หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๙๐)

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ | ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๙๐)

 

อวัยวะภายในของฉันมีจุดอ่อนอยู่อันหนึ่ง คือหัวใจ เพราะฉันเป็นคนมีปอดดี ตับดี ไตดี แต่หัวใจกลับมีปัญหา เนื่องมาจาก ฉันมีคลอเรสเตอรอลสูง มาตั้งแต่อายุ ๔๐ ปี มันเกิดจากพันธุกรรม

เพราะคอเลสเตอรอลนั้น ๓๐% เกิดจากอาหารที่กินเข้าไป แต่ ๗๐% เกิดจากร่างกายของเราผลิตขึ้นมาเอง

ฉันเป็นคนของยุคสมัย หากฉันเป็นคนยุคเก่า ฉันจะมีอายุได้อย่างมาก ๗๐ ปี

เพราะยุคนี้ เรามียาละลายไขมัน

หากพูดให้ชัด หากฉันเป็นคนยุคก่อน ฉันตายตั้งแต่อายุ ๑๐ ขวบ เพราะในวัยนั้น ฉันเกิดไส้ติ่งอักเสบ ซึ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรง ใครเป็นล้วนต้องตาย เหมือนโดนประหาร

แต่ในยุคนี้ ไส้ติ่งอักเสบ จัดการได้ง่ายดาย

 

ทุกครั้งที่ตรวจเลือด หมอจะบอกฉันว่า ควรกินยาละลายไขมัน แต่เนื่องจากยาตัวนี้ เวลากินแล้วต้องกินต่อเนื่องตลอดชีวิต ฉันจึงรั้งรอ มีความไม่แน่ใจ

มองย้อนกลับ

ฉันอายุ ๔๐-๕๐ ก็ไม่เห็นมีอะไร รู้สึกว่าคิดถูกแล้วที่ไม่กิน ร่างกายของฉันสบาย

ฉันอายุ ๕๐-๖๐ ก็ไม่มีอะไรอีกเช่นกัน ชีวิตของฉันยังเพลิดเพลิน เกินกว่าจะไปคิดวิตกถึงหัวใจ เรียกว่ายังพอได้อยู่

เมื่อฉันอายุ ๖๐-๗๐ ที่จริงควรคิดทบทวน ว่าในวัยนี้ ควรกินยาละลายไขมันได้แล้ว

แต่การได้ชนะมาเรื่อย ทำให้ประมาท ทศวรรษนี้เอง ที่ฉันพลาด ไขมันเริ่มเกาะตัวแน่นหนา แต่ฉันไม่รู้สึกตัว

ชีวิตที่แบ่งเป็นสิบปี ทำให้เห็นภาพได้ง่าย

 

พอดีฉันติดโควิด ในเดือนมิถุนายน 2023 ไวรัสตัวนี้ไม่มีผลต่อฉัน ฉันไปหาหมอ และกินยาโมโนพิราเวียร์ ห้าวันก็หาย ไม่เจ็บคอ ไม่ไอ ไม่มีไข้

แต่ทว่า ที่จริงมันมีผล มันไปทำให้เส้นเลือดที่ใกล้จะอุดตันของฉันอักเสบขึ้นมา ในสามวันหลัง ช่วงที่ฉันรักษาตัวจากโควิด อาการโรคหัวใจของฉันกำเริบ วันละ ๒-๓ ครั้ง ฉันรู้สึกตัวว่าหัวใจของฉันมีปัญหา พอโควิดหาย ฉันก็รีบไปหาหมอ บอกว่าพร้อมแล้วที่จะฉีดสี

หลังจากฉีดสี พบว่าเส้นเลือดหัวใจของฉันมีปัญหาห้าเส้น สองเส้นไม่ร้ายแรง คือตีบตันราว 70-80% แต่อีกสามเส้น ร้ายแรงมาก คือตีบตัน 99% เรียกว่าฉันใกล้ตายแล้ว หากไม่รักษาภายในหกเดือน ฉันอาจเดินเล่นอยู่เฉยๆ ก็ล้มลงเสียชีวิตได้

