E-DUANG : เงาสะท้อน การอยู่ 3 ปีของ “คสช.”

ไม่ว่าเรื่อง “ปรับครม.” ไม่ว่าเรื่อง “ยางพารา” ไม่ว่าเรื่องการเสียชีวิต ของ “น้องเมย”

ดำเนินไปในแบบ “คนละเรื่อง เดียวกัน”

ปรับครม.ก็เรื่อง 1 ยางพาราก็เรื่อง 1 การเสียชีวิตของน้องเมยก็เรื่อง 1

แต่เป็นเรื่องเดียวกันเพราะเป็นเรื่อง “ภายใน”

ภายในตรงที่การปรับครม.มีจุดเริ่มมาจากการลาออกของ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เป็นรัฐมนตรีที่มากับคสช.

ยางพาราก็สัมพันธ์แนบแน่นอยู่กับกปปส.

กรณีการเสียชีวิตของ “น้องเมย” ก็เด่นชัดยิ่งว่าครอบครัวของ น้องเมย รักทหาร รักคสช. เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับรัฐประหาร

ทั้งหมดนี้จึงมิใช่เรื่อง “คนนอก”

 

ความจริงเรื่องทั้งหมดนี้สามารถบริหารจัดการได้อย่างง่ายดายและราบรื่น

เพราะว่าล้วนอยู่ในกำมือของ “คสช.”

แต่การปรับครม.ต้องยืดเยื้อใช้เวลามากกว่า 3 สัปดาห์เพราะติดอยู่ในวังวน “รักพี่เสียดายน้อง” หรือเกรง “ลูบหน้าปะจมูก” จึงต้องดำเนินไปในแบบ “บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น”

ขณะที่เรื่องอันเกี่ยวกับยางพารามากด้วยความละเอียดอ่อน เพราะไม่เพียงแต่จะเกี่ยวกับ”ตลาดโลก”

หากที่สัมพันธ์ก็คือ การบริหารจัดการ

พอมาถึงกรณีการเสียชีวิตของ”น้องเมย” หากสำรวจอย่างจริงจัง เข้มงวด ก็มาจาก”ปาก”

เมื่อออกมา”ขอโทษ” เรื่องก็น่าจะ”จบ”

 

กระนั้น ความเป็นจริงที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ 3 ปรากฏการณ์นี้กำลังสะท้อนบทบาทและตัวตนของ “คสช.”

คำถามอยู่ที่ว่า “ตัวตน” นี้จะมี”ผล”อย่างไร

เพราะว่าการลาออกของ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล มีพื้นฐานมาจากไม่พอใจการใช้อำนาจของ”มาตรา 44″

เพราะว่ากรณี”ยางพารา”เป็นเช่นนี้มา 3 ปีกว่าแล้ว

ยิ่งกรณีการเสียชีวิตของ “น้องเมย” ยิ่งเป็นเงาสะท้อนแห่งระบบภายในกองทัพ ที่ขาดการตรวจสอบและไม่สามารถแตะต้องได้

เท่ากับเป็นผลพวงของการอยู่มา 3 ปีกว่านั่นเอง

เป็น “ผลงาน” ทั้งในด้านความสำเร็จและความล้มเหลว