หวยจะออกมาสูตรไหน | จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ขณะที่ 8 พรรคการเมือง ประกาศจับมือกันอย่างเหนียวแน่น “ปิดดีล” ประกาศชัยชนะ ดัน “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขึ้นสู่ทำเนียบนามนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ใต้ร่มเงาเสียงสนับสนุน 312 ที่นั่ง ฐานที่มั่นท่วมท้นล้นเหลือ มากกว่าปีกฝ่ายค้านถึง 124 เสียง แต่น่าประหลาดใจมาก ยัง “ยึดเมือง” ไม่สำเร็จ

“พิธา 1” เกิดมีมารผจญ เพราะยังติดกับดัก 376 เสียง ของ “บทเฉพาะกาล” ต้องสอบผ่านตัวเลขกึ่งหนึ่งของสองสภารวมกัน จาก “สภาผู้แทนราษฎร” 500 ที่นั่ง บวกกับ “วุฒิสมาชิก” 250 เสียง ที่ต้องการอีก 40 เสียง ถือว่าน้อยมาก แต่ “ส.ว.” จับขั้วกันแข็งแกร่ง คงพลิกข้ามสายค่อนข้างยาก

ระหว่างลุ้นระทึก “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” จะฟันฝ่าอุปสรรค ก้าวข้ามผนังทองแดง-กำแพงเหล็ก เงื่อนไข 376 เสียง และปมถือหุ้นสื่อในบริษัทไอทีวี ไปได้หรือไม่

จู่ๆ คนแดนไกล “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี สวมบท “หลวงพ่อทันใจ” ประกาศผาง ทางทวิตเตอร์ “ผมขออนุญาตอีกครั้ง ผมตัดสินใจแล้วว่าจะกลับบ้านไปเลี้ยงหลานภายในเดือนกรกฏาคมนี้ ก่อนวันเกิดผมครับ ผมขออนุญาตนะครับ เกือบ 17 ปีแล้วที่ต้องพลัดพรากจากครอบครัว ผมก็แก่แล้วครับ”

“ทักษิณ ชินวัตร” เกิดวันที่ 26 กรกฎาคม 2492 และคงจะมั่นใจมากๆ ว่าจะได้กลับมาฉลองอายุครบ 74 ปีที่ประเทศไทย เพราะอีก 2 ชั่วโมงต่อมา ทวิตเตอร์แจ้งให้ทราบย้ำชัดๆ อีกครั้งว่า

“ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นภาระพรรคเพื่อไทย ผมจะเข้าสู่กระบวนการกฎหมาย และวันที่กลับมายังเป็นช่วงรัฐบาลรักษาการของ พล.อ.ประยุทธ์ (จันทร์โอชา) อยู่ ทั้งหมดคือการตัดสินใจของผมเอง ด้วยความรักผูกพันกับครอบครัว/แผ่นดินเกิด และเจ้านายของเรา”

ก่อนหน้านี้ เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม เมื่อครั้งที่ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย คลอดบุตรชาย หลานคนที่ 7 “คุณตาโทนี่” ตั้งชื่อให้ว่า “ธาษิณ” แล้วเสร็จ ได้ทวีตข้อความเอาไว้ โดยระบุว่า

“ผมคงต้องขออนุญาตกลับไปเลี้ยงหลาน เพราะผมอายุจะ 74 ปี กรกฎาคมนี้แล้ว พบกันเร็วๆ นี้ครับ ผมขออนุญาตครับ”

“ทักษิณ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศไทย พลัดพรากจากบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองไปตั้งแต่รัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เคยเดินทางกลับมากราบแผ่นดินเกิดครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 แต่ช่วงเวลาไม่นาน ต้องสัญจรไพรใหม่ ตราบปัจจุบัน

“โทนี่ วู้ดซัม” เป็นคนฉลาดปราดเปรื่อง เก่งสารพัดเรื่อง รู้ข้อมูลตื้นลึกหนาบางดี เยี่ยมไปทุกองค์ประกอบ รู้จักรอคอย รู้จักอดทน ในบางสถานการณ์กลับบ้านไม่ได้ ตั้งหน้าตั้งตารอคอย การรอคอยคือยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุด การรีบร้อนลงมือ ขณะสถานการณ์ไม่ชัดเจน เท่ากับรนหาที่ตาย

ออกตัวแรงในรอบนี้ ต้องไม่แทงผิดฝั่ง หรือผิดทั้งสองฝั่ง “ล้อหมุนฟรี” เหมือนครั้งที่แล้วๆ มาแน่นอน

 

เมื่อ “ทักษิณ” เดินทางกลับมาตุภูมิได้ตามที่ต้องการ แต่ต้องเดินทางเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายก่อนเป็นลำดับแรก ซึ่งเจ้าตัวน้อมรับ โดยโทษของคดีที่ต้องแบกรับ มี 3 ประเภท ตามคำชี้แนะของ “นายวิษณุ เครืองาม” รองนายกฯ

1. คดีที่ศาลตัดสินแล้ว และนายทักษิณไม่ได้มารับโทษ

2. คดีที่ศาลยังไม่ได้ตัดสิน

และ 3. คดีที่ศาลตัดสินแล้วว่านายทักษิณไม่มีความผิด ดังนั้น ต้องดูว่า คดีเข้าข่ายประเภทใด แล้วต้องดำเนินการไปตามคดีประเภทนั้นๆ

ย้อนไปดูคดีที่ “ทักษิณ” ถูกตั้งข้อกล่าวหามีอยู่หลายกรรมหลายวาระด้วยกัน ประกอบด้วย

1. คดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 2 ปี คดีหมดอายุความไปเรียบร้อยแล้ว

2. คดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว หรือ “คดีหวยบนดิน” ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 2 ปี

3. คดีสั่งการให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย อนุมัติปล่อยเงินกู้ 4 พันล้านบาท ให้แก่เมียนมา ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 2 ปี

4. คดีให้นอมินีถือหุ้นชินคอร์ปอเรชั่น และเข้าไปมีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นในกิจการโทรคมนาคม ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 5 ปี

เท่ากับว่า คดีที่ได้รับส่วนใหญ่ เข้าข่ายประเภทตัดสินแล้ว แม้ไม่ได้มารับโทษ แต่หมดอายุความแล้ว ที่ไม่หมด ก็สามารถยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ และต้องรับโทษ 1 ใน 3 ก่อน ก็น่าจะติดไม่นาน สามารถกลับบ้านไปเลี้ยงหลานได้สมใจ

อย่างไรก็ตาม “นกบินกลับเกาะ คนกลับบ้าน” ของ “ตาโทนี่” ในคาบนี้ มันอยู่ในช่วงชุลมุนชุลเก ว่าด้วยการฟอร์มรัฐบาล ซึ่งมีแนวโน้มสูงว่า “พิธา 1” จะชนปังตอ ไม่ด่าน ส.ว. ก็ปมหุ้นไอทีวี

“พรรคเพื่อไทย” ใครๆ ก็รู้ที่ไปที่มา ว่าเจ้าของตัวจรงเสียงจริงคือผู้ใด เกิดปืนลั่น “คุณทิม” หัวทิ่ม 8 พรรคที่ร่วมลงนามด้วยกันมา “ทัพแตก” เงื่อนไขแรก สลับฟันปลา “ก้าวไกล” ถอยให้ “เพื่อไทย” หนึ่งก้าว เปลี่ยนตัว คนอื่นขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี จากแคนดิเดตนายกฯ 3 คนคือ “อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา ทวีสิน-ชัยเกษม นิติสิริ” ทุกพรรคน่าจะจำยอมด้วยเงื่อนไขบังคับ เนื่องจากค่ายสีส้มส่งชื่อเข้าประกวดเพียงคนเดียวคือ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ขณะที่แนวร่วมรายอื่นๆ ไม่เข้าเกณฑ์ได้ ส.ส.ร้อยละ 5 แนวทางนี้ กระแสสังคมเองพอรับได้

ที่ซึ่งตรงกันข้าม แผนกลับบ้านมาเลี้ยงหลาน ถูกนำมาเป็นเงื่อนไขบีบให้ “พรรคเพื่อไทย” สลับข้าง เปลี่ยนขั้ว ยอมทิ้งเพื่อนเก่า 7 พรรค แปรพักตร์ไปร่วมวงไพบูลย์กับฝั่ง “อำนาจเก่า”

ไม่ว่าหวยจะออกมาสูตรไหนๆ เพื่อไทยเป็นแกนนำฟอร์มรัฐบาลเอง หรือไปเป็นแค่นั่งร้าน แค่แลกกับความปลอดภัย และ “ลุงทักษิณ” ที่ได้กลับบ้านมาเลี้ยงหลาน อะไรก็ได้ เอาหมด

“เพื่อไทย” ก็น่าจะแตกดังโพละ ถึง “กาลอวสาน”