต่างดุดัน เหมือนตัดไม้ข่มนาม เปลี่ยนฉายาจาก “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” เป็น “โจ๊ก อัคนี” จะเผาผลาญทุกสิ่งที่ตัวเองคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม

หลังเกิดเหตุตำรวจไซเบอร์และคอมมานโดขอหมายเข้าตรวจค้นบ้านพักย่านวิภาวดี ที่ ‘บิ๊กโจ๊ก’ พักอาศัยอยู่ พร้อมออกหมายจับ 8 ตำรวจใกล้ชิด ถึงกับเอ่ยออกมาว่า “ผมไม่เอาคืน ข้อมูลที่ผมมีมาก เปิดเมื่อไหร่ก็ตายกันหมด ตอนนี้เริ่มกินยาพารากันได้เลย”

ดังนั้น ท่าทีบิ๊กโจ๊กเปลี่ยนไป ปิดไมค์ เก็บเนื้อเก็บตัว เลี่ยงเผชิญหน้าสื่อมวลชน

ทั้งหมดน่าจะมาจากประกาศิตข้างบนที่ได้รับสัญญาณมา

สะท้อนจากคำพูดนายกฯ เศรษฐา ที่ว่า อยู่ด้วยกันเหมือนลิ้นกับฟันเป็นเรื่องธรรมดา แต่นโยบายชัดเจนมีภารกิจใหญ่กว่าเรื่องของสองคน นั่นคือความมั่นคงประเทศ การดูแลทุกข์สุขของประชาชนได้ตลอดเวลา ถือเป็นเรื่องสำคัญ ต้องทำให้ได้ ไม่ให้มีข่าวเชิงลบ

ฉะนั้น สงครามบิ๊กสีกากีจึงต้องยุติ ตามคำสั่งผู้มีอำนาจให้หย่าศึกกัน

เพราะมีแต่ทำให้องค์กรเละตุ้มเป๊ะ สาวไส้กันไปมา สิ่งที่ปรากฏให้สาธารณชนเห็น ไม่ต่างผีเน่าโลงผุ ข้าชั่ว เอ็งก็เลว ชาวบ้านยิ่งสิ้นศรัทธาผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

เหมือนที่บิ๊กโจ๊กเคยบอกตำรวจกับโจรมีเส้นแบ่งบางๆ หากเลยจากเส้นแบ่งนี้ตำรวจก็กลายเป็นโจร

ที่สำคัญ “รอง ผบ.ตร.หนุ่ม” ยังเหลืออายุราชการอีก 7 ปี ได้อัพสถานะอาวุโสอันดับ 1 ต้องเย็นให้พอ รอให้ได้ แค่ปีเดียวได้ก้าวสู่ “บัลลังก์สูงสุด”

 

ย้อนไปดูความสัมพันธ์ก่อนเขม็งเกลียวเปิดศึก “สองบิ๊ก”

คนในวงการสีกากีไล่ให้ฟังตั้งแต่คดี “ผู้การอ๊อด” พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผบก.ภ.จ.ชลบุรี และนายตำรวจอีก 7 คน ถูกกล่าวหารีดทรัพย์เว็บพนันออนไลน์ “Foxbet 168” จากกลุ่มของ “เป้” นายธนินวัฒน์ อุดมเชาวเศรษฐ์ และพวกรวม 6 คน กว่า 140 ล้านบาท มีการโจษจันกันว่า เป็นยุทธการแซะเก้าอี้ตัวเต็ง ผบ.ตร.ขณะนั้น

ตามด้วยคดีอุกอาจ ยิง “สารวัตรแบงก์” ที่สำนักงานกำนันนก นครปฐม โยงไปถึง “ทีมตำรวจทางหลวง” ซึ่งใกล้ชิดกับเบอร์ 1 กรมปทุมวันปัจจุบัน ที่ตอนแรกบิ๊กโจ๊กคุมคดีเอง และจ่อจะเอาผิด “ผู้กำกับเบิ้ม” น้องรักของ “บิ๊กต่อ” ถึงแม้นยิงตัวตายไปแล้ว ต่อมามีคำสั่งโอนคดีให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

ฉะนั้น จึงไม่แปลก เหตุที่คนในวงการเดียวกันจะมองว่า ปฏิบัติการค้นบ้านในตอนเช้าตรู่วันที่ 25 กันยายน ก่อนประชุม ก.ตร.2 วัน ปรากฏภาพบิ๊กโจ๊กอยู่ในสภาพชุดลำลอง เสื้อยืดสีขาว กางเกงบ๊อกเซอร์ขาสั้น สวมถุงเท้า เป็นปฏิบัติการเอาคืน พร้อมดิสเครดิต ดับฝันเก้าอี้ ผบ.ตร.ไปด้วย

 

จากนี้ไปพันธกิจของเจ้าสำนักสีกากีคนใหม่ต้องปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ที่ประกาศไว้ “เป็นองค์กรปราบปรามอาชญากรรม และบังคับใช้กฎหมายในระดับมาตรฐานสากลที่ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา” โดย 1 ใน 10 นโยบายการบริหารราชการ มีเรื่องความสามัคคีของข้าราชการตำรวจด้วย

และต้องจับตาต่อไปคือการแต่งตั้งโยกย้าย รอง ผบ.ตร.-ผบก. วาระประจำปี 2566 ก.ตร.ได้ไฟเขียวขยายเวลาออกไปถึง 31 ตุลาคมนั้น ต้องมีธรรมาภิบาล และเป็นไปตาม พ.ร.บ.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ซึ่งอยู่ในข้อที่ 8 ของนโยบายการบริหารราชการ ผบ.ตร.คนที่ 14

ถ้าไม่เป็นไปตามนโยบาย แล้วมีผู้ได้รับผลกระทบ จะนำไปสู่การร้องคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. ซึ่งเป็นองค์กรตามองคาพยพตามกฎหมายตำรวจ ที่ให้ความเป็นธรรมการแต่งตั้งโยกย้ายได้

พึงระลึกว่าแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนแรกตาม พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ มีข้อครหาแล้วว่าไม่เป็นไปตาม “กติกา” ฉะนั้น อย่าปล่อยให้มีการกลัดกระดุมผิดไปเรื่อยๆ