เปิดความหรู ‘LEXUS LM 350h’ พาหนะส่วนตัวนายกฯ ‘เศรษฐา’

สันติ จิรพรพนิต

เหมือนกับส้มหล่นก็ไม่ปาน เมื่อค่ายโตโยต้าเปิดตัวรถยนต์แบรนด์ในเครืออย่าง “Lexus LM 350h” เอ็มพีวีสูดหรู ได้ไม่กี่มากน้อย

จู่ๆ ได้กระแสแบบไม่คาดคิดเมื่อ “นายเศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน เลือกซื้อเป็นพาหนะส่วนตัวระหว่างปฏิบัติหน้าที่

กลายเป็น “ทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์” เป็นรถรุ่นที่ถูกจับจ้องไปทั่วในทันที

“Lexus LM 350h” มี 2 รุ่นย่อย แบบ 4 และ 7 ที่นั่ง

โดยพาหนะของนายกฯ เป็นแบบ 4 ที่นั่ง ภายในตกแต่งหรูหราสุดๆ เทียบชั้นที่นั่งเฟิร์สต์คลาส บนเครื่องบินได้เลย

ก่อนหน้าที่เปิดตัวในไทย ก็ได้รับคำชื่นชมอย่างมาก เป็นรถรุ่นหลักที่มียอดขายลำดับต้นๆ ในกลุ่มรถ Minivan ระดับหรู

สำหรับชื่อรุ่น “LM” ย่อมาจาก “Luxury Mover” สื่อถึงความตั้งใจในการพัฒนารถ เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานของลูกค้าที่ต้องการใช้รถเอ็มพีวี แบบมีคนขับ

ยิ่งกับรุ่นล่าสุดต้องถือว่าจัดหนัก จัดเต็ม ทั้งความหรูหรา และสะดวกสบาย แถมขุมพลังใหม่แรงขึ้นด้วย

สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม TNGA การออกแบบภายนอก “Dignified Elegancy”

เริ่มจากกระจังหน้ารูปแบบ “Lexus’s Resolute Look” ที่นำมาออกแบบให้เป็น “Unified Spindle”

ไฟหน้าดูเฉียบคมขึ้นแบบ 3-LED พร้อมระบบปรับไฟหน้าอัจฉริยะ Adaptive High Beam System (AHS)

มีไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน LED ไฟส่องสว่างมุมหน้ารถ

ด้านข้างตัวรถที่ยาวขึ้น สะท้อนการออกแบบที่เน้นความสบายของห้องโดยสารตอนหลังเป็นอันดับแรก

เด่นด้วยไฟท้าย L-Signature Light Bar ขนาดใหญ่ ตอนค่ำๆ เปิดแล้วเป็นเส้นสีแดงอยู่ด้านหลังดูสวยงาม และปลอดภัยมากขึ้น

ประตูคู่หน้าเปิด-ปิดแบบ Soft Close

ขณะที่ประตูด้านข้างแบบสไลด์ไฟฟ้า เปิดได้กว้างสะดวกสบายยามขึ้น-ลง

มีระบบเปิด-ปิดฝาท้ายไฟฟ้า พร้อมปุ่มควบคุมด้านข้าง

ล้ออัลลอยลายสวยขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางเฉพาะบบเอสยูวี ลุยได้เต็มที่

หากมองเฉพาะด้านนอก แยกไม่ออกระหว่างรุ่นท็อป 4 ที่นั่ง หรือรุ่น 7 ที่นั่ง เพราะโครงสร้างต่างๆ เหมือนกันทั้งหมด

ภายในที่ถือเป็นจุดเด่นและเอกลักษณ์ของรถประเภท “คนซื้อไม่ได้ขับ คนขับไม่ได้ซื้อ”

เลกซัส ระบุว่าเป็นระดับ “Grand Interior” ยกเอาห้องนั่งเล่นและห้องทำงานมาไว้ด้วยกัน ให้ความรู้สึกสงบและสะดวกสบายสูงสุด

ภายในมีให้เลือก 2 สี ขาว Solis White with Copper และดำ Black with Dark Grey Accents

ออกแบบโดยให้ความสำคัญกับทุกๆ ตำแหน่งของเบาะนั่ง รวมถึงตำแหน่งผู้ขับตามหลักแนวคิด TAZUNA ให้ตำแหน่งของผู้ขับขี่อยู่บริเวณกึ่งกลาง วางทุกอย่างให้โอบล้อมผู้ขับ

พวงมาลัยปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่นแบบสัมผัส

พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนังประดับลายไม้ Bengala Wood

มาตรวัดแบบดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ Head Up Display

ชุดเครื่องเสียง Mark Levinson Surround Sound System ลำโพง 21 ตำแหน่ง

ระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย

ระบบแผนที่นำทาง Navigation System

จอแสดงผลการสั่งงานผ่านปุ่มควบคุมกลาง EMV (Electro Multi-Vision) หน้าจอ Touchscreen Display ขนาด 14 นิ้ว