การที่มันตีบตัน 99% แต่ฉันยังไม่รู้สึกตัว ก็เพราะว่าร่างกายของฉันแข็งแรง เนื่องมาจากการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ มันทำให้กล้ามเนื้อหัวใจของฉันมีแรง เหมือนหลอดดูดกาแฟ ที่ใกล้ตันแล้ว แต่แรงดูดแต่ละครั้งดีมาก จึงทำให้ยังมีเลือดเข้าไปหล่อเลี้ยงหัวใจอย่างเพียงพอ แม้รูผ่านของมันจะเหลือเพียง 1% เท่านั้น แต่ในดีนี้มีร้าย มันจึงทำให้ฉันชะล่าใจ ไม่รู้สึกตัวเลย มิน่าเล่า คนแข็งแรงปกติหลายคน อยู่ๆ วันหนึ่งก็หัวใจวาย

ที่สำคัญ มันตันตรงขั้วหัวใจ ซึ่งทำให้ทำบอลลูนลำบาก และหากตันตรงจุดนี้ คือตายเท่านั้น

 

หมอที่สมิติเวช ไม่ยอมทำบอลลูนให้ บอกว่าอันตราย แนะนำฉันให้ทำ By Pass แต่นั่นเป็นการผ่าตัดใหญ่ เรียกว่า ต้องให้หัวใจฉันหยุดเต้นก่อน และผ่าร่างของฉัน ออกเป็นชิ้นๆ เหมือนที่ฉันเคยเห็นในซีรีส์ เฉพาะเวลาในการผ่าตัด คือราวแปดชั่วโมง ร่างกายของฉันจะโดนมีดหลายจุด ตั้งแต่ผ่ากระดูกซี่โครง จนถึงการผ่าเอาเส้นเลือดดำจากขา และหน้าอก

ฉันมีโอกาสเสียชีวิต 3-5% เนื่องจากอาจมี Complications ได้มากมาย และหากรอด ก็ต้องพักฟื้นนานถึงสามเดือน กว่าร่างกายจะกลับมาเป็นปกติ ซึ่งฉันก็ยังไม่รู้ว่า จะปกติจริงไหม จะเหมือนเดิมจริงหรือ

นี้คือฝันร้าย ที่ร้ายที่สุด

นึกไม่ออกว่า จะมีฝันร้ายใดร้ายกว่านี้

 

แต่ฉันทำใจ พร้อมจะเผชิญหน้า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ขั้นแรกหมอจะทำบอลลูนที่เส้นเลือดแดง เผื่อว่าตอนดมยาสลบ หัวใจของฉันจะหยุดเต้น ทางโรงพยาบาลเตรียมปอดเทียม หัวใจเทียม วางไว้ข้างๆ เตรียมรับมือเป็นขั้นๆ เป็นระยะๆ ที่จริงฉันมองความตายเป็นความธรรมดา ไม่ได้วิตกกังวลเลย

ฉันทำพินัยกรรมให้คู่ชีวิตของฉัน เพื่อความสบายใจของเธอ และฝากฝังเรื่องราวบางอย่าง เพียงแค่สองสามเรื่อง เพราะฉันไม่มีกังวลอะไร ฉันปล่อยวางเกือบทุกสิ่งอยู่แล้ว

ฉันมีเวลาว่างเพียงหนึ่งวันเท่านั้น คือวันพฤหัสบดี

ก่อนการทำบอลลูนเส้นเลือดแดง ตอนเที่ยงวันศุกร์ และทำการผ่าตัดใหญ่ ในเช้าวันเสาร์ เวลา 07.00 นาฬิกา

 

แต่ในหนึ่งวันนั้น แฟนของฉันไม่ยอมปล่อยวาง เธอวิ่งเต้นกับคุณพ่อของเธอ จนเรื่องไปถึงคุณหมอที่รามาฯ ท่านหนึ่ง ท่านรับปากว่า ทำบอลลูนได้ และมีความมั่นใจจะทำได้ ฉันจึงเปลี่ยนใจ ยอมย้ายจากสมิติเวช มารามาฯ และทำบอลลูนในวันเสาร์ วันเดียวกันกับที่นัดทำ By Pass ด้วยถือว่าเป็นเคสเร่งด่วน เคสของฉันถูกแทรกคิวเข้าไป

