เครื่องเคียงข้างจอ วัชระ แวววุฒินันท์ / คิดถึง “พ่อ”

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

คิดถึง “พ่อ”

วันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา เชื่อว่าคนไทยทุกคนคงรำลึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 กันถ้วนทั่ว

ทุกๆ ปี วันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันแห่งความสุข ความปีติ สำหรับคนไทยที่ได้ร่วมกันเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ

ทั้งประเทศมีการจัดงานกันเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และด้วยความรักเทิดทูนบูชาที่คนไทยมีต่อพระองค์ท่าน โดยมีพิธีใหญ่ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวงดังที่เราได้ชมการถ่ายทอดสดมาทุกๆ ปี

5 ธันวาคม 2559 บรรยากาศเปลี่ยนไป เพราะพระองค์ท่านได้เสด็จสวรรคตแล้วเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2559 ช่วงนั้นประชาชนอยู่ในความทุกข์โศกโทมนัส บรรยากาศของการจัดงานเพื่อเทิดพระเกียรติเช่นทุกๆ ปี คงไม่ใช่ หลายคนยังจำความรู้สึกของความเศร้าและความสูญเสียนั้นได้ดี

ตอนที่เขียนต้นฉบับนี้ ยังไม่ถึงวันที่ 5 ธันวาคม จึงไม่ทราบว่าจะมีการจัดงานใดๆ มากน้อยแค่ไหน และเนื้อหาของงานเป็นเช่นไร

แต่กับ 1 ปีกว่าที่ผ่านมาที่ไม่มีในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นที่สุดของศูนย์รวมหัวใจชาวไทยแล้ว

ทำให้อดคิดถึง “พ่อ” ไม่ได้ แม้จะเป็นความคิดถึงที่ไปๆ กลับๆ เพราะชีวิตทุกคนต้องดำเนินต่อไป แต่เชื่อว่าจะไม่สูญหายไปจากจิตใจคนไทยอย่างแน่นอน

สิ่งหนึ่งที่เห็นอย่างชัดเจนหลังจากที่ไม่มีพระองค์ท่านแล้ว คือ คนไทยสนใจในสิ่งที่พระองค์ท่านทรงทำ ทรงคิด ทรงพูด มากขึ้นและเป็นจริงเป็นจังกว่าครั้งที่ยังทรงมีพระชนม์ชีพเสียอีก

หรือนี่เป็นปกติธรรมดาของมนุษย์ ที่มักจะเห็นค่าของบางสิ่งเมื่อได้สูญเสียสิ่งนั้นไปจริงๆ แล้ว

ตลอด 70 ปีของการครองราชสมบัติ ไม่ต้องพูดซ้ำกันอีกว่าพระองค์ท่านทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากน้อยแค่ไหน ได้พระราชทานคำสั่งสอน แนวคิด ข้อเตือนสติไว้กี่ร้อยกี่พันข้อ ลำพังแค่พระบรมราชทานพระราโชวาทในโอกาสสำคัญต่างๆ เช่น วันเฉลิมพระชนมพรรษา วันขึ้นปีใหม่ วันพระราชทานปริญญาบัตร ก็ไม่รู้จะสักเท่าไหร่แล้ว

ยังมีพระบรมราโชวาท และพระบรมราชวินิจฉัย ในเหตุการณ์สำคัญๆ ต่างของบ้านเมืองอีกมาก ที่เราสามารถเรียนรู้ ได้คิดตามเพื่อเป็นบทเรียน และยึดเป็นแนวทางปฏิบัติได้

พระองค์ยังได้พระราชนิพนธ์ข้อเขียนและบทเพลงมาหลายเรื่อง หลายบทเพลง หลายความคิด แม้แต่ใน ส.ค.ส.พระราชทานก็ยังมีสติปัญญาอยู่ในนั้น

เมื่อสิ้นพระองค์ท่านแล้ว ข่าวสารข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับพระองค์ท่าน ทั้งจากแหล่งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ได้หลั่งไหลสู่หูตาของคนไทยมากมาย บางรูปเราไม่เคยเห็น บางเรื่องเราไม่เคยได้ยิน และมากเรื่องเราได้ยินแล้วก็กลับมาได้ยินซ้ำ เพื่อที่จะตอกย้ำให้คิดตามมากๆ ไม่ใช่ได้ยินและผ่านเลยไปเหมือนทุกคราว

เราได้เห็นการพยายามนำเอาแนวทางของ “ศาสตร์พระราชา” มาใช้ในบริบทต่างๆ แม้แต่ในนโยบายของรัฐบาล คสช. ก็กล่าวถึงอย่างชัดเจน หาฟังได้จากปากคำของท่านนายกฯ ที่พูดให้เราฟังบ่อยๆ ทุกๆ วันตอนเย็นๆ

ที่เห็นเป็นรูปธรรมหน่อยคือ การนำ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร หรืออาจารย์ยักษ์ แห่งมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ มาเป็น รมช.เกษตรฯ เพราะอาจารย์ยักษ์เป็นตัวจริงเสียงจริงของการนำ “ศาสตร์พระราชา” มาทำกับท้องถิ่นจนเกิดผลจริงมาแล้ว

