ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 17 - 23 พฤศจิกายน 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | คุยกับทูต |
ผู้เขียน | ชนัดดา ชินะโยธิน [email protected] |
เผยแพร่ |
คุยกับทูต ปีเตอร์ ไรเดอร์ จากแดนกีวี สานสัมพันธ์ทางการทูตรอบสอง (2)
ย้อนอ่านตอน คลิก (1)
“ต้องยอมรับว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับนิวซีแลนด์ยังไม่ได้ดำเนินไปตามปกติ นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ.2014 จะเห็นได้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีบุคคลในระดับรัฐมนตรีหรือตำแหน่งอื่นในรัฐบาลนิวซีแลนด์มาเยือนไทย ความสัมพันธ์จึงไม่ได้เป็นไปอย่างใกล้ชิดเหมือนที่เคยเป็น”
นายปีเตอร์ ไรเดอร์ อดีตเอกอัครราชทูต (Ret.) ซึ่งปัจจุบันกลับมารับหน้าที่อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย (ชั่วคราว) กล่าว
“ผมพูดเสมอเพราะเรื่องนี้ไม่ได้เป็นความลับใดๆ แต่ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีการพัฒนาที่ดีขึ้น ซึ่งควรจะเป็นการกลับไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยนิวซีแลนด์ยินดีที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้า ด้วยเหตุนี้ จึงมีรัฐมนตรีจากนิวซีแลนด์มาเยือนไทยเป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นับจากสามปีของการรัฐประหาร อันเป็นโอกาสที่เราจะได้พบปะเจรจากันมากขึ้น หากประเทศไทยกลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงในปีนี้หรือปีหน้า”
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า นายทอดด์ แม็กเคลย์ (Honorable Todd McClay) ในฐานะผู้แทนพิเศษของรัฐบาลนิวซีแลนด์ และเป็นผู้แทนระดับรัฐมนตรีคนแรกของรัฐบาลนิวซีแลนด์ที่มาเยือนประเทศไทยตั้งแต่รัฐบาลชุดปัจจุบันของไทยเข้ามาบริหารประเทศ
เพื่อมาร่วมลงนามพร้อมกับ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในพิธีสารเพื่อแก้ไขภาคผนวก 3 ของความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นระหว่างไทยกับนิวซีแลนด์ อันเป็นการช่วยส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน รวมทั้งเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นด้วย
นิวซีแลนด์เป็นคู่ค้าอันดับที่ 32 ของไทย และไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 10 ของนิวซีแลนด์ในปี ค.ศ.2016 มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 2,007.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 0.49 ของมูลค่าการค้ารวมทั้งหมดของไทย)
โดยไทยส่งออกไปนิวซีแลนด์ 1,415.88 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 330.92
และไทยนำเข้าจากนิวซีแลนด์ 591.28 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 148
ซึ่งไทยได้ดุลการค้ามูลค่า 824.6 ล้านเหรียญสหรัฐ
ไทยและนิวซีแลนด์เป็นประเทศที่สามารถเสริมทางเศรษฐกิจซึ่งกันและกัน ไทยส่งออกสินค้าที่ผลิตด้วยเครื่องจักรเป็นหลักไปยังนิวซีแลนด์
ส่วนนิวซีแลนด์เน้นการส่งออกสินค้าเกษตรกรรม พึ่งพาภาคการผลิตขั้นต้น (Primary Sector) อาทิ การเกษตร การเหมืองแร่ วัตถุดิบ ทรัพยากรทางธรรมชาติ ซึ่งประเทศไทยในฐานะฐานการผลิตของหลากหลายประเภทสินค้าอุตสาหกรรมทั้งชิ้นส่วนยานยนต์ ยางรถยนต์ ยานยนต์ในอุตสาหกรรม เม็ดพลาสติกและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ จึงได้รับประโยชน์จากความต้องการดังกล่าว
ความร่วมมือทางการค้าระดับทวิภาคีระหว่างสองประเทศได้มีการพัฒนาจนกระทั่งมีการลงนามความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-นิวซีแลนด์ (TNZCEP) ที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น เมื่อวันที่ 19 เมษายน ค.ศ.2005
นอกจากนั้น ยังมีความร่วมมือในระดับพหุภาคีที่ทําให้การค้าของสองประเทศมีความเชื่อมโยงกันมากขึ้น
ด้านความสัมพันธ์นิวซีแลนด์กับอาเซียน (ASEAN) อาเซียนซึ่งมีการร่วมมือทางเศรษฐกิจกับภายนอกกลุ่มมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายการเชื่อมโยงกับประเทศหรือกลุ่มประเทศนอกอาเซียน
เช่น ความร่วมมืออาเซียน+3 (ASEAN plus three) อันเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ กับอีก 3 ประเทศ คือ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
ส่วนความร่วมมืออาเซียน+6 (เพิ่มอีก 3 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย) ซึ่งจะส่งผลให้มีขนาดผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) ใหญ่เป็น 1 ใน 4 ของโลก และมีจำนวนประชากรมากเป็นครึ่งหนึ่งของโลก
ท่านทูตไรเดอร์กล่าวว่า
“อาเซียนมีความสำคัญต่อนิวซีแลนด์มาก เป็นคู่ค้าทั้งในด้านการส่งออก-นำเข้า และเป็นภูมิภาคที่สนิทสนมที่สุดของนิวซีแลนด์ ครอบคลุมความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ และการพัฒนาระหว่างอาเซียนและนิวซีแลนด์”
เมื่อปี ค.ศ.2013 อาเซียนเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับสี่ของนิวซีแลนด์โดยมีการค้าทวิภาคีมูลค่า 12.6 พันล้านเหรียญนิวซีแลนด์ รองจากจีน ออสเตรเลีย และสหภาพยุโรป ซึ่งมีมูลค่า 12.8 พันล้านเหรียญนิวซีแลนด์
นิวซีแลนด์นับเป็นประเทศแรกที่มีข้อตกลงทางการค้าเสรี (FTA) กับจีน ฮ่องกงและไต้หวัน
รวมทั้งมีส่วนร่วมในการเป็นพันธมิตรของข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) กับสหรัฐ
และความร่วมมือทางเศรษฐกิจแบบครอบคลุมภูมิภาค (RCEP) ระหว่างอาเซียน 10 ประเทศ กับคู่ภาคีที่มีอยู่ 6 ประเทศ คือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
ด้านการเมืองการปกครองของอาเซียน สมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ไม่ได้มีความเป็นเอกภาพในเรื่องของรูปแบบการเมืองการปกครองเพราะยังคงมีความแตกต่างกันอยู่
ซึ่งความร่วมมือในเสาหลักการเมืองและความมั่นคง อาเซียนจะไม่ได้มองในประเด็นความแตกต่างนี้เป็นเรื่องสำคัญ ทั้งนี้ ยังคงต้องยึดถือในหลักการของการไม่แทรกแซงซึ่งกันและกัน
“อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยจะกลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยเสมอ ถ้ามองไปที่ประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของไทย เมื่อเกิดรัฐประหาร ต่อมาก็จะกลับมาเป็นประชาธิปไตย แล้วรัฐประหารก็เกิดขึ้นอีก แต่ประชาธิปไตยก็จะกลับมาในที่สุด เพียงแต่จะใช้เวลาเนิ่นนานต่างกัน แม้ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยในวันนี้ ปีนี้ ก็อาจจะเป็นประชาธิปไตยในปีหน้า หรือปีต่อไป อะไรที่เกิดขึ้นในอดีต ก็มักจะหวนกลับมาเสมอ ผมจึงหวังว่า ประเทศไทยจะกลับมาเป็นประชาธิปไตยอีกไม่นานนี้”
ท่านทูตปีเตอร์ ไรเดอร์ กล่าวยืนยันว่า
“โดยส่วนตัวแล้ว ผมรู้สึกผิดหวังที่ประเทศไทยไม่เป็นประชาธิปไตย และผมก็คิดด้วยว่าประชาชนส่วนใหญ่ในเมืองไทยอยากเห็นการกลับมาของประชาธิปไตย ดังนั้น เราจึงหวังว่าในปีหน้าจะมีการเลือกตั้ง และนิวซีแลนด์จะให้การสนับสนุนทุกอย่างเท่าที่จะเป็นไปได้ นี่คือเหตุผลที่เราออกไปพบปะกับทุกฝ่ายเพื่อแสดงความสนับสนุนของเราในช่วงเวลาของเดือนต่อๆ ไป”
นอกจากเป็นประเทศเกษตรกรรมที่ส่งออกเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์นม เนย และพืชพันธุ์ธัญญาหารออกสู่ตลาดโลกโดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรป อเมริกา และเอเชียแล้ว นิวซีแลนด์มีบทบาทและจุดยืนที่มั่นคงในการรักษาสภาพแวดล้อมและการอนุรักษ์ธรรมชาติ
และถึงแม้จะเป็นประเทศเล็กๆ แต่นิวซีแลนด์ก็ยืนยันอย่างเหนียวแน่นในการต่อต้านอาวุธนิวเคลียร์และการทดลองนิวเคลียร์ในแปซิฟิกตอนใต้ของประเทศมหาอำนาจ ทั้งโดยรัฐและองค์กรเอกชน