หางโจว 2022

วัชระ แวววุฒินันท์

หน้าจอโทรทัศน์ตอนนี้ นอกจากข่าวความเคลื่อนไหวทางการเมืองของรัฐบาลใหม่ ที่คอการเมืองให้ความสนใจติดตามแล้ว ก็ยังมีการถ่ายทอดสดการแข่งขัน “กีฬาเอเชี่ยนเกมส์ 2023” เอาใจแฟนกีฬาอีกด้วย

เอเชี่ยนเกมส์ครั้งนี้มีชื่อเป็นทางการว่า “หางโจว 2022” ที่เป็น 2022 เพราะหะแรกเอเชี่ยนเกมส์ครั้งนี้ต้องจัดขึ้นในปีที่แล้ว แต่โดนผลกระทบจากเชื้อโควิด จึงเลื่อนมาจัดขึ้นในปีนี้ แต่ยังคงใช้ชื่อเดิมอยู่

เอเชี่ยนเกมส์ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 19 โดยประเทศไทยส่งนักกีฬาและเจ้าหน้าที่เข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 1,411 คน สำหรับ 40 ชนิดกีฬา ด้วยงบประมาณ 1,300 ล้านบาท ตกชนิดกีฬาละ 42 ล้านบาทโดยประมาณ

เชื่อว่างบประมาณนี้จะคืนกลับมาเป็นความสุขของคนไทย ที่ได้ชมและเชียร์นักกีฬาของเราลงสนามเพื่อแข่งขัน และถ้าหยิบเหรียญใดมาครองได้ ความสุขก็จะยิ่งทวีคูณขึ้นไปแน่นอน

จะว่าไปเรื่องฝีมือแล้ว นักกีฬาของไทยก็ไม่ได้ขี้เหร่แต่อย่างใด โดยสามารถคว้าเหรียญรางวัลเอเชี่ยนเกมส์มาได้แล้วรวม 586 เหรียญด้วยกัน เป็นลำดับที่ห้าของเอเชีย รองจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดียเท่านั้น…อื้อฮือ ไม่เบาเลย

ในครั้งนี้ก็มีหลายชนิดกีฬาที่มีสิทธิ์คว้าเหรียญมาได้ เผลอๆ หากมือขึ้นอาจไปถึงเหรียญทองก็เป็นได้ เช่น กีฬาเทควันโด, มวยสากล, ยกน้ำหนัก, กรีฑา, วอลเลย์บอลหญิง , แบดมินตัน, เรือพาย และตะกร้อ

 

ตอนที่มติชนสุดสัปดาห์เล่มนี้วางแผง การแข่งขันก็ผ่านมาได้ครึ่งทางแล้ว คงทราบผลของหลายกีฬากันไปบ้างแล้วว่านักกีฬาไทยเราไปได้ไกลแค่ไหน

ประเทศจีนร่ำรวยด้วยประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และความเชื่อในธรรมชาติที่ปลูกฝังกันมาแต่โบราณ สิ่งที่เกี่ยวข้องกับ “หางโจว 2022” จึงมีที่มาและที่ไปที่สะท้อนความเป็นจีน และเมืองเจ้าภาพคือนครหางโจวได้อย่างดี

ไม่ว่าจะเป็นโลโก้ของงานนี้นำเสนอผ่านเส้นโค้งที่สื่อถึงความเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ สัญลักษณ์นี้ถูกออกแบบให้มีความคล้ายคลึงกับใบพัด ลู่วิ่ง คลื่นวิทยุ และแม่น้ำ ซึ่งได้นำไปใช้ต่อเนื่องกับสัญลักษณ์ของกีฬาประเภทต่างๆ อีกด้วย รวมทั้งในเหรียญรางวัล และคฑาจุดคบเพลิงในพิธีเปิด

คำขวัญประจำการแข่งขัน คือ “Heart to Heart, @Future” แปลว่า “การรวมใจเป็นหนึ่งเดียวในการสร้างอนาคตร่วมกันของชาวเอเชีย”

ฟังดูดี เห็นถึงความสามัคคีกันของคนในภูมิภาคนี้

และพอเจ้าภาพเป็นจีน ก็ให้ความรู้สึกถึงความเป็นพี่ใหญ่ของเอเชียอยู่กลายๆ

 