เลยขอบอกกล่าวกันนิด รายการ “เจาะใจ” ในวันเสาร์ที่ 9 และ 16 ธันวาคมนี้ จะนำเสนอเกี่ยวกับโครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” ที่เชฟรอนเป็นโต้โผใหญ่ ทำต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 5 แล้ว มีอาจารย์ยักษ์เป็นหนึ่งในแกนนำด้วย เชิญชมกันได้เวลา 3 ทุ่มนะครับ

นอกจากตัวอย่างที่ว่าข้างต้นแล้ว ยังได้เห็นสังคมไทยนำหลักคิดต่างๆ ของพระองค์ท่านมาเชื่อมโยง มาปฏิบัติตามมากกว่าที่เป็นมาก่อน ดังเห็นได้จากข่าวคราวของหน่วยงาน และบุคคลต่างๆ กล่าวถึงว่าได้ยึดแนวทางของพระองค์ท่านมาใช้

บางเรื่องแม้จะไม่ได้มีต้นทางจากแนวทางคำสั่งสอนของพระองค์โดยตรง แต่สามารถเชื่อมโยงให้เห็นจริงได้

อย่างเช่นกรณี “ก้าวคนละก้าว” ของ ตูน บอดี้สแลม ที่สร้างปรากฏการณ์ของความศรัทธาให้เกิดขึ้นกับสังคมไทยอย่างล้นหลาม ที่ให้ทั้งความรัก ความศรัทธา และเงินบริจาค จนวันที่ตีพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์ฉบับนี้ ยอดคงทะลุ 500 ล้านไปแล้วแน่ๆ

นี่คือ “ความเพียร” ของพระมหาชนกชัดๆ

คือมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ว่าจะวิ่งจากอำเภอเบตงไปถึงอำเภอแม่สาย และตูนก็วิ่งๆๆๆ โดยไม่รู้หรอกว่าจริงๆ แล้วจะถึงไหม ถึงเมื่อไหร่ พระมหาชนกเสียอีกที่ยังว่ายๆ ไปโดยไม่เห็นฝั่งด้วยซ้ำ สำหรับตูนมีเส้นชัยของการวิ่งคืออำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย แต่สำหรับความศรัทธาและพลังใจนั้น ตูนได้วิ่งเข้าเส้นชัยไปนานแล้ว

ไม่ว่าสุดท้ายตูนจะวิ่งถึงหรือไม่ เพราะร่างกายอาจไม่เอื้อ

ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ มากกว่า 55 วันที่กำหนดหรือไม่

แต่ตูนก็ได้ทำสำเร็จแล้วในความรู้สึกของคนไทย ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีว่า ถ้าเราคิดดี มีเป้าหมายที่ดี ก็อย่ารีรอ จงลงมือทำ ทำ ทำ และทำ และความสำเร็จก็จะมาถึงเอง

ไม่อยากให้คนไทยที่ร่วมปรากฏการณ์ครั้งนี้เป็นแค่กระแสชั่ววูบ ไม่อยากให้แค่เซลฟี่แล้วก็ดีใจไปอวดใครๆ แต่อยากให้เมื่อปิดมือถือแล้ว ก็ลงมือทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องยิ่งใหญ่อย่างที่ตูนทำก็ได้ แต่ขอให้เกิดจากความตั้งใจทำในสิ่งที่ดีแก่ส่วนรวมเป็นพอ

เชื่อว่าคนไทยทุกคนสามารถทำได้ไม่แพ้พี่ตูนเช่นกัน

เงินบริจาคโครงการ “ก้าวคนละก้าว” ของตูน คงจะได้ทะลุเป้าหมายแน่นอน

แต่หากทุกคนยึดเอาแนวทางของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาทำตาม มาใช้ในชีวิต ความสุขอย่างยั่งยืนของคนไทยก็จะทะลุเป้าหมายได้เช่นกัน

อย่าให้ใครว่าได้ว่าคนไทยดีแต่ฉาบฉวย ดีแต่เปลือก แต่เอาเข้าจริงก็เห็นแก่ส่วนตัว มากกว่าส่วนรวม

อย่าให้การรักชาติแสดงออกแค่ยืนตรงตอน 8 โมงเช้า และ 6 โมงเย็น เหมือนที่คนต่างชาติทึ่งว่าเป็นปรากฏการณ์ของการรักชาติที่ชาติอื่นไม่มี แต่มีในเมืองไทย

หากการรักชาติทำได้มากกว่านั้นคงจะดีไม่น้อย ไม่ใช่พอเพลงชาติจบลงก็หันมาตีกันต่อ ยังทะเลาะยังเอาเปรียบกันอยู่

วันที่ 5 ธันวาคมนี้ คิดถึงพ่อเสียนักแล้ว

อย่าให้เป็นแค่ความคิดถึง แต่จงลงมือทำ โดยเฉพาะทำให้กับส่วนรวม

ตูนวิ่งไปหลายก้าวแล้ว เราเองได้เริ่มวิ่งกันหรือยัง