ค่ำคืน

พิชัย แก้ววิชิต

ค่ำคืน

 

เมื่อเป็นกลางวันลดน้อยถอยลง กับก้าวเดินที่ไม่ได้ลดน้อยถอยลงและยังคงก้าวข้ามเวลา ไปสู่ความเป็นค่ำมืดของราตรีกาล จำนวนผู้คนที่สัญจรไปมาเบาบางจนบางตา ค่ำคืนที่ผ่านความเป็นกลางวัน ความแตกต่างจากจุดที่ยังเดิมได้ผันเปลี่ยนบรรยายกาศไปเป็นอีกรูปแบบ ราวกับเป็นคนละเมือง

ความน่าค้นหาทำให้ต้องก้าวย่ำไปในแม้ยามราตรี บนท้องถนนไม่หลงเหลือสภาพการจราจรที่ติดขัดเหมือนเมื่อตอนกลางวัน ไร้ร่องรอยไว้ให้ดูต่างหน้า นานๆ ครั้งจึงจะมีรถวิ่งผ่านให้คลายเหงาเพียงสักคันสองคัน บรรยากาศจากดูเงียบระงับ แสงเหลืองสลัวตามปากซอยส่องสว่างเป็นระยะพอเห็นทาง

ค่ำคืนที่ต้องพึ่งแสงจากหลอดไฟส่องสว่างสีเหลืองอ่อนและขาวสลัวอยู่ปะปนกันแสงจากป้ายร้านสะดวกซื้อ ส่วนร้านอื่นๆ ที่ไม่สะดวกขายก็จะปิดเข้านอนกันตามปกติ

ในยามราตรี บาทวิถีหลายแห่งเป็นที่นอนของใครบางคนที่ไร้บ้าน แต่ก็อาจมีบ้างที่มีบ้านแต่ไม่อาจอยู่ได้อย่างเป็นสุข จึงได้เลือกแล้วที่จะกินอยู่หลับนอนเยี่ยงคนไร้บ้าน และอีกมากมายหลายปัญหา ที่ความเป็นคนต้องพบเจอ ถ้าต้องมีสักคำถาม สิ่งใดโลกนี้ที่เข้าใจได้ยากที่สุด

ก็คงจะมี “ชีวิตของคนเรานี่ล่ะ!! ที่เข้าใจยากในระดับต้นๆ ของโลก” เป็นคำตอบ

นานแค่ไหนที่ใครบางคนไม่เคยเห็นแสงตะวันในเวลาทำงาน จะมีก็เพียงแสงจันทร์ในตอนเที่ยงคืนเท่านั้น ที่จะคอยย้ำเตือนว่า “ถึงแล้วกับมือเที่ยงของค่ำคืน” มาม่า 1 ซองกับไข่ลวกร้อนๆ ในราคา 20 บาท จากร้านรถเข็นเล็กๆ ในโลกมืดให้พอได้อิ่มท้อง และตาสว่างไปจนกว่าจะถึงตอนเช้าก่อนเข้านอน / เทคนิค : F.6.3 1/250s ISO.640 / สถานที่ : คลองผดุงกรุงเกษม

สีสันในยามราตรีจากเมืองในอีกมุม กับแสงชีวิตของผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ไม่เคยหลับใหลในยามราตรี และยังคงส่องสว่างท้าทายความมืดมนของปัญหาปากท้องและความเป็นอยู่ นานแค่ไหนที่ใครบางคนไม่เคยเห็นแสงตะวันในเวลาทำงาน จะมีก็เพียงแสงจันทร์ในตอนเที่ยงคืนเท่านั้น ที่จะคอยย้ำเตือนว่า “ถึงแล้วกับมือเที่ยงของค่ำคืน” มาม่า 1 ซองกับไข่ลวกร้อนๆ ในราคา 20 บาท จากร้านรถเข็นเล็กๆ ในโลกมืดให้พอได้อิ่มท้อง และตาสว่างไปจนกว่าจะถึงตอนเช้าก่อนเข้านอน

สี่ทุ่มเศษๆ ไม่มากนาที จากวงเวียน 22 เดินเข้าถนนไมตรีจิตต์ มุ่งหน้าตามเข็มทิศของความตั้งใจไป “หัวลำโพง” ที่อยู่อีกไม่ไกล แสงไฟสีเหลืองสลัวจากเสาไฟส่องส่วางเป็นระยะทำให้บรรยากาศทางเท้าดูสวยงามจากแสงเงา แม้ในยามที่เดินเดี่ยว

ใช้เวลาไม่มากนักก็มาถึงคลองผดุงกรุงเกษม ผมหยุดและยืนพักเท้าอยู่กลางสะพานก่อนที่จะข้ามฝั่งคลองไปยังหัวลำโพง แสงไฟจากป้ายโฆษณาอันใหญ่ยักษ์อยู่สูงและห่างออกไปส่องแสงกระทบมายังผิวน้ำที่ดำสนิท ทำให้เห็นสีสันขยับพลิ้วไหว เป็นริ้วๆ ของเส้นที่มากสี มันเป็นแสงไฟในยามราตรีกับผิดน้ำที่ไม่เคยหยุดขยับพักนิ่งแม้เพียงเสี้ยวของวัน

ผมปล่อยใจลงคลองผดุงฯ อย่างคนใจง่าย แต่ไม่อาจปล่อยตัวอย่างขาดสติเพราะว่ายน้ำไม่เป็น

ในค่ำคืนกับจุดยืนไม่อาจเงยหน้ามองดูดาวพราวฟ้า ในค่ำคืนที่ไม่เห็นแสงจันทร์นวลผ่อง

ในค่ำคืนที่ชีวิตยังคงเดิม ในท้ายที่สุดถ้ามันจะไร้ซึ่งแสงอื่นใด ที่จะส่องสว่างนำทางไปให้พ้นจากความมืดมน

ก็คงจะมีแสงเดียวที่พอพึ่งพาได้ มันอาจเป็นสิ่งทำได้ยาก แต่ถ้าใครทำได้ ก็ยินดีด้วย กับแสงที่มาจากใจของตัวเอง

ขอบคุณมากมายครับ •

 

เอกภาพ | พิชัย แก้ววิชิต