ยังยืนหยัดอย่างงดงาม อย่างที่อยากเป็น | ท้อฟฟี่ แบรดชอว์

ท้อฟฟี่ แบรดชอว์https://www.facebook.com/toffybradshawwriter

1

จินตนาการว่าคุณได้ทำสิ่งที่คุณรัก แต่แล้วชีวิตก็เปลี่ยนจนทำให้คุณทำสิ่งนั้นอีกไม่ได้ คุณจะทำอย่างไร?

ในช่อง NHK มีสารคดีตามติดชีวิตของคุณครูคนหนึ่งซึ่งผมรู้สึกประทับใจมาก

Arai Yoshinori หรือที่นักเรียนเรียกกันว่า “Yoshinori-sensei” เป็นครูประจำโรงเรียนมัธยมต้น Minano ในจังหวัด Saitama ประเทศญี่ปุ่น

เขาคือครูตาบอดที่สอนอยู่ในโรงเรียนของนักเรียนสายตาปกติ

2

โยชิโนริเซนเซเป็นครูมัธยมต้นมาตั้งแต่อายุ 23 ปี เขาเป็นครูที่เต็มไปด้วยความหวังที่อยากเป็นครูที่ดี

แต่เมื่อตอนที่เขาอายุได้ 34 ปี เขาสูญเสียการมองเห็นโดยสมบูรณ์

“ผมถามตัวเองว่า ชีวิตยังมีค่าไหมถ้าผมมองไม่เห็น ความหมายของการมีชีวิตอยู่ต่อไปในฐานะคนตาบอดจะเป็นอย่างไร”

เป็นเวลาครึ่งปีที่เขาเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ยอมออกไปไหน ในใจมีแต่ความทุกข์ เขารู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม

แต่ภรรยาของเขาเป็นกำลังใจสำคัญที่ทำให้เขาอยากมีชีวิตต่อ

โยชิโนริเซนเซเรียนภาษาเบรลล์ ฝึกเดินโดยมีสุนัขนำทาง เขาได้พบกับผู้คนที่มองไม่เห็นเหมือนกัน

และกลายเป็นคนเหล่านั้นที่ให้กำลังใจและทำให้เซนเซรู้ว่าตัวเองมีค่า

3

โยชินาริเซนเซได้พบกับ Miyagi Michio คุณครูที่โรงเรียน Saitama Prefectural Iwatsuki High School ซึ่งมีปัญหาสายตาเช่นกัน

เขาเป็นคนที่บอกกับโยชิโนริเซนเซว่า “แม้ว่าคุณจะตาบอด แต่คุณเป็นครูสอนในโรงเรียนมัธยมได้นะ” แบบเดียวกับที่ Miyagi ทำ และเชิญโยชิโนริเซนเซมาดูงานที่คลาส

Miyagi ทำให้โยชิโนริเซนเซรู้ว่า ทุกอย่างที่เขาเคยคิดว่าจะเป็นไปไม่ได้สามารถเป็นไปได้หมด คนตาบอดก็เป็นครูของคนที่มีสายตาปกติได้ อยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุขได้

โยชิโนริเซนเซที่เคยล้มเลิกความตั้งใจที่จะเป็นครูแล้วจึงกลับมาพร้อมกับความมุ่งมั่นที่จะเป็นครูอีกครั้ง

เพราะเขารู้ว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นครู

3 ปีหลังจากสูญเสียการมองเห็น โยชิโนริเซนเซกลับมาเป็นครูเต็มตัวอีกครั้ง

4

ในการเรียนการสอนแต่ละครั้ง จะมีคุณครู 2 คนร่วมมือกันสอน

ทุกครั้งก่อนเริ่มการเรียน เซนเซจะเขียนกระดานด้วยตัวเอง โดยเอาไม้บรรทัดมากั้นเป็นแนวแล้วเขียนทีละประโยค

“การเป็นคนตาบอดไม่ได้เป็นอุปสรรคเลย เพราะผมอยากทำ”

ระหว่างที่สอน เซนเซจะเดินไปหานักเรียนทีละโต๊ะเพื่อให้แน่ใจว่านักเรียนจะเข้าใจบทเรียนในระหว่างที่ให้ทำแบบฝึกหัดในห้อง ทุกคนจะได้รับการดูแลเอาใจใส่จากเซนเซหมด

ข้างๆ โต๊ะเรียนจะมีอักษรเบรลล์เขียนเป็นชื่อของนักเรียนไว้เพื่อเซนเซโดยเฉพาะ เซนเซเป็นคนที่จำรายละเอียดของนักเรียนทุกคนได้ดีมาก แค่สัมผัสตัวหรือฟังเสียงก็รู้แล้วว่าเป็นใคร

ยิ่งกว่านั้น แค่สัมผัสเซนเซจะรู้ทันทีเลยว่าคนนี้กำลังตั้งใจเรียนหรือตอนนี้กำลังหลับอยู่ — ฮ่าๆ

การตาบอดทำให้เซนเซไม่มีการตัดสินนักเรียนจากรูปร่างหน้าตาหรือท่าทาง แต่ให้ความสำคัญกับหัวใจของนักเรียนว่าทุกคนสมควรได้รับความรักและการเอาใจใส่จากครู

5

มีนักเรียนคนหนึ่งที่โดดเรียนไปเป็นเดือน แล้วจู่ๆ ก็กลับมา

นี่คือสิ่งที่เซนเซคุยกับนักเรียนคนนั้นครับ แล้วคุณจะเข้าใจว่าเขาเป็นครูแบบไหน

“อะไรทำให้กลับมาเรียนล่ะ เบื่อชีวิตที่ไม่ได้มาโรงเรียนแล้วใช่ไหม” เซนเซถาม

“ผมต้องกลับมาส่งการบ้านพอดีครับ” นักเรียนตอบ

“แปลว่านักเรียนรู้สึกแล้วใช่ไหมว่าต้องกลับมาเรียน” เซนเซถามต่อ

“ใช่ครับ” นักเรียนพยักหน้า

“มันจะดีต่อตัวเธอเองนะ แล้วกินข้าวมาหรือยัง” เซนเซถาม

“ผมกินมาจากบ้านแล้วครับ” นักเรียนตอบ

“วันนี้ที่โรงเรียนมีแกงกะหรี่นะ มากินกันนะ” เซนเซชวน

“ได้ครับ” นักเรียนยิ้มตาหยี

“เห็นไหมว่าโรงเรียนไม่ได้มีแต่เรื่องแย่ๆ อย่างเดียว” เซนเซชวนคิดต่อ

“ผมก็ว่าอย่างนั้นครับ” เป็นคำตอบของนักเรียน

เซนเซเล่าว่า วิธีการดูแลนักเรียนเริ่มต้นจากการคุย ต้องอย่าเพิ่งดุหรืออย่าเพิ่งตัดสินเขา เขาอาจจะมีปัญหาบางอย่าง ถ้านักเรียนสัมผัสได้ว่าครูพร้อมจะเข้าใจ พร้อมจะรับฟัง นักเรียนก็จะอยากกลับมาเรียน

ไม่มีประโยชน์ที่จะไปต่อว่าเขาโดยที่ยังไม่รู้สาเหตุ

6

โยชิโนริเซนเซใช้เวลาเตรียมตัวก่อนการสอนอย่างมาก เพื่อให้นักเรียนได้ความรู้อย่างเต็มที่ เซนเซจะฝึกอ่านออกเสียงบทกวีต่างๆ ผ่านอักษรเบรลล์จนคล่องแคล่วก่อนมาสอนในวันถัดไป

เป็นภาพและเสียงที่นักเรียนคุ้นเคยในยามหลังเลิกเรียน จนทำให้ทุกคนรู้ว่าเซนเซทุ่มเทแค่ไหนเพื่อพวกเขา และทำให้ทุกคนอยากตั้งใจเรียน

“โยชิโนริเซนเซทำให้เรารักวิชาภาษาญี่ปุ่น ผมรู้เลยว่าอาจารย์ต้องเตรียมตัวอย่างดีก่อนมาสอน ผมอยากจะเรียนรู้จากเซนเซและโตขึ้นมาเป็นคนที่เก่งขึ้นให้ได้แบบเซนเซ” นักเรียนคนหนึ่งบอก

ตั้งแต่โยชินาริเซนเซมาเป็นคุณครู นักเรียนในโรงเรียนก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

“เซนเซทำให้เราได้เรียนรู้ที่จะคิดถึงคนอื่นที่แตกต่างจากเรา โตขึ้นไปหนูอยากทำงานในบ้านเกิด และช่วยเหลือคนพิการให้มีความเป็นอยู่ที่ดี” นักเรียนกล่าว

ยิ่งได้สัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณความเป็นครูที่มีอยู่ในตัวโยชิโนริเซนเซ ได้เห็นว่าเซนเซเอาชนะอุปสรรคได้ ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและมีความสุข

เซนเซจึงเป็นเหมือนตำราที่นักเรียนได้เรียนรู้วิชาชีวิตไปด้วย

 

7

ไม่ใช่เพียงแต่นักเรียนได้เรียนรู้จากเซนเซ แต่เซนเซเองก็ได้เรียนรู้จากนักเรียน

“ปกติแล้วคนมักจะคิดว่าครูเป็นผู้ที่อยู่เหนือนักเรียน และนักเรียนก็ถูกคาดหวังว่าจะต้องเคารพครู

แต่ผมได้เรียนรู้ว่า ผมเองก็ได้รับความช่วยเหลือจากนักเรียนเหมือนกัน

ความเคารพเป็นความสัมพันธ์แบบ 2 ทาง ไม่ใช่แค่นักเรียนเคารพครู แต่ครูก็ต้องเคารพนักเรียน

ถ้าเราเข้าใจสิ่งนี้ ผมคิดว่าเราจะอยู่ด้วยกันได้เพราะเราช่วยเหลือกัน”

 

8

วันที่ 1 มีนาคม 2022 เป็นวันสุดท้ายในการทำงานของโยชิโนริเซนเซ

รวมแล้วเขาเป็นคุณครูมา 37 ปี

ในชั่วโมงโฮมรูม เซนเซมอบบทกวีของ Miyazawa Kenji ให้นักเรียนได้อ่านออกมาดังๆ

กวีบทนี้มีความหมายกับเซนเซมาก เพราะเป็นบทกวีที่เขาใช้ในการสร้างพลังใจในการใช้ชีวิตมาตลอดหลายปีที่สู้อยู่ในความมืด

“ฝนไม่อาจโค่น
ลมไม่อาจฆ่า
เช็ดน้ำตาในฤดูแล้ง
เดินไร้ความหวังในฤดูร้อนที่เหน็บหนาว
แม้ถูกตราหน้าว่าโง่เง่า
ไร้คำเชยชม
ไร้คนสนใจ
ยังยืนหยัดอย่างงดงามอย่างที่อยากเป็น”

เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่เขาฝากไว้ให้อยู่ในใจของลูกศิษย์