เบาะนั่งคู่หน้า ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง หุ้มด้วยวัสดุหนัง Semi-Aniline Leather พร้อมระบบระบายอากาศและทำความร้อน และหน่วยความจำ

ระบบปรับอากาศพร้อมปุ่มควบคุมอุณหภูมิแบบแยกอิสระ

ระบบกรองอากาศ สำหรับเบาะนั่งตอนหน้า

ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารหลากสี Multi-color Illumination

รุ่น 7 ที่นั่งติดตั้งจอเพดานแบบพับเก็บได้ ขนาด 14 นิ้ว

มีแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า

ส่วนรุ่น 4 ที่นั่งต้องบอกว่าที่นั่งตอนหลังหรูหราสุดๆ

เบาะนั่งด้านหลังแบบพิเศษ Exclusive Rear Seats ปรับเอนนอนได้ในองศาที่มากขึ้นกว่าเดิม

หุ้มด้วยวัสดุหนัง L-Aniline ปรับไฟฟ้า พร้อมวัสดุเสริมความนุ่มของเบาะ

มีระบบระบายอากาศและทำความร้อน ระบบนวด เบาะเสริมรองรับต้นขา

มีฉากกั้นห้องโดยสารด้านหลังแบบพิเศษ Exclusive Partition พร้อมกระจกฝ้าบังตา ปรับได้ 3 โหมด

โหมด Open ไม่มีกระจกบัง โหมด Privacy มีกระจกโปร่งแสงบัง และโหมด Full Privacy มีกระจกฝ้าบังสายตา

มีร่มบริเวณบานประตูสไลด์ด้านหน้า ขนาด 40 มิลลิเมตร

ความบันเทิงจัดเต็มด้วยจอ Ultrawide Screen ขนาด 48 นิ้ว พร้อมฟังก์ชั่นแสดงผลแยกส่วนซ้ายขวา

ตู้เก็บความเย็นส่วนตัว Personal Built-in Refrigerator

แท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

ส่วนลำโพงเป็นเหมือนรุ่น 7 ที่นั่ง แต่เพิ่มเป็น 23 ตำแหน่ง

มีฟังก์ชั่นปรับแต่งเฉพาะบุคคล อาทิ Personalized Screen สามารถแยกการนำเสนอเนื้อหาแต่ละบุคคล

แยกระบบเสียงด้านหน้าคนขับ และด้านหลัง ทำให้สามารถรับฟังคอนเทนท์ที่แตกต่างกันได้โดยไม่มีเสียงรบกวน

ควบคุมฟังก์ชั่นเฉพาะบุคคลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Moon roof หน้าจอ ระบบปรับอากาศแบบแยกโซน ควบคุมได้เพียงปลายนิ้ว

ขุมพลังแรงขึ้นกว่ารุ่นเดิม เพราะเป็นบล็อกใหม่ แบบไฮบริด เครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ความจุ 2,487 ซีซี ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าหน้า-หลัง กำลังสูงสุด 250 แรงม้า

เกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อน 4 ล้อ E-FOUR แบบออลวิลไดรฟ์

โหมดการขับขี่ใหม่ “Rear Comfort Mode” ที่ให้ความสบายนุ่มนวล ด้วยระบบช่วงล่างที่พัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีใหม่ครั้งแรกของโลก “Frequency-sensitivity Piston Valve”

ทำงานคู่กับระบบ “Adaptive Variable Suspension” (AVS) ปรับความหนืดของโช้กอัพอัตโนมัติ และระบบควบคุมการทรงตัวขณะเบรก “Braking Posture Control”

ช่วยป้องกันทั้งการโยนตัวขณะเบรก และป้องกันการโคลงตัวในขณะเข้าโค้ง ลดอาการเวียนศีรษะ ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังสะดวกสบายสูงสุด

ส่วนโหมดอื่นๆ มากับครบทั้ง Normal, ECO และ EV

ความปลอดภัยและตัวช่วยการขับขี่ แทบนึกไม่ออกว่าขาดอะไรบ้าง

หลักๆ อาทิ ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแปรผัน จนถึงจุดหยุดนิ่ง

ระบบลดความเร็วอัตโนมัติขณะเข้าโค้ง

ระบบเตือนเมื่อมีรถขณะถอยหลัง

ระบบเตือนเมื่อมีรถขณะเปิดประตู

ระบบช่วยจอด Lexus Teammate Advanced Park ฯลฯ

“LEXUS LM 350h” มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย

Executive 4-Seater ราคา 7,590,000 บาท

Executive 7-Seater ราคา 6,290,000 บาท •

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต

[email protected]