ผ่าคดีแก๊งมังกรแสบ อุ้มฆ่า น.ศ.จีนในไทย ‘บิ๊กเด่น’ สั่งล้อมคอก เช็กประวัติอาชญากร

อาชญากรรม | อาชญาข่าวสด

 

ผ่าคดีแก๊งมังกรแสบ

อุ้มฆ่า น.ศ.จีนในไทย

‘บิ๊กเด่น’ สั่งล้อมคอก

เช็กประวัติอาชญากร

 

เป็นอีก 1 คดีสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นจากเงื้อมมือชาวจีนที่มาก่อเหตุในประเทศไทย สำหรับกรณีอุ้มฆ่านักศึกษาสาวชาวจีน ที่มาเรียนในประเทศไทย ทิ้งศพยัดถุงอำพรางคดีในพื้นที่ จ.นนทบุรี

ซึ่งเมื่อสืบสาวราวเรื่องไปแล้วพบว่ากลุ่มคนร้ายก็คือชาวจีนด้วยกัน ที่วางแผนเตรียมพร้อมมาตั้งแต่ประเทศจีน หวังก่อเหตุอุ้มไปเรียกค่าไถ่จากครอบครัวที่เป็นเศรษฐี สุดท้ายไม่ว่าจะเกิดความพลั้งเผลอ หรือผิดแผน จึงตัดสินใจลงมือฆ่าด้วยความเหี้ยมโหด ก่อนเผ่นหนีออกจากประเทศไทยไป

ยังดีที่การสืบสวนรวดเร็ว สามารถระบุตัวคนร้ายได้ชัดเจน และประสานไปยังทางการจีนเพื่อจับกุมตัวดำเนินคดี

แต่ก็ทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสียชื่อเสียง หนำซ้ำก่อนหน้านี้ยังเกิดเหตุชาวจีนที่บุกก่ออาชญากรรมในไทยบ่อยครั้ง กลายเป็นคำถามว่าเหตุใดกลุ่มคนเหล่านี้ถึงไม่เกรงกลัวกฎหมาย และเจ้าหน้าที่ไทยต้องดำเนินการอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซากขึ้นอีก

รวมทั้งการตรวจสอบประวัติการเดินทางเข้าไทยของกลุ่มอาชญากรเหล่านี้ มีความละเอียดรอบคอบเพียงใด

ต้องมีวิธีดำเนินการ ไม่ให้เมืองไทยกลายเป็นสวรรค์ของการก่ออาชญากรรม โดยเฉพาะของกลุ่มอาชญากรจีนข้ามชาติพวกนี้อีก

บ้านเช่าที่ก่อเหตุ

3 จีนโหดอุ้มฆ่า น.ศ.สาว

เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นที่รับรู้เมื่อช่วงสายวันที่ 1 เมษายน โดย พ.ต.ท.อนันท์ ปานทอง สว.สอบสวน สภ.บางแม่นาง จ.นนทบุรี รับแจ้งเหตุพบศพหญิงสาวถูกฆาตกรรม ยัดใส่ถุงพลาสติกสายรุ้ง ทิ้งอยู่ในร่องน้ำสวนบัว ริมถนนวัดต้นเชือกศาลายา หมู่ 6 ต.บางใหญ่ จ.นนทบุรี

แพทย์ชันสูตรระบุว่าผู้ตายเป็นหญิงอายุประมาณ 25-30 ปี ผิวขาว ไม่พบเอกสารในตัวผู้ตาย สภาพศพเน่าเปื่อย ถูกสัตว์กัดแทะแขนขวาตั้งแต่หัวไหล่จนถึงมือ แขนซ้ายมีบาดแผลจากของมีคมฟันหลายแผล ศีรษะถูกคลุมด้วยผ้าสีน้ำเงิน มีสก๊อตเทปใสพันรอบคอ แผ่นหลังคล้ายถูกไฟลน มีร่องรอยเขียวช้ำ ถูกทรมาน คาดเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 3-4 วัน

เจ้าหน้าที่เร่งเช็กวงจรปิดเพื่อคลี่คลายคดี

โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 31 มีนาคม อาจารย์ที่ปรึกษาของ น.ส.จิน ซ่าน อายุ 22 ปี นักศึกษาแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ ชั้นปีที่ 3 เอกการดนตรี เข้าแจ้งความที่ สน.ธรรมศาลา ว่าลูกศิษย์หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม โดยระบุว่า บิดาของ น.ส.จิน ซ่าน ซึ่งเป็นครูสอนดนตรีที่ประเทศจีน ติดต่อมาว่า เมื่อวันที่ 29 มีนาคม มีคนร้ายติดต่อผ่านแอพพลิเคชั่นวีแชตของลูกสาว ส่งภาพ น.ส.จิน ซ่าน ถูกกักขังมัดมือเท้าในสถานที่แห่งหนึ่ง เรียกเงินค่าไถ่ 5 แสนหยวน หรือ 2.5 ล้านบาท ให้โอนเข้าบัญชีคนจีนคนหนึ่ง แต่ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงไม่ได้โอนตามที่ถูกข่มขู่จากนั้นก็ติดต่อไม่ได้ เกรงจะเกิดอันตราย

ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่าศพที่พบในร่องน้ำนั้น ก็คือ น.ส.จิน ซ่าน นั่นเอง

จากคดีลักพาตัวกลายเป็นคดีฆาตกรรมทันที!!!

เจ้าหน้าที่จึงเร่งคลี่คลายด้วยการเช็กวงจรปิดในมหาวิทยาลัย พบว่าเมื่อช่วงค่ำวันที่ 28 มีนาคม น.ส.จิน ซ่าน เดินทางออกจากมหาวิทยาลัย และพบวงจรปิดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเลียบคลองทวีวัฒนา เมื่อเวลา 19.16 น.

จากนั้นเวลา 21.00 น. หลังรับประทานอาหารเสร็จ น.ส.จิน ซ่าน ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามเพื่อเรียกแท็กซี่ไปยังห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวสต์เกต ก่อนจะถูกคนร้าย 3 คน ซึ่งเป็นคนจีนด้วยกัน ทราบชื่อภายหลังว่า นายเซียงเฟย โจว นายเผิงเฟย โจว และนายไซกัง เฉิน ซึ่งเดินทางเข้าประเทศไทยด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 ลักพาตัวไปไว้ที่บ้านเช่าหลังหนึ่งใกล้ที่เกิดเหตุ

จากนั้นเวลา 01.30 น. พบรถมาสด้าสีแดง มาจอดที่บริเวณร่องน้ำสวนบัว แล้วคนร้ายทั้งสามลงมาจากรถ นำศพ น.ส.จิน ซ่าน ยัดใส่ถุงพลาสติกสายรุ้งเอามาทิ้งไว้ที่บริเวณดังกล่าว

วงจรปิดจับภาพคนร้าย

หลักฐานชัดเจนทั้งหมด

แฉร่วมมือสาวไทยด้วย

ทั้งนี้ จากการสอบสวนพบว่า คนร้ายทั้งสามได้เดินทางออกจากประเทศไทยไปตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม ปลายทางเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน

โดยบ้านหลังดังกล่าวที่คาดว่าใช้เป็นที่กักขัง น.ส.จิน ซ่าน และเป็นสถานที่ฆาตกรรม มีผู้หญิงคนหนึ่งมาติดต่อขอเช่าเป็นระยะเวลา 1 เดือน ทำสัญญาเช่าตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา จนกระทั่งคืนวันที่ 29 มีนาคม ผู้เช่าติดต่อขอคืนบ้านเช่ากับเจ้าของบ้าน อ้างต้องเดินทางกลับประเทศด่วน และขอเงินค่าเช่าที่จ่ายล่วงหน้าบางส่วนคืน

ขณะที่ รปภ.ยืนยันว่าเห็น น.ส.จิน ซ่าน นั่งรถแท็กซี่สีเขียว-เหลือง มาลงที่หน้าหมู่บ้าน จากนั้นมีรถเก๋งสีแดงมารับ ก่อนที่จะขึ้นรถเข้าไปในหมู่บ้าน และในวันที่ 29 มีนาคม พบรถเก๋งมาสด้าสีแดง ขับออกไปเวลา 20.20 น. และไม่ได้กลับเข้ามาอีกเลย

ทั้งนี้ จากแนวทางการสืบสวนคาดว่ากลุ่มคนร้ายซึ่งมี 3 คนนั้นน่าจะวางแผนล่วงหน้า โดยกลุ่มชาวจีนทั้ง 3 คนสืบประวัติ น.ส.จิน ซ่าน ตั้งแต่ชั้นปี 1-2 ที่เรียนที่มหาวิทยาลัยในจีน รู้ว่ามีพ่อเป็นครูสอนดนตรีที่ฐานะดี เข้าขั้นเศรษฐี คนร้ายจึงล่อลวงให้ น.ส.จิน ซ่าน หลงรัก และยอมคบหา 1 ใน 3 ของแก๊ง เมื่อทราบว่า น.ส.จิน ซ่าน บินมาเรียนที่เมืองไทย ก็ซื้อตั๋วบินตามมา โดยมาเช่าบ้าน เช่ารถเพื่อก่อเหตุ จนกระทั่งเรียกเธอมาพบเพื่อเรียกค่าไถ่ ก่อนที่จะพลั้งมือฆ่า

นอกจากนี้ ยังพบผู้สมรู้ร่วมคิด เป็นสาวชาวไทย คือ น.ส.ชนิดา มาทอง อายุ 19 ปี สาวคาราโอเกะ ซึ่งเจ้าหน้าที่คุมตัวมาสอบสวน และให้การรับสารภาพว่า กลุ่มคนร้ายชาวจีนทั้ง 3 รายเป็นลูกค้าเข้ามาเที่ยวที่ร้านจนเกิดความสนิทกัน กระทั่งทั้ง 3 คนมาปรึกษาเกี่ยวกับการอุ้มตัวนักศึกษาสาวชาวจีนเพื่อเรียกค่าไถ่ ไปจนถึงขั้นตอนหลัง น.ส.จิน ซ่าน ถูกฆ่าตายแล้ว

จึงแนะนำให้นำร่างไปยัดถุงและนำไปทิ้งเพื่ออำพรางคดี รวมทั้งยังเป็นคนขับรถไปส่ง 3 คนร้ายชาวจีนเพื่อขึ้นเครื่องหลบหนีกลับประเทศจีนด้วย

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า จากการประสานทางการจีน ทราบว่าตำรวจจีนได้จับกุมชายชาวจีน 3 คน ที่ก่อเหตุร่วมกันฆ่านักศึกษาสาวชาวจีนได้แล้วที่เมืองอู่ฮั่น และจะดำเนินคดีเพราะทั้ง 3 คนเคยก่ออาชญากรรมในประเทศจีน ขณะเดียวกัน ตร.จะส่งพนักงานสอบสวนบินไปสอบปากคำผู้ต้องหาที่ประเทศจีนด้วย

ส่งภาพรีดค่าไถ่

ปิดคดีได้อย่างรวดเร็ว

ย้อนคดีแก๊งอุ้มรีดค่าไถ่

ทั้งนี้ ในรอบ 1-2 เดือนที่ผ่านมา พบว่าการก่ออาชญากรรมในไทยของกลุ่มชาวจีนเกิดขึ้นไม่น้อย โดยเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ก็มีเหตุแก๊งชาวจีนก่อเหตุอุกอาจกลางกรุง บุกอุ้ม น.ส.เนี่ย ลี่ เจี่ยว หรือเสี่ยวอี้ ลวง น.ส.เวง เมงลู อายุ 32 ปี สาวจีนหลังออกจากร้านอาหารย่านทองหล่อ โดยคนร้ายใช้นกต่อที่เป็นเพื่อนของเหยื่อ ลวงมารับประทานอาหาร ก่อนจะให้เพื่อนร่วมแก๊งใช้กรรไกรจี้ขึ้นรถตู้อัลพาร์ด ปิดตา ปิดปากกักขังไว้ในรถ 1 คืน บังคับรีดเงินหยวน และเงินดิจิทัลกว่า 3.3 ล้านบาท

สุดท้าย ตม.สระแก้ว จับกุมแก๊งชาวจีนนี้ได้ โดยมีนายราน เสียวหย่ง อายุ 52 ปี สัญชาติจีน นายเซิง โป สัญชาติจีน ขณะเตรียมหลบหนีไปฝั่งประเทศกัมพูชา บริเวณชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ส่งตัวดำเนินคดี ข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกายจนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้นโดยมีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ

ขณะที่เมื่อวันที่ 20 มีนาคม นายหม่า หมิง อายุ 33 ปี เข้าแจ้งความที่ สภ.หนองปรือ ระบุว่า น.ส.ซาน ฉีเฉียง อายุ 33 ปี ภรรยาและพี่ชาย ถูกชาวจีนลักพาตัวไป ขณะที่ส่งลูกชายวัย 3 ขวบไปโรงเรียน ต่อมาคนร้ายโทรศัพท์มาข่มขู่เรียกค่าไถ่เงินสด 1 ล้านหยวน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 5 ล้านบาท เพื่อแลกตัวภรรยาและพี่ชาย

ต่อมาคนร้ายปล่อยตัวทั้ง 2 ออกมาเมื่อช่วงเย็นวันที่ 21 มีนาคม และจากการสืบสวนสามารถจับกุมนายอู๋ ไห่หยาง อายุ 33 ปี ชาวเมืองหนานหนิง ประเทศจีน ได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะที่นายเฉิน หวัง อายุ 29 ปี คนร้ายอีกคนหลบหนีกลับประเทศจีน อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี

ก่ออาชญากรรมรัวๆ จนเกิดคำถามการคัดกรองคนจีนเข้าประเทศ ร้อนจน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ต้องเชิญ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. หารือแนวทางแก้ไขปัญหานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาไทย โดยใช้ Visa on Arrival หรือ VOA

พร้อมระบุว่า นโยบายของรัฐบาลต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่ก็ให้เข้มงวดกวดขันพวกที่อยู่เกินกว่ากฎหมายกำหนด หรือโอเวอร์สเตย์ พร้อมประสานข้อมูลกับทางการจีน เพื่อทราบข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับประวัตินักท่องเที่ยวว่ามีประวัติก่อคดีอาชญากรรมมาก่อนหรือไม่ เพื่อเฝ้าระวัง

ส่วนจะแก้ไขลดการเกิดอาชญากรรมของแก๊งข้ามชาติเหล่านี้ได้หรือไม่ คงต้องติดตาม!!!