สําหรับพิธีเปิดที่ผ่านพ้นไปเมื่อวันเสาร์ที่ 23 กันยายน เจ้าภาพก็ได้จัดเต็มผ่านการแสดงและพิธีการต่างๆ โดยได้ผสมผสานเรื่องของประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตของนครหางโจวกับโลกสมัยใหม่ซึ่งความตื่นตาตื่นใจอยู่ตรงการใช้คนจริงในการแสดงจำนวนมากอย่างสวยงามพร้อมเพรียง ร่วมกับ media ต่างๆ ทั้งบนจอขนาดใหญ่ที่พื้นสนามและบนจอภาพที่รายรอบได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ

รวมทั้งการนำมีเดียที่ผู้ชมทางบ้านเท่านั้นจะได้เห็นมาใช้ร่วมกับในสนามอย่างชาญฉลาด เช่น การจุดพลุ ที่ไม่ได้มีการจุดจริงในสนาม แต่ใช้เทคนิคดิจิทัลสร้างภาพให้คนดูทางบ้านได้เห็น เป็นการโชว์เทคโนโลยี และแสดงออกถึงการรักษาสภาวะแวดล้อม และลดมลพิษด้วย

ต้องยกนิ้วให้กับเจ้าภาพอย่างจีน ที่ไม่มีข้อสงสัยถึงฝีมือและความล้ำลึกด้านครีเอทีฟและเทคโนโลยี สมกับเป็นประเทศพี่เบิ้มของโลกจริงๆ

ในงาน ประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ได้ร่วมเป็นประธานในพิธี และชมการแสดงด้วย บ่งว่างานนี้เป็นงานใหญ่ งานสำคัญ ระดับหน้าตาของประเทศ ทั้งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของจีนยังไปได้ดีและยังแข็งแรง

ที่อดภูมิใจไม่ได้ เมื่อเห็นธงชาติไทยที่โบกสบัดนำขบวนนักกีฬาและเจ้าหน้าที่เดินเข้าสู่สนาม จะว่าไปแล้วประเทศไทยของเรามีส่วนกับกีฬาเอเชี่ยนเกมส์มาโดยตลอด แถมยังรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพมากที่สุดเลย คือ 4 ครั้ง มากกว่าประเทศใหญ่ๆ อย่างจีน ญี่ปุ่น อินเดีย เสียอีก

 

จากนี้ไปการแข่งขันก็จะเริ่มพันตูกันอย่างจริงจังแล้ว ไทยเรามีเป้าหมายที่ 15 เหรียญทองสำหรับการแข่งขันครั้งนี้ มาดูกันว่าสุดท้ายแล้วจะได้ไปเท่าไหร่

พวกเราชาวไทยที่นั่งเชียร์สบายๆ อยู่หน้าจอ คงทำได้แค่ส่งกำลังใจไปให้พวกเขาทุกคนให้ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ผลออกมาเป็นเช่นไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

แต่ที่น่าสงสารนักกีฬาและทีมงานในยุคนี้ ก็คือ “ความโหดร้ายของโลกโซเชียล” โดยเฉพาะกับกีฬาที่ได้รับความสนใจมากๆ จะพบการมีส่วนร่วมของแฟนกีฬาที่แสดงความเห็นลงในโลกโซเชียลต่างๆ ที่เราเรียกกันว่า “เกรียนคีย์บอร์ด” ปรากฏขึ้นมากมาย

ในยุคที่ใครคิดอะไรก็แสดงออกมา ถูกผิดสมควรหรือไม่ไม่รู้ จึงเกิดคนเป็นโค้ชขึ้นมากมาย ที่บางครั้งไม่ได้ให้ความเห็นเฉยๆ แต่มีอารมณ์ไปถึงนักกีฬาและทีมงานเบื้องหลังด้วย ยิ่งเป็นการถ่ายทอดสด แล้วมีการแสดงความเห็นควบคู่ประกอบการดูกีฬาไปด้วย เราจะได้การปะทะกันของคนดูกีฬากันเองที่บางครั้งดุเดือดกว่าการแข่งขันในสนามเสียอีก

โดยหาสำนึกไม่ว่าคำพูดที่พิมพ์ออกมาจากการระบายอารมณ์แบบสายฟ้าแลบของคุณ สามารถบั่นทอนกำลังใจและพลังของนักกีฬาได้โดยง่าย

ประโยคที่ว่านี้คุณอาจใช้เวลาพิมพ์ไม่ถึงครึ่งนาทีด้วยซ้ำ แต่นักกีฬาเขาต้องทุ่มเททั้งร่างกายและจิตใจเป็นปีๆ บางคนทั้งชีวิต เพื่อทำหน้าที่นักกีฬาทีมชาติไทยให้ดีที่สุด ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของเขาที่จะต้องลุกขึ้นมาบอกว่ามันหนักหนาแค่ไหน

ตัวอย่างเช่น นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ที่เป็นกีฬายอดฮิตมีผู้คนติดตามมากมายยามนี้ มาไล่เรียงแค่ในปีนี้ว่าพวกเธอต้องเจอกับอะไรบ้าง

เริ่มจากต้นปีที่พวกเธอแต่ละคนต้องรับผิดชอบในฐานะนักกีฬาของสโมสรในลีกทั้งของไทยลีกและลีกในต่างประเทศ ซึ่งก็จบลีกราวๆ เดือนเมษายน นั่นคือการใช้ร่างกายต่อเนื่องมาอย่างยาวนานร่วม 4-5 เดือน

จากนั้นก็เดินทางต่อมาร่วมแข่งขันใน “กีฬาซีเกมส์” ที่ประเทศกัมพูชาเป็นเจ้าภาพในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม เดือนถัดมาเลย บางคนบินจากลีกต่างประเทศแวะเปลี่ยนเครื่องที่ไทย และตรงมากัมพูชาต่อทันทีก็มี

เสร็จจากซีเกมส์ราวกลางเดือนพฤษภาคม ก็เตรียมตัวต่อเนื่องกับศึกหนักคือ VNL 2023 ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนกรกฎาคม

เสร็จจาก VNL 2023 นักกีฬาได้พักสัปดาห์เดียวก็ต้องมาเตรียมตัวสำหรับศึก SEA V.League 2023 ในช่วง 4-13 สิงหาคม

พอจบก็ก้าวสู่ศึกใหญ่ช่วงปลายเดือนสิงหาคม คือ “ชิงแชมป์เอเชีย” ที่โคราช ที่ปีนี้เรากลับมาเป็นแชมป์อีกครั้งเป็นครั้งที่ 3

จากนั้นได้พักไม่ถึงเดือน เพราะต้องมาแข่งขันรายการคัดเลือกโอลิมปิกอีก ระหว่างวันที่ 16-24 กันยายน

แล้วก็ต้องบินต่อเนื่องไปยังเมืองหางโจว เพื่อร่วมชิงชัยในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ต่อทันที

 

จากโปรแกรมที่ว่านี้ ไม่ต้องเป็นนักกีฬาหรอก แค่เป็นคนธรรมดาแล้วเดินทางไปๆ มาๆ ตลอดเวลาอย่างนี้ก็หนักหนาเอาการอยู่แล้ว แต่นี่พวกเธอต้องรักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ที่สำคัญต้องห่างไกลจากครอบครัวเป็นเวลานาน และยังแบกรับกับความกดดันจากแฟนๆ กีฬาอีกด้วย

หากจิตใจไม่แข็งแกร่งพอ มีสิทธิ์จิตตกได้ไม่ยากเลย

อย่างที่บอก แค่คำพูดที่พิมพ์ไม่ถึงครึ่งนาที อาจทำลายสิ่งที่พวกเขาและเธอทุ่มเทมาอย่างเหนื่อยยากตลอดปีลงได้ง่ายๆ

ไม่แต่นักกีฬาวอลเลย์ แต่กับทุกประเภทกีฬา นักกีฬาส่วนใหญ่เป็นนักกีฬาสมัครเล่น ที่ทุ่มเทฝึกซ้อม รักษาสภาพร่างกาย เข้มงวดทั้งการกินอยู่หลับนอน ติดต่อกันเป็นเดือนๆ เป็นปีๆ เพื่อจะได้ลงทำหน้าที่ตัวแทนทีมชาติไทยให้ดีที่สุด

ไม่ใช่ว่าใครก็ทำอย่างนี้ได้ พวกเขาและเธอจัดว่าเป็นบุคคลพิเศษที่ควรได้รับการยกย่องชื่นชมจริงๆ

คำขวัญของเอเชี่ยนเกมส์ครั้งนี้ยัง “Heart to Heart, @Future” เลย แล้วเราคนไทยด้วยกันจะไม่ Heart to Heart กันบ้างเลยหรือ

ขอแนะนำว่า หากใครคันไม้คันมือ คันอารมณ์จริงๆ ก็หันไปลงกับ “นักการเมือง” ก็แล้วกัน เพราะพื้นที่นั้นมันก็ชวนให้ต้องระบายและแสดงออกเสียจริงๆ

สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาและทีมงาน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกคน ให้ทำหน้าที่ตัวแทนของประเทศไทยให้ดีที่สุดกับการแข่งขัน “หางโจว 2022” ในครั้งนี้

เอ้า ไทย…ไชโย •

 

เครื่องเคียงข้างจอ | วัชระ แวววุฒินันท์