ในวันนั้น หมอทำให้ฉันอย่างง่ายดาย เพียงแค่ ๒๐ นาทีเท่านั้นเอง เหมือนไปทำฟัน

เจ็บเพียงนิดเดียว และเพราะใช้เวลาสั้นมาก ทุกอย่างเหมือนเป็นปกติ

งานนี้ เหมือนโศกนาฏกรรมใหญ่ มาราวพายุ แต่ทว่า มันกลับจบลงแบบละครตลก มีฝนตกเพียงนิดหน่อย น่าพิศวง ทำไมในวิกฤตมันจึงผกผันได้มากขนาดนี้

ฉันได้แต่พิศวง

แต่ในวิกฤตของโลก มันจะสลายตัวเร็วเช่นนี้หรอกหรือ ฉันได้แต่เฝ้ามอง

ภาวนาให้มันเป็นเช่นนั้น แต่มันคงไม่เป็นเช่นนั้น ด้วยบาปกรรมของมนุษย์ล้ำลึกสุดหยั่งได้

ไขมันของมนุษย์ที่จับตัวเป็นชั้นๆ หนาแน่นเกินบรรยาย

 

ชีวิตคู่ เป็นชีวิตเดียว ฉันรู้ตัวแต่แรก

ตอนนั้น ฉันถูกกักตัวอยู่ที่สมิติเวช ออกไปข้างนอกไม่ได้

มีแต่แฟนของฉัน และคุณพ่อของเธอ ออกไปวิ่งเต้น ติดต่อ ประสาน ที่สำคัญคือ มันต้องแล้วเสร็จภายใน ๒๔ ชั่วโมง

แต่ละชั่วโมง แต่ละนาที มีความหมาย

ฉันรู้สึกตัวตั้งแต่เช้า ว่าเย็นนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลง ด้วยมองออกถึงนิสัยใจคอของแฟนของฉัน แต่ลำพังเธอคนเดียว คงทำไม่ได้ ต้องอาศัยคุณพ่อของเธอ ที่เก๋าเกมกว่ามาก

 

ฝันร้ายของฉัน เกิดจากความชะล่าใจ ที่มีสาเหตุมาจากมันดำเนินมานานมาก จนฉันไม่รู้สึกตัว หากฉันเป็นกวาง เสือดาวตัวนี้มันคลานเข้ามาหาฉัน ทีละนิด ทีละน้อย ขยับตัวมาอย่างอดทน แม้ฉันจะหันไปมองก็มองไม่เห็น เห็นแต่เงาตะคุ่มๆ ก้อนดำๆ ที่ไม่ไหวติง เวลาผ่านไป มองดูก็ยังเห็นแต่เงาตะคุ่ม เกือบเหมือนเดิม เพียงแต่หากสังเกตให้ดี มันใหญ่ขึ้นนิดหน่อย ด้วยเพราะมันคืบคลานใกล้เข้ามาทีละน้อย เขยิบขยับ แล้วหยุดนิ่ง

นี้คือการสะสมของไขมัน

มันค่อยๆ คลาน ค่อยๆ ขยับ อย่างอดทน

รอจังหวะกระโจนเข้าขบคอหอยของฉัน

แต่ชีวิตลึกซึ้งเหลือจะคะเนได้ โอกาสรอดของฉันก็ยังมี

หากชีวิตของฉันไม่ทำอะไรเลย ต้องตายในหกเดือน

ในหกเดือนนั้น ก็ยังมีโอกาสรอด แต่มันต้องมีสาเหตุ ต้องมีอะไรมาสะกิดใจฉัน

มองในแง่นี้ ไวรัสโควิดให้คุณมากกว่าให้โทษ

มันเป็นเสียงหวอ

 

แต่ในสามสี่วันนั้นเอง ที่จิตของฉันเปลี่ยน มันเหมือนเข้าสู่จักรวาลคู่ขนาน มองดูจดหมายของเพื่อน แล้วภาพที่เห็นก็พร่า คลาดเคลื่อน มันกำลังกลายเป็นอีกสิ่งหนึ่ง แต่พอย้อนกลับมาทำบอลลูน เพียงแค่ตัดสินใจ จักรวาลนี้ก็กลับมาคงเดิม จนหมายนั้นก็คือฉบับเดิม

มีความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ พื้นฐาน

แต่มันก็ต่อเนื่อง จากบทที่ ๑๘๙ ก็ไปบทที่ ๑๙๐