มื้อเที่ยงไม่เสร็จ | เรื่องสั้น : ฉมังฉาย

เรื่องสั้น | ฉมังฉาย

มื้อเที่ยงไม่เสร็จ

 

ผมบอกภรรยาหลายครั้งแล้วว่าผมไม่ได้เติบโตขึ้นมาพร้อมกับสภาพแบบนี้ ขณะที่พูดก็ชี้ไปตามพื้นครัว หล่อนชักสีหน้าไม่พอใจ ไม่ต้องการให้มาก้าวก่ายในพื้นที่ส่วนตัว แน่นอนทำไมผมจะไม่ทราบว่าห้องครัวขนาดเก้าตารางเมตรนี้เป็นพื้นที่หวงแหนของหล่อน แต่ผมรู้สึกกังวลแกมอายๆ ขึ้นมาทุกครั้งเมื่อจะมีเพื่อนมาเยี่ยมบ้าน และจะมาเห็นพื้นครัวที่เต็มไปด้วยข้าวของต่างๆ นานา ซึ่งวางไว้มุมนั้นบ้าง มุมนี้บ้าง “ก็จะมีใครมาบ่อย” หล่อนแย้ง และพยายามจัดเก็บข้าวของให้เข้าที่เข้าทางมากที่สุดในแต่ละครั้ง แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เรียบร้อยในสายตาผมอยู่ดี แล้วหลังจากนั้นไม่กี่วัน ภายในห้องครัวก็กลับมาเป็นสภาพดั่งเดิม…วนเวียนซ้ำซาก

“ปัญหาคืออะไรรู้มั้ย” ผมถามเพื่อให้หล่อนได้สติ หล่อนส่ายหน้าคล้ายจำนน จริงๆ หากหล่อนคิดตริตรองก็น่าจะทราบถึงสาเหตุดี แต่ด้วยว่าภรรยาผมเป็นคนไม่คิดลึก ไม่คิดซับซ้อน จึงไม่สนอะไรทั้งสิ้น

ปัญหาของหล่อนคือเมื่อหยิบอะไรออกมาจากตู้หรือชั้นเก็บของแล้ว บางส่วนจะไม่ยอมนำคืนกลับที่เก่า บนพื้นชิดเท้าหล่อนหน้าเตาแก๊ส พวกขวดซอส กระปุกน้ำตาล กระปุกเกลือหรือเครื่องปรุงอื่นๆ ถูกวางอยู่ ทั้งที่มีชั้นไม้สามชั้นตั้งชิดกับเคาน์เตอร์เตาแก๊สแท้ๆ ส่วนตรงพื้นบริเวณหน้าตู้กระจกสองใบ ซึ่งใส่ถ้วยชาม แก้วน้ำ และอื่นๆ มีถาดหรือถ้วยบางส่วนวางอยู่ นอกจากนั้นก็ยังมีแป้งเป็นถุงๆ ที่หล่อนเตรียมไว้ทำขนม และวัตถุดิบอื่นๆ วางสุมไว้ด้วย อันที่จริงสิ่งเหล่านี้สามารถเก็บไว้ในตู้เก็บของได้ แน่นอนมันอาจจะแน่นตู้สักหน่อย และถึงอย่างไรมันก็ไม่ควรถูกวางไว้บนพื้นครัวแบบนั้น เมื่อก่อนพอผมบ่นทีหล่อนก็จัดเก็บข้าวของที แต่หลังๆ มานี้หล่อนปล่อยปละละเลย ทำให้ผมรำคาญเอามากๆ ผมสะดุดข้าวของของหล่อนหลายครั้ง เห็นอย่างนั้นแทนที่หล่อนจะตำหนิตัวเองในความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยของห้องครัว แต่กลับเอ็ดใส่ผมในเรื่องซุ่มซ่าม ทำให้ผมหัวเสียไปเลย

หลังฟังจบ หล่อนพูดว่า “เอาเป็นว่าฉันสะดวกแบบนี้ เพราะจะหยิบจะฉวยอะไรมันคล่องกว่าวางในชั้น ในตู้ ขอร้องเถอะนะอย่ามาวุ่นวายภายในครัวชั้นได้มั้ย” ครัวชั้นเน้นเสียงมาก ต้องการยืนยันสิทธิ์บนอาณาเขตนั้นเช่นเคย

แต่ผมไม่ยอมหรอก ต้องแก้เผ็ดให้หล่อนได้สำนึกสำเหนียกบ้าง

 

แล้ววันนั้นก็มาถึง “ตายแล้ว ทำไมเป็นแบบนี้” หล่อนโวยวายขึ้น ฝากระปุกน้ำปลาร้าหลุดออกและน้ำปลาร้ากระจาย ดีว่าครัวของหล่อนฝาผนังตีเป็นไม้ระแนง จึงโล่งระบายอากาศได้ดี แต่ถึงกระนั้นกลิ่นของน้ำปลาร้าก็ยังฟุ้งอบอวล

“บอกแล้วไง วางของเกะกะตามพื้นแบบนี้ สักวันเกิดเรื่องใหญ่แน่”

“ทำไมเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ…หา บอกแล้วไงอย่ามายุ่งวุ่นวายในห้องครัวของฉัน”

ผมตั้งใจเอามากๆ กับการเตะกระปุกน้ำปลาร้า ผมข่มความสะใจไว้ลึกๆ เดินออกจากครัวโดยไม่สนใจอะไร หลังปล่อยให้หล่อนจัดการทำความสะอาดครัวแต่เพียงลำพัง ก็พื้นที่ส่วนตัวไม่ใช่หรือ ทำไปเถอะ จากเหตุการณ์ในหนนั้นห้องครัวก็สะอาดโล่งขึ้นมาระดับหนึ่ง เพราะหล่อนพยายามจัดเก็บของเข้าที่เข้าทาง แต่ก็ยังเหลือบางส่วนที่วางไว้ตามพื้นครัวอยู่ดี ซึ่งต่อมาจานชามหม้อไหและเครื่องปรุงต่างๆ ก็พาทยอยลงจากชั้นมานอนกองอยู่บนพื้นครัวเหมือนเดิม…วนเวียนซ้ำซาก ผมต้องการเอาชนะหล่อนในเรื่องนี้ อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ผมไม่ชินกับสภาพแบบนี้ ครัวของแม่ผมสะอาดสะอ้าน ดังนั้น วันหนึ่งเมื่อหล่อนออกไปทำธุระนอกบ้านสามสี่ชั่วโมง ผมจึงลงมือทดลองจัดการห้องครัวของหล่อน ย้ายเหล่าขวดเครื่องปรุงบางส่วนกลับขึ้นชั้นวางของ โยกถ้วยชามถาดต่างๆ หลายชิ้นหลายใบเข้าไปเก็บในตู้เก็บของ ส่วนพวกแป้งกับเนยเทียมและของอื่นๆ อีกนิดหน่อยที่ผมหาที่เก็บไม่ได้ จึงต้องวางไว้ตรงพื้นมุมห้องครัวต่อไปด้วยความจำเป็น

“ตายแล้วทำอะไรครัวชั้นเนี่ย” หล่อนอุทานเมื่อเห็นพื้นครัวไม่เหมือนเดิม “แล้วยังงี้ฉันจะหาของเจอไหมเนี่ย” ผมบอกหล่อนว่าจะยากอะไร เพราะอะไรๆ ก็อยู่ตามที่มันเคยอยู่-ก่อนที่หล่อนจะย้ายมันลงมาข้างล่าง-นั่นแหละ ผมไม่อยู่รอฟังคำบ่นของหล่อน-ที่ยาวเหยียดแน่-ต่อ หนีออกจากพื้นที่ส่วนตัวของหล่อนมา

วันรุ่งขึ้นตอนสายๆ ผมทำงานในสวนหลังบ้าน ต้นกล้วยหอมที่ซื้อมาจากตลาดต้นไม้เมื่อสองปีที่แล้วกำลังโตและแทงหน่อเล็กๆ ขึ้นอีกสามสี่หน่อ ส่วนต้นกล้วยน้ำว้าออกเครือหลายต้น และแทงหน่อขึ้นมาอีกจำนวนหนึ่ง ผมคัดแยกต้นอ่อนออกมาจากกอแม่ เก็บไว้ให้เพื่อนคนหนึ่ง เขาจะมารับตอนบ่าย ผมเพลินอยู่ในสวนพักใหญ่จนรู้สึกหิว คว้ามือถือมาดูเวลา สิบเอ็ดโมงกับสิบนาที ปกติเราจะกินมื้อเที่ยงกันสิบเอ็ดโมง ผมล้างไม้ล้างมือเดินเข้าครัว ภรรยาผมยังง่วนอยู่ที่หน้าเตาแก๊ส เอี้ยวตัวมามอง “หิวยัง รอนิดหนึ่งนะ” ผมบอกว่าเลยเวลามาสิบกว่านาทีแล้ว หล่อนบอกว่าที่อาหารเสร็จช้า เพราะผมเก็บข้าวของเข้าตู้ จนกระทั่งหล่อนหยิบฉวยอะไรมาใช้ไม่สะดวกเลย

ผมหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ช่างเป็นข้ออ้างที่น่าขบขันเสียจริง ถ้าจะพูดถึงความล่าช้าของมื้อเที่ยง ยกเหตุผลอื่นมาอ้างน่าจะดีกว่านี้ไหม ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าคนเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ คนอะไรจะอยู่กับสิ่งเดิมๆ ได้ตลอดชาติ มันเริ่มต้นเมื่อหกปีมาแล้วและครัวรกขึ้นเรื่อยๆ ตามความแก่ของวัยของหล่อน

ดังนั้น ผมตัดสินใจเด็ดขาดไม่อ่อนข้อให้กับความไม่เป็นระเบียบในห้องครัวของหล่อนอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าหล่อนจะประกาศชัดว่านั่นคืออาณาจักรของหล่อนและหล่อนเป็นประมุข แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมต้องรู้จักรอจังหวะ

 

ผมคอยโอกาสที่จะจัดการชนิดเบ็ดเสร็จเด็ดขาดกับครัวของหล่อนนานอยู่เป็นสัปดาห์ จนกระทั่งวันหนึ่งภรรยาผมออกไปทำธุระกับเพื่อนที่ต่างอำเภอ พวกเขาไปตั้งแต่เช้าและจะกลับมาถึงบ้านตอนหัวค่ำ

ในระหว่างที่หล่อนไม่อยู่บ้าน ผมก็ลงมือทำตามแผนการทันที ผมมองข้าวของที่วางระเกะระกะบนพื้นครัวด้วยสายตาวิเคราะห์ ผมต้องแยกแยะพวกมันออกเป็นประเภทๆ อะไรควรอยู่ในตู้เก็บของ อะไรควรอยู่ที่ชั้นเก็บของ และอะไรควรจะทิ้งเป็นขยะได้แล้ว เมื่อแน่ชัดกับที่อยู่ของพวกมันแล้ว ผมจึงลงมือปฏิวัติ

เพียงครึ่งวันครัวของหล่อนก็โล่งสะอาดและเป็นระเบียบสมใจผม…ชัยชนะแบบใสๆ

“ตายแล้วๆ แกมาทำอะไรกับครัวของชั้นนี่” หล่อนโวยวายหลังจากย่างเท้าเหยียบเข้ามาในบริเวณอาณาจักรของหล่อน “แล้วอย่างนี้ฉันจะหาของเจอมั้ย โอย ฉันบอกแล้วอย่ามายุ่มย่ามกับพื้นที่ของชั้น แกนี่มันช่างน่ารำคาญจริงๆ” หล่อนเริ่มโมโห แต่ผมไม่สน

“อย่าพูดเว่อร์ไปหน่อยเลยนา” ผมต่อว่าต่อขาน

เช้าถัดมาอาหารเช้ามีเพียงกาแฟแก้วเดียว ซึ่งก็เหมือนทุกวันนั่นแหละ ปีนี้ฝนดีมาก เพียงแค่ต้นฤดูก็ชุ่มฉ่ำไปทั่ว ดังนั้น หญ้าจึงขึ้นรกเร็วมาก ส่งผลให้ภายในสวนไม่เป็นระเบียบเลย ผมสะพายเครื่องตัดหญ้าเข้าสวน ใช้เวลานานมากกับการกำจัดวัชพืช เสร็จจากการตัดหญ้าแล้ว ผมก็ตัดแต่งกิ่งต้นไม้

หล่อนเดินมาหลังบ้าน ถามว่า “หม้อสีเขียวอยู่ไหน ฉันหาไม่เจอ” ผมบอกตำแหน่งไป

ไม่ถึงสิบนาที หล่อนมาอีก ซึ่งผมคิดว่าหล่อนมาเรียกไปกินมื้อเที่ยง แต่ไม่ใช่ “เห็นถุงผ้านึ่งข้าวเหนียวมั้ย” ถามด้วยน้ำเสียงติดอารมณ์หงุดหงิด ผมบอกที่อยู่ไป

ผมตัดแต่งกิ่งไม้ต่อไปอีก เพราะคิดว่าประเดี๋ยวภรรยาจะเรียกกินข้าว แต่ก็ไม่มีเสียงเรียกเล็ดลอดออกมาจากห้องครัวหรือเดินมาตามแต่อย่างใด ผมคว้ามือถือมาดูเวลา เหลืออีกยี่สิบนาทีจะเที่ยงตรง พลางสงสัยว่าทำไมมื้อเที่ยงจึงล่าช้าแบบนี้ แต่ด้วยว่ามีอะไรต้องจัดการอีกภายในสวน ผมจึงดื่มน้ำและทำงานต่อ

 

บ่ายโมงแล้วภรรยาผมก็ยังไม่มาตามไปกินมื้อเที่ยง ท้องผมส่งเสียงประท้วงอย่างหนัก รู้สึกโมโหขึ้นมานิดหนึ่ง ทิ้งอุปกรณ์ต่างๆ ไว้ในสวน ก้าวฉับๆ ไปยังห้องครัว กะว่าบนโต๊ะอาหารต้องมีมื้อเที่ยงวางพร้อมอยู่แล้ว เพราะมันล่วงเลยเวลาเดิมมาสองชั่วโมงแล้ว

“มื้อเที่ยงเสร็จแล้วใช่มั้ย” ผมใช้เสียงนำไปก่อน และเมื่อเข้าไปสู่อาณาจักรของภรรยา ภาพที่ผมเห็นคือโต๊ะอาหารว่างเปล่า และตรงมุมหนึ่งของห้องครัวภรรยาผมนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่

“อ้าว เป็นอะไร” ผมถาม หล่อนเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำและเปียกชื้น เสียงต่อว่าปนเสียงสะอื้น “ชั้นเตือนแกแล้วว่าอย่ามายุ่งอะไรกับครัวของชั้น แกก็ไม่ฟัง เห็นมั้ยบ่ายโมงเข้าไปแล้ว ฉันยังทำกับข้าวไม่เสร็จเลย ชั้นหาอะไรไม่ค่อยเจอเลย แกย้ายนั่นย้ายนี่ของฉันหมด…”

เพราะสภาพของหล่อน จึงเกิดความสงสารจับใจ ดังนั้น ความโมโหเลยมอดดับไปสิ้น ทั้งที่ภายในช่องท้องมีร้องประท้วงดังโครกครากสนั่นหวั่นไหว

ผมเปิดตู้เย็น คว้าน้ำมาขวดหนึ่ง ไม่รอรินใส่แก้ว กรอกมันใส่ปากอั๊กๆ

น้ำเย็นขวดนี้เรียกว่ามื้อเที่ยงได้คงไม่ผิดอะไรใช่มั้ย

แล้วผมไปขลุกอยู่ในสวนต่